ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เน้นการวิจัยเพื่อให้มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับเหมือนการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและแพทย์ผู้รักษาในการใช้ยาสมุนไพร การแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก ซึ่งขณะนี้สมุนไพรไทยที่นำไปผลิตเป็นยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง สร้างรายได้แก่ประเทศปีละ 300,000 ล้านบาท รวมทั้งการนวดไทยซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เพื่อผลักดันเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพของไทย ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงการสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ จากการปลูกพืชสมุนไพร แปรรูปสมุนไพร การนวดไทย จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการแพทย์ ไม่ต้องพึ่งพาการแพทย์แผนตะวันตกเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ได้ให้ขยายการจัดบริการรักษาพยาบาลแบบผสมผสานในคลินิกแพทย์แผนปัจจุบัน (Complimentary Medicine) ตามแนวทางองค์การอนามัยโลกให้แพทย์แผนปัจจุบันรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพรไทย หรือส่งไปบำบัดรักษาต่อแบบการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เช่น การนวดไทย การฝังเข็ม การจัดกระดูก เป็นต้น ซึ่งมีแผนจัดหลักสูตรอบรมแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยสามารถนำไปใช้รักษาประชาชนได้ โดยขณะนี้มีโรงพยาบาลที่ดำเนินการได้ผลดีเป็นต้นแบบ 14 แห่ง เช่น โรงพยาบาลเสาไห้ จ.สระบุรี เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการพัฒนางานด้านการแพทย์แผนไทยที่ผ่านมา ได้จัดบริการคลินิกการแพทย์แผนไทยในรูปแบบคู่ขนานไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน ดำเนินการได้แล้วร้อยละ 41 ของโรงพยาบาลทุกระดับ ในปีที่ผ่านมามีผู้รับบริการ 26 ล้านครั้งจากการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกทั้งหมด 157 ล้านครั้ง คิดเป็นร้อยละ 17 ในปี 2558 มีเป้าหมายจะเพิ่มให้ได้ร้อยละ 70 และจะเพิ่มคลินิกแพทย์แผนไทยดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์อัมพาต มะเร็ง ไมเกรน ในโรงพยาบาล 300 แห่ง รวมทั้งการพัฒนาโรงงานผลิตยา และผลิตภัณฑ์สมุนไพรในโรงพยาบาลรัฐที่มี 47 แห่งให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี ซึ่งจะเป็นการสร้างอาชีพ และรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่จากการปลูกและจำหน่ายสมุนไพรเป็นวัตถุดิบด้วย
สำหรับการวิจัยและพัฒนายาสมุนไพรเพื่อผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติที่ผ่านมามี 76 รายการ ในปี 2558 จะเพิ่มอีก 15 รายการ รวมทั้งจะการศึกษาวิจัยภูมิปัญญาและตำรับยารักษาโรคต่าง ๆ ที่คนไทยป่วยกันมาก อีก 14 เรื่อง เช่น มะเร็ง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
นอกจากนี้ ได้ให้ขยายการจัดบริการรักษาพยาบาลแบบผสมผสานในคลินิกแพทย์แผนปัจจุบัน (Complimentary Medicine) ตามแนวทางองค์การอนามัยโลกให้แพทย์แผนปัจจุบันรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพรไทย หรือส่งไปบำบัดรักษาต่อแบบการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เช่น การนวดไทย การฝังเข็ม การจัดกระดูก เป็นต้น ซึ่งมีแผนจัดหลักสูตรอบรมแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยสามารถนำไปใช้รักษาประชาชนได้ โดยขณะนี้มีโรงพยาบาลที่ดำเนินการได้ผลดีเป็นต้นแบบ 14 แห่ง เช่น โรงพยาบาลเสาไห้ จ.สระบุรี เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการพัฒนางานด้านการแพทย์แผนไทยที่ผ่านมา ได้จัดบริการคลินิกการแพทย์แผนไทยในรูปแบบคู่ขนานไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน ดำเนินการได้แล้วร้อยละ 41 ของโรงพยาบาลทุกระดับ ในปีที่ผ่านมามีผู้รับบริการ 26 ล้านครั้งจากการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกทั้งหมด 157 ล้านครั้ง คิดเป็นร้อยละ 17 ในปี 2558 มีเป้าหมายจะเพิ่มให้ได้ร้อยละ 70 และจะเพิ่มคลินิกแพทย์แผนไทยดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์อัมพาต มะเร็ง ไมเกรน ในโรงพยาบาล 300 แห่ง รวมทั้งการพัฒนาโรงงานผลิตยา และผลิตภัณฑ์สมุนไพรในโรงพยาบาลรัฐที่มี 47 แห่งให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี ซึ่งจะเป็นการสร้างอาชีพ และรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่จากการปลูกและจำหน่ายสมุนไพรเป็นวัตถุดิบด้วย
สำหรับการวิจัยและพัฒนายาสมุนไพรเพื่อผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติที่ผ่านมามี 76 รายการ ในปี 2558 จะเพิ่มอีก 15 รายการ รวมทั้งจะการศึกษาวิจัยภูมิปัญญาและตำรับยารักษาโรคต่าง ๆ ที่คนไทยป่วยกันมาก อีก 14 เรื่อง เช่น มะเร็ง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น