พ่อ : วันนี้ครูโทรมาบอกพ่อว่าลูกไม่ได้ส่งการบ้านมาเกือบเดือนแล้ว เรื่องมันเป็นยังไงลูก?
ลูกชาย : ผมกะว่าจะไปทำที่โรงเรียนตอนเช้าแต่ทำไม่ทันครับ เลยบอกครูว่าลืมเอาสมุดการบ้านมา
พ่อ : แล้วทำไมถึงไม่ส่งการบ้านครูตั้งเกือบเดือนล่ะ?
ลูกชาย : พอไม่ได้ทำหลายๆวัน ยิ่งเยอะก็ยิ่งไม่อยากทำครับ ของเก่ายังไม่เสร็จของใหม่ก็มาอีก จนผมไม่รู้จะทำยังไง?
พ่อ : แล้วครูไม่ว่าอะไรเหรอ?
ลูกชาย : ผมบอกครูว่าลืมเอามา บางทีก็บอกว่าสมุดหาย อายเพื่อนเหมือนกันเพราะเขารู้แล้วว่าผมพูดไม่จริง กลัวเค้าจะไปฟ้องครู กลัวโดนทำโทษ กลัวพ่อกับแม่รู้
พ่อ : นอกจากไม่ส่งการบ้าน ลูกก็อายเพื่อนอายครูที่พูดไม่จริง ยิ่งหาข้อแก้ตัวก็ยิ่งต้องโกหก ยิ่งโกหกก็ยิ่งเหนื่อย แล้วลูกจะทำยังไงต่อไป?
ลูกชาย : ผมกะว่าจะรีบทำการบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้ก่อนครับ
พ่อ : ดีแล้วที่เริ่มต้นทำเรื่องด่วนหรือเรื่องทำเสร็จได้เร็ว จะได้มีกำลังใจ ส่วนการบ้านที่ค้างไว้ก็ไปคุยกับครูว่าจะเลื่อนส่งได้มั้ย แล้วมาช่วยกันวางแผนว่าจะทำส่งครูยังไง
ลูกชาย : ขอบคุณครับพ่อ พ่อจะทำโทษที่ผมโกหกมั้ย?
พ่อ : เรื่องนั้นมาคุยกันหลังลูกแก้ไขปัญหานี้เสร็จแล้ว
• หมอเหมียวชวนคุย
การซักถามปัญหาโดยไม่เริ่มต้นด้วยคำตำหนิ หรือตั้งคำถามถึงสาเหตุที่ลูกโกหก จะทำให้เด็กไม่สร้างเรื่องโกหกต่อเพื่อปกป้องความผิดของตนเอง การพูดด้วยเหตุผลและพร้อมที่จะร่วมแก้ไขปัญหาจะทำให้เด็กเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไม่ปิดบัง และเกิดความสำนึกผิดได้ด้วยตนเอง
• ท่าทีพ่อแม่ในการแก้ปัญหาเมื่อพบว่าลูกโกหก
เมื่อรู้ว่าลูกโกหกพ่อแม่ที่ใช้การถามคาดคั้นเพื่อให้ลูกสารภาพ หรือการถามนำที่ทำให้เด็กโกหก เช่น ลูกหยิบเงินไปใช่มั้ย? (เปล่า ผมไม่ได้เอาไป!) ทำไมถึงชอบพูดโกหก? (หนูไม่ได้โกหก!) ล้วนเป็นวิธีที่ไม่ได้ผล เพราะลูกจะปฏิเสธเพื่อปกปิดความผิด ถ้าลูกโกหกครั้งแรกแล้วจะมีครั้งต่อๆไป ยิ่งทำแล้วพ่อแม่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เด็กจะโกหกไปเรื่อยๆจนติดเป็นนิสัย และใช้วิธีโกหกเป็นการเลี่ยงและปกปิดปัญหา
เมื่อพบว่าลูกโกหก..... เราจะเป็นพ่อแม่แบบไหนที่จะทำให้ลูกเล่าความจริงโดยที่ไม่สร้างเรื่องโกหกขึ้นมาอีก
พ่อแม่ที่ใช้อารมณ์และการลงโทษ กับพ่อแม่ที่ไม่ตำหนิแต่อยากรู้เหตุผล
พ่อแม่ที่ใช้ท่าทีคาดคั้นเอาผิด กับพ่อแม่ที่นิ่ง สุภาพ และพร้อมจะรับฟังปัญหา
พ่อแม่ที่ถามว่า “ทำไมไม่ส่งการบ้านตั้งเกือบเดือน? เพราะไม่ตั้งใจเรียนใช่ไหม?”
