xs
xsm
sm
md
lg

รักษ์วัดรักษ์ไทย : พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นาม “หลวงพ่อโต” วัดไชโยวรวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระพุทธพิมพ์
วัดไชโยวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 21 หมู่ 3 ต.ไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง

วัดนี้เดิมชื่อ “วัดไชโย” เช่นกัน เป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่มีประวัติแน่ชัดว่าใครสร้าง แต่มาปรากฏชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม กรุงเทพฯ ได้มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยใช้เวลานานเกือบ 3 ปี

สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)ได้สร้างพระพุทธรูป 2 ครั้ง ครั้งแรกสร้างเป็นพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่โตมาก ใช้วิธีก่ออิฐสอดิน แต่แล้วก็หักพังทลายลงในไม่ช้า ครั้งที่ 2 ก็ก่อเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ลดขนาดให้เล็กลงกว่าครั้งแรก ถึงกระนั้นก็ยังนับว่าใหญ่มากอยู่นั่นเอง ครั้งนี้ก่อได้สำเร็จ แต่ไม่สู้ประณีตเกลี้ยงเกลานัก เป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ ถือปูนขาว ไม่ได้ปิดทอง ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง มองเห็นได้จากที่ไกล

เมื่อ พ.ศ. 2421 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสมณฑลอยุธยา และเสด็จขึ้นทอดพระเนตรหลวงพ่อโต ทรงมีพระราชดำรัสว่า “พระใหญ่ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) สร้างนี้ดูหน้าตารูปร่างไม่งามเลย ดูที่หน้าวัดปากเหมือนขรัวโตไม่มีผิด ถือปูนขาวไม่ได้ปิดทอง ทำนองท่านไม่คิดจะปิดทอง จึงได้เจาะท่อน้ำไว้ที่พระหัตถ์”

ต่อมา พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยารัตนบดินทร (บุญรอด กัลยาณมิตร) ที่สมุหนายก สำเร็จราชการกรมมหาดไทย ขึ้นมาเป็นแม่กองปฏิสังขรณ์วัดไชโยขึ้นใหม่ทั่วทั้งพระอาราม

เมื่อมีการสร้างพระวิหารก็จำเป็นต้องมีการกระทุ้งราก พระพุทธรูปองค์ใหญ่ทนการกระเทือนไม่ได้ ก็พังลง จึงโปรดเกล้าฯ รับสร้างพระพุทธรูปใหม่เป็นของหลวง ทดแทนพระพุทธรูปที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)ได้สร้างไว้ แล้วโปรดเกล้าฯให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ นายช่างปั้นพระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ยอดเยี่ยมในสมัยนั้นขึ้นมาช่วย

พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการพิจารณาว่า จะก่อสร้างขึ้นไปในรูปเดิม แต่ใหญ่โตเท่าเดิมเห็นจะไม่ได้ กำลังความยึดเหนี่ยวของอิฐปูนคงจะไม่พอ จึงตกลงรื้อออกใหม่หมดทั้งองค์ วางรากฐานการก่อใหม่ ครั้งนี้ใช้โครงเหล็กยึดเป็นโครงรัดอิฐปูนไว้ภายใน เหมือนดังร่างที่มีกระดูก ลดขนาดให้เล็กลงเหลือเท่าที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้

พระพุทธรูปองค์นี้จึงเป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ นับเป็นการก่อสร้างครั้งที่ 3 เป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิซ้อนพระหัตถ์ตามลักษณะเดิมที่สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) สร้างไว้ แต่ครองจีวรและพาดสังฆาฏิกว้างตามแบบใหม่

เจ้าพระยารัตนบดินทรได้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดไชโยทั่วทั้งพระอาราม มีการสร้างพระวิหารประดิษฐานหลวงพ่อโต สร้างพระอุโบสถ สร้างศาลารายรอบพระวิหาร รวม 4 หลัง สร้างกำแพงแก้วเป็นเขตพุทธาวาส สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอระฆัง ศาลารายกลางวัด ศาลาท่าน้ำ จนเสร็จบริบูรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2437

