xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้คู่สุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปั่นจักรยานช่วยลดน้ำหนัก
ปั่นจักรยานช่วยลดน้ำหนัก
เดี๋ยวนี้มองไปทางไหน ก็เห็นแต่คนอ้วน และที่น่าตกใจคือ องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปี 2558 ทั่วโลกจะมีคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน 2,300 ล้านคน คนอ้วน 700 ล้านคน!! ซึ่งเกิดจากการมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารและออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม

ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย บอกว่าภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนนี้ เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน ส่งผลให้แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตกว่า 2.8 ล้านคน

ดังนั้น เพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จึงได้แนะนำให้ทุกคนออกกำลังกาย เช่น การปั่นจักรยานเป็นประจำทุกวัน วันละ 30 นาที จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตและการหายใจดีขึ้น ทำให้หัวใจและปอดทำงานได้ดี สามารถป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

นอกจากนี้ การปั่นจักรยานที่ถูกวิธียังช่วยลดแรงกระแทกบริเวณหัวเข่า ข้อเท้า ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับและกระดูกแข็งแรง สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนั้น การปั่นจักรยานสามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี โดยคำนวณจากผู้ที่น้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม หากปั่นจักรยานที่ความเร็ว 8 กิโลเมตร ในเวลา 30 นาที จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 240 กิโลแคลอรี และปฏิบัติเป็นประจำในเวลา 1 เดือน จะสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 1 กิโลกรัม

ผลตรวจเลือดวินิจฉัยโรคซึมเศร้าได้
ใครที่สงสัยว่าตัวเองอาจเป็นโรคซึมเศร้า แต่อายที่จะไปพบจิตแพทย์ ลองหันไปตรวจเลือด ซึ่งอาจบอกได้ว่า คุณเป็นหรือไม่

เมื่อเร็วๆนี้ มีงานวิจัยชิ้นใหม่เผยแพร่ในวารสาร Translational Psychiatry ซึ่งนำโดย ศจ.อีวา เรได นักจิตเวชแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ที่มุ่งความสนใจไปยังเครื่องบ่งชี้ 9 อย่างในเลือด ซึ่งจะมีระดับแตกต่างกันในคนที่เป็นหรือไม่เป็นโรคซึมเศร้า

โดยทีมนักวิจัยไม่เพียงพัฒนาชุดตรวจเลือด ที่สามารถค้นหาโมเลกุลในเลือดที่เชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้าได้ แต่ยังแยกแยะออกว่า คนไข้ใดจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัด

ทั้งนี้ คนไข้จะได้รับการบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม ซึ่งทีมวิจัยได้เฝ้าติดตามผลเพื่อค้นหาว่า ยังมีเครื่องบ่งชี้อื่นๆเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า ที่จะทำให้คนไข้ตอบสนองต่อการบำบัดได้ดีหรือไม่

ศจ.เรได กล่าวถึงสาเหตุที่ใช้ผลตรวจทางชีววิทยา เนื่องจากมองว่า โรคซึมเศร้าคือความเจ็บป่วยชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถตรวจวินิจฉัยได้

“กระเทียม - มะนาว” ช่วยเพิ่มรสเค็ม แม้ใส่เกลือน้อย
คนชอบกินเค็ม แต่ถูกจำกัดให้บริโภคน้อยๆ เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง อ่านข่าวนี้แล้วคงยิ้มได้ เพราะ น.ส.ชุษณา เมฆโหรา นักวิจัยสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษากลิ่นรสสมนุไพรไทย 14 ชนิด ต่อการรับรสเค็มในน้ำซุป ได้แก่ ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ โหระพา พริกขี้หนู กระเทียม พริก มะนาว หอมแดง ผักชี ต้นหอม และ ขิง เพื่อศึกษาคุณสมบัติด้านกลิ่นรสของสมุนไพรไทยต่อการปรับลดปริมาณโซเดียม พบว่า กลิ่นรสของกระเทียมและมะนาว ช่วยเพิ่มการรับรสเค็มในน้ำซุปได้ดีขึ้น นั่นคือ แม้จะใส่เกลือปริมาณน้อย แต่ก็ช่วยให้รู้รสเค็มได้ ส่วนกลิ่นรสของพริก ผักชีฝรั่ง โหระพา ใบมะกรูด และหอมแดง เพิ่มการรับรสเค็มได้เล็กน้อย

นักวิจัยบอกว่า หากนำกระเทียมและมะนาวมาใช้ปรุงรสอาหารจะช่วยชูรสเค็ม ทำให้ลดปริมาณเกลือที่ใช้ในการปรุงอาหารได้ เพราะจะทำให้สามารถรับรู้รสเค็มได้โดยไม่ต้องใส่เกลือปริมาณมาก คือ คนกินรู้รสเค็มแต่ใช้เกลือน้อย ซึ่งน่าจะเกิดจากกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวของสมุนไพรที่ช่วยเสริมการรับรสเค็มให้เด่นชัดขึ้น

ออกกำลังกายช่วยสมองทำงานดีขึ้น
ข่าวดีสำหรับผู้รักการออกกำลังกาย เพราะนอกจากมันจะดีต่อสุขภาพโดยรวมแล้ว สมองยังพลอยได้รับประโยชน์ ทำให้ความจำดีขึ้น และเคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่ว

บรรดานักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย ได้ศึกษารูปแบบสมองของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ทันทีหลังการออกกำลังกาย 30 นาที และอีก 15 นาทีต่อมา พบว่า เกิดผลดีต่อการทำงานและการเปลี่ยนแปลงของสมอง

“ยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้สมองปฏิรูปตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทในส่วนต่างๆของสมอง มีมากขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น และการที่สมองปฏิรูปตัวเอง นับเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สมองฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้น จึงอาจเป็นวิธีที่ใช้รักษาคนไข้ได้” ศจ.ไมเคิล ริดดิ้ง กล่าว

ทั้งนี้ งานวิจัยในอดีตชี้ว่า การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ สามารถส่งผลดีต่อการทำงานและการเปลี่ยนแปลงของสมอง แต่ไม่ได้บอกว่าการออกกำลังกายจะให้ผลดีเหมือนๆกัน ซึ่งการวิจัยครั้งนี้ ได้ยืนยันถึงผลดีดังกล่าว อีกทั้งยังมีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นที่ระบุว่า การเต้นแอโรบิคส่งผลดีต่อการทำงานของสมองในหลายๆด้าน ทั้งในระดับเซลล์และโมเลกุล ไปจนถึงโครงสร้างของสมอง

ผู้หญิงขี้อายเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์
มีเรื่องมาเตือนสาวๆที่ขี้อายและเครียดง่ายว่า กำลังบ่มเพาะนิสัยที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ซะแล้ว

โดยก่อนหน้านี้มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า ความเครียดที่สะสมยาวนาน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ แต่งานวิจัยล่าสุดเผยว่า ไม่ใช่แค่ความเครียดเท่านั้น เรื่องบุคลิกภาพก็มีส่วนก่อให้เกิดโรคอัลซเมอร์ด้วย

เพราะผู้หญิงที่ขี้อาย ชอบวิตกกังวล รับมือกับความเครียดได้ไม่ดี และอารมณ์แปรปรวนเมื่อย่างสู่วัยกลางคน มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์

ทั้งนี้ ทีมวิจัยแห่งสถาบันซาลเกรนสกา มหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ได้ศึกษากลุ่มผู้หญิง 800 คน โดยให้พวกเธอระบุว่า เคยมีปัญหาเรื่องความเครียดสูงเป็นเวลานานหรือไม่ จากนั้นให้ทำแบบทดสอบเรื่องบุคลิกภาพ มีการติดตามผลในปี 2006 หรือเกือบ 40 ปีต่อมา พบว่า 1 ใน 5 ของผู้หญิงกลุ่มนี้มีอาการเชื่อมโยงกับภาวะสมองเสื่อม

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 169 มกราคม 2558 โดย ธาราทิพย์)
ผลตรวจเลือดวินิจฉัยโรคซึมเศร้าได้
“กระเทียม - มะนาว” ช่วยเพิ่มรสเค็ม แม้ใส่เกลือน้อย
ออกกำลังกายช่วยสมองทำงานดีขึ้น
ผู้หญิงขี้อายเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น