กับพ่อแม่ที่ถามว่า “ไม่ได้ส่งการบ้านตั้งเกือบเดือน เรื่องมันเป็นยังไงลูก?”
พ่อแม่ที่พูดสั่งสอน กับพ่อแม่ที่ถามถึงความรู้สึกของลูก
การเข้าถึงสาเหตุของปัญหาด้วยท่าทีที่นิ่ง มั่นคง สุภาพ และรับฟัง เด็กจะรู้สึกว่าพ่อแม่เข้าใจและใส่ใจกับปัญหาของเขา ซึ่งทำให้เด็กวางใจและเล่าความจริงให้พ่อแม่ฟังโดยไม่ปิดบัง
• ควรทำ
- สาเหตุที่เด็กโกหก อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กลัวว่าจะถูกลงโทษ ปกป้องคนอื่น เป็นการเลียนแบบ ไม่รับผิดชอบ เป็นนิสัยไม่ดีติดตัว ไม่มีคนสอน ฯลฯ
- การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ ถามถึงความรู้สึก ความคิดของเด็ก ให้เวลา ท่าทีเป็นมิตร ไม่ตำหนิ บรรยากาศไม่กดดัน ไม่ด่วนชี้แนะ หรือสั่งสอน ไม่ดุว่าและท่าทีที่พร้อมจะช่วยแก้ปัญหา ด้วยความเห็นใจ จะช่วยให้เด็กมีกำลังใจในการเปิดเผยความคับแค้นหรือปัญหาที่เกิดขึ้น
- กระตุ้นให้เด็กหัดคิดวิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบต่างๆ ช่วยเสนอแนวคิดและวิธีการอื่นที่เด็กอาจคิดไม่ถึง ชี้นำให้มองไปถึงข้อดีข้อเสียในวิธีการต่างๆกัน ฝึกลูกผสมผสานความคิดจากหลายความคิดเห็น จนได้ความคิดที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหา เช่น เรียงลำดับความสำคัญของงานว่าเรื่องไหนสำคัญ จำเป็น และเร่งด่วน ไปพบครูเพื่อสารภาพผิด ขอโทษและขอเลื่อนเวลาส่งงาน วางแผนและแบ่งงาน หรือหาคนช่วย ฯลฯ
- ชมเมื่อเด็กเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ให้กำลังใจขณะที่เด็กรับผิดชอบกับงาน ติดตามใกล้ชิดให้เด็กทำจนสำเร็จ สอบถามถึงความรู้สึก ความคิดเมื่อแก้ปัญหาต่างๆได้แล้ว และถามถึงสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยท่าทีที่เข้าใจ เป็นมิตร และมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
• ไม่ควรทำ
- ไม่ถามนำให้เด็กโกหก เช่น เอาเงินพ่อไปหรือเปล่า? ไม่ตั้งใจเรียนใช่มั้ย? ไม่ควรถามแบบคุกคามทำให้เด็กต้องโกหกต่อ
* หัวใจการเลี้ยงดู
คำพูดและท่าทีของพ่อแม่ที่สุภาพ นิ่ง มั่นคง เข้าใจและรับฟังปัญหาจะทำให้ลูกวางใจเล่าความจริง
จัดทำข้อมูลโดย : นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย
สนับสนุนโดย : สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 164 สิงหาคม 2557 โดย แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย)