• วธ.เตรียมจัดมหกรรมพันชุมชนคุณธรรม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแนวนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟู “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน ขับเคลื่อนให้เป็นสังคมคุณธรรมนั้น ในส่วนของ วธ. ได้มอบหมายให้กรมการศาสนา (ศน.) ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดย ศน. ได้ค้นหาชุมชนคุณธรรมต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาทิ วัดนาคปรก กรุงเทพฯ วัดราษฎร์รังสรรค์ จ.กระบี่ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม จ.กาญจนบุรี วัดบรมธาตุ จ.กำแพงเพชร วัดพุทธเกษม จ.ขอนแก่น วัดหนามแดง จ.ฉะเชิงเทรา วัดใหญ่อินทาราม จ.ชลบุรี วัดไผ่ล้อม จ.ชัยนาท วัดป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ วัดเทพประดิษฐาราม จ.ชุมพร วัดวังตะกู จ.นครปฐม วัดลานแซะ จ.พัทลุง วัดกตบรรพต จ.ยะลา วัดสามบ่อ จ.สงขลา วัดนิคมพัฒนาราม จ.สตูล วัดพิชโสภาราม จ.อุบลราชธานี วัดศรีอุทุมพรคณารักษ์ จ.อุตรดิตถ์ วัดท่าโพธิ์ จ.อุทัยธานี วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี วัดโคกพุทธา จ.อ่างทอง และวัดจอมมณี จ.หนองคาย เป็นต้น
สำหรับศาสนิกในศาสนาอื่นๆ ได้ประกาศเป็นชุมชนต้นแบบ ได้แก่ ศาสนาคริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ โดยเร็วๆนี้ ทาง ศน. จะจัดมหกรรมชุมชนคุณธรรม 1,000 ชุมชน เพื่อเผยแพร่ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับชุมชนคุณธรรมด้วย
• สวนสัตว์เชียงใหม่เนรมิตร “กระทงหิมะยักษ์” หนึ่งเดียวในโลก รับประเพณียี่เป็งเชียงใหม่
สวนสัตว์เชียงใหม่เตรียมจัดกิจกรรมต้อนรับประเพณียี่เป็ง หรือประเพณีลอยกระทง โดยมีการแกะสลักกระทงน้ำแข็ง สูง1.70 เมตร กว้าง 2.50 เมตร หนักประมาณ 6 ตัน ใช้น้ำแข็ง 10,000 กิโลกรัม โดยช่างแกะสลักกระทงหิมะใช้เวลานานกว่าเดือนในการแกะสลัก นับเป็นกระทงหิมะหนึ่งเดียวของไทยและของโลก และเป็นแห่งแรกของโลกที่จัดลอยกระทงหิมะ
นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การแกะสลักน้ำแข็งเป็นกระทงขนาดใหญ่ครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างสีสันและส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงการจัดงานประเพณียี่เป็ง โดยเตรียมที่จะจัดกิจกรรมพิเศษเป็นการ “ลอยกระทงหิมะ” แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ภายใต้อุณหภูมิติดลบ 7 องศาเซลเซียส ด้วยการให้นักท่องเที่ยวร่วมลอยกระทงใบตองที่จัดเตรียมไว้ให้ แล้วปล่อยลงมากับเนินสไลเดอร์หิมะ เพื่อให้บรรยากาศคล้ายกับการลอยกระทงตามแม่น้ำสำคัญต่างๆ ตลอดจนถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับกระทงน้ำแข็งยักษ์ ภายในเชียงใหม่ซู สโนวโดม คาดว่ากิจกรรมนี้น่าจะสร้างความแปลกใหม่ และได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว โดยจะจัดตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดช่วงงานประเพณียี่เป็ง
• สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดเว็บไซต์ รวมข้อมูลสมุนไพรไทยเพื่อการดูแลสุขภาพ
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สมุนไพรไทยได้รับความนิยมมากในอุตสาหกรรมเพื่อความงาม เช่น เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก แต่ประชาชนยังเข้าถึงแหล่งข้อมูลงานวิจัย และองค์ความรู้ด้านสมุนไพรที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือในสัดส่วนน้อย
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติจึงได้ร่วมกับเครือข่ายนักวิชาการ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สนับสนุน บริษัท แชร์เฮิร์บ จำกัด พัฒนาเว็บไซต์ในชื่อ ShareHerb.com รวบรวมข้อมูลด้านวิชาการของสมุนไพรไทย การรักษาโรค การดูแลสุขภาพ รวมถึงการสืบค้นข้อมูลสมุนไพรจากอาการของโรคต่างๆ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรและการแพทย์ทางเลือกให้มีประสิทธิภาพ
โดย ShareHerb.com จะเป็นช่องทางชุมชนออนไลน์ ที่นำเสนอแนวทางในการบำบัดรักษาโรค และสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรให้กับผู้บริโภค และมีระบบตรวจสอบย้อนกลับสมุนไพร เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ที่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง สร้างความสะดวกให้กับผู้บริโภค และใช้ข้อมูลดังกล่าวในการตัดสินใจใช้สมุนไพรได้ง่ายขึ้น
• ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดเทศกาล “หุ่นโลก กรุงเทพฯ 2014”
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงข่าวการจัดเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ 2014” ว่า ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1-10 พฤศจิกายน ณ บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยการจัดงานครั้งนี้มีคณะนักแสดงหุ่นที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก 116 คณะ จาก 79 ประเทศ ร่วมกับคณะนักแสดงหุ่นของไทยอีก 50 คณะ รวมทั้งหมด 166 คณะ ถือเป็นเทศกาลการแสดงหุ่นที่มากที่สุดในโลก ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยว การเผยแพร่แลกเปลี่ยนเอกลักษณ์ทางศิลปะของไทย สร้างภาพลักษณ์ของประเทศสู่ชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจ ทั้งการจัดนิทรรศการหุ่นประเทศต่างๆ การสาธิตเชิดหุ่นทั่วโลก การฉายภาพยนตร์ การสร้างหุ่นประเภทต่างๆ และการประกวดการแสดงหุ่น ซึ่งทุกเวทีเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมฟรี
ด้านนายสุรัตน์ จงดา หัวหน้าคณะหุ่นหลวง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวว่า คณะได้นำหุ่นหลวงโบราณอายุกว่า 500 ปี ซึ่งสูญหายไปนับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มารื้อฟื้นแสดงใหม่ในชุดการแสดงเรื่อง ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามรบกามะนี ใช้หุ่น 20 ตัว ผู้แสดงกว่า 60 คน จัดแสดงวันที่ 9-10 พฤศจิกายน ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยหุ่นหลวงมีลักษณะพิเศษ คือ ทั้งตัว บ่า ร่องแขน ร้อยกลไกเป็นเหมือนมนุษย์มีชีวิต มีวิธีการเชิดอ่อนช้อยจากด้านล่างสู่ด้านบน ต่างจากหุ่นทั่วไป ที่เชิดจากบนลงล่าง
• สธ. เตรียมขยายคลินิกรักษาโรคผสมผสาน
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ผู้บริหารกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ว่า ได้ให้ขยายการจัดบริการรักษาพยาบาลแบบผสมผสานในคลินิกแพทย์แผนปัจจุบัน (Complimentary Medicine) ตามแนวทางองค์การอนามัยโลก โดยให้แพทย์แผนปัจจุบันรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพรไทย หรือส่งไปบำบัดรักษาต่อแบบการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เช่น การนวดไทย การฝังเข็ม การจัดกระดูก เป็นต้น ซึ่งมีแผนจัดหลักสูตรอบรมแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย ให้สามารถนำไปใช้รักษาประชาชนได้ โดยขณะนี้มีโรงพยาบาลที่ดำเนินการได้ผลดีเป็นต้นแบบ 14 แห่ง เช่น โรงพยาบาลเสาไห้ จ.สระบุรี เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการพัฒนางานด้านการแพทย์แผนไทยที่ผ่านมา ได้จัดบริการคลินิกการแพทย์แผนไทยในรูปแบบคู่ขนานไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน ดำเนินการได้แล้วร้อยละ 41 ของโรงพยาบาลทุกระดับ โดยในปี 2558 มีเป้าหมายจะเพิ่มให้ได้ร้อยละ 70 และจะเพิ่มคลินิกแพทย์แผนไทยดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์อัมพาต มะเร็ง ไมเกรน ในโรงพยาบาล 300 แห่ง
• สธ. นำร่องบริการใหม่ ดูแล “ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ระยะสุดท้ายชีวิต”
เมื่อเร็วๆนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดอบรมแพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักสังคมสงเคราะห์ นักโภชนาการ กว่า 250 คนจากโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ 16 แห่งทั่วประเทศ เพื่อถ่ายทอดความรู้ การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต อาทิ โรคมะเร็ง โรคไต ก่อนเสียชีวิต ซึ่งเป็นบริการใหม่ในระบบสุขภาพประเทศไทย ช่วยคลายทุกข์ญาติและผู้ป่วย ก่อนเสียชีวิต ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเปิดอบรมว่า ขณะนี้ ทั่วโลกให้ความสนใจในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และถือเป็นประเด็นที่ต้องส่งเสริมเพื่อให้มีการบริการอย่างทั่วถึง
ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายเร่งรัดการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาวะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่อยู่ในภาวะที่พึ่งพิง รวมทั้งผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม มีผลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเน้นการมีส่วนร่วมดูแลจากชุมชนและครอบครัว
สำหรับบริการดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิตนี้ เป็นบริการใหม่ในระบบสุขภาพไทยและมีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเรื้อรั งเช่นมะเร็ง เบาหวาน โรคไต โรคเอดส์ เป็นต้น รวมกว่า 4 ล้านราย และพบมากในผู้สูงอายุ โดยโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประเทศติดต่อกันมากว่า 10 ปี คือโรคมะเร็ง
นายแพทย์รัชตะกล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์ พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ให้เหมาะสมกับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแต่ละกลุ่มโรคและสถานพยาบาลแต่ละระดับ ให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาที่มีมาตรฐาน เพื่อคลายอาการทุกข์จากการป่วย ทั้งการจัดการความเจ็บปวด อาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ และการดูแลด้านจิตใจ จิตวิญญาณตามหลักศาสนาแก่ผู้ป่วยและญาติ
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าให้โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ 16 แห่งทั่วประเทศ ขยายแนวทางการรักษาแบบประคับประคองผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้สมบูรณ์แบบ และหารูปแบบที่ดีและเหมาะสมกับสังคมไทย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยใกล้ชิด ด้วยการนำผู้ป่วยกลับไปดูแลที่บ้านก็สามารถทำได้ โดยจะมีทีมสหวิชาชีพแนะนำการรักษา ทั้งเรื่องอาหารและยา ซึ่งญาติผู้ป่วยสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 167 พฤศจิกายน 2557 โดย กองบรรณาธิการ)