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ยกฐานะของวัดไชโยขึ้นเป็นพระอารามหลวง ตั้งแต่ปีต้นของการปฏิสังขรณ์ แล้วพระราชทานพระนามพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นใหม่ว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” แล้วโปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองพระอารามเป็นงานใหญ่ 3 วัน 3 คืน เมื่อวันที่ 5-7 ตุลาคม พ.ศ. 2438 ได้พระราชทานของช่วย คือ ละครโรง 1 หนังโรง 1 ดอกไม้เพลิง 1 ต้น กัลปพฤกษ์ 2 ต้น ตลอดงาน

สิ่งสำคัญภายพระอาราม ได้แก่

• พระอุโบสถ กว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร เป็นทรงไทยโบราณมีมุขลดต่อออกมาทางด้านหน้าพระวิหาร มีช่อฟ้าหน้าบัน เสาพระวิหารรับเชิงชาย พระประธานภายในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปั้นปางสมาธิ ผนังทุกด้านมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ ฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 5

• พระวิหารหลวง หรือพระวิหารพระมหาพุทธพิมพ์ กว้าง 30 เมตรเศษ ยาว 27 เมตรเศษ สูง 1 เส้นเศษ สร้างเป็นเรือนใหญ่ครอบองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ไว้

• พระมหาพุทธพิมพ์ หรือหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 8 วา 6 นิ้ว สูงสุดยอดพระรัศมี 11 วา 1 ศอก 7 นิ้ว พุทธลักษณะของหลวงพ่อโตนั้นโดดเด่นกว่ายุคสมัย คือ พระพักตร์และพระกรรณเหมือนคนธรรมดามากกว่า และมีริ้วรอยย่นของสบง จีวร อย่างชัดเจน

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต เป็นที่ประจักษ์กันดีในหมู่ชาวเมืองอ่างทองที่เคารพนับถือ กล่าวกันว่า ผู้ที่ก่อกรรมทำชั่วไว้มาก จะไม่สามารถเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อโตได้ เนื่องจากเมื่อเข้าใกล้องค์พระ จะเห็นว่าหลวงพ่อโต กำลังจะล้มลงมาทับ

• วิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรํสี) ตั้งอยู่ริมฝั่งทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา กว้าง 22 เมตร ยาว 39 เมตร ลักษณะเป็นทรงไทย มีมุขลด มีช่อฟ้าหน้าบัน เสาพระวิหารรับเชิงชาย สวยงามมาก ภายในประดิษฐานรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ หน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 7 เมตร

• พระเจดีย์ใหญ่ ก่ออิฐถือปูน ฐานสี่เหลี่ยมมุมตัด มีบัวหงายรับคอระฆัง และมีฉัตรรูปบัวหงาย 7 ชั้น มีแกนเหล็กข้างในไปถึงยอดสุด ปั้นเป็นลูกแก้วติดไว้ด้วย

• มณฑปพระพุทธบาทจำลอง ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ ติดโรงเรียนพระปริยัติธรรม ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง

ราว 120 ปี หลังการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระอารามหลวงแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งในรัชกาลปัจจุบัน เพื่อให้คืนกลับสู่ความงดงามเฉกเช่นครั้งอดีต โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดไชโยวรวิหาร ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โปรดเกล้าฯให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดทำโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดไชโยวรวิหาร ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2554 เริ่มจากบูรณะพระวิหารหลวง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2558 จากนั้นจึงบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ วิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ศาลาราย 4 หลัง หอระฆัง รวมทั้งซุ้มประตู กำแพง และพื้นลาน รอบเขตพุทธาวาส ไปตามลำดับ คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในปี 2562

และเนื่องจากวันที่ 22 มิถุนายน เป็นวันมรณภาพสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดไชโยวรวิหารจึงได้จัดงานบุญทักษานุประทานกิจ น้อมอุทิศถวายท่านเป็นประจำทุกปี

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 174 มิถุนายน 2558 โดย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์)
ภายในพระอุโบสถ
พระอุโบสถและพระวิหาร
รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ภายในวิหาร
วิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
ศาลาการเปรียญ
มณฑปพระพุทธบาทจำลอง
กำลังโหลดความคิดเห็น