นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ช่วงเทศกาลการแข่งขันฟุตบอลครั้งสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลยูโร ถือเป็นฤดูกาลแข่งขันที่แฟนๆ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ และเฝ้าเชียร์กันอย่างมาก โดยปัญหาที่มักพบตามมา หนีไม่พ้น ปัญหาการพนัน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างชัดเจน ที่สำคัญ เสี่ยงต่อการเป็นโรค “ติดพนัน (Pathological Gambling)” โดยจะรู้สึกตึงเครียดหรือปลุกเร้าเป็นอย่างมากก่อนการกระทำ และจะรู้สึกยินดีอิ่มเอมใจ หรือรู้สึกปลดปล่อยระหว่างที่กำลังกระทำ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้จะไม่สามารถต่อต้านแรงกระตุ้น แรงผลักดันหรือสิ่งยั่วยวนที่จะให้กระทำการบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นได้
ทั้งนี้ ความชุกของภาวะติดพนันในประชากรทั่วไปที่เป็นผู้ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 3 ส่วนในประเทศไทย พบ ร้อยละ 8 ของประชากร แนะนำให้คอบอล ครอบครัว และคนใกล้ชิด ประเมินความเสี่ยง การติดพนัน เพื่อหาทางป้องกันและบำบัดรักษาได้อย่างทันท่วงที คำถาม 9 ข้อ โดยมีคำตอบให้เลือก คือ ไม่เคย บางครั้ง บ่อยครั้ง และเป้นประจำ 1.เคยเล่นพนันโดยใช้เงินจำนวนมาก 2. ต้องเพิ่มเงินพนันเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น เร้าใจ 3. ต้องหวนกลับไปแก้มือเสมอเพราะหวังว่าจะได้ทุนคืน 4. เคยหยิบยืมเงินคนอื่น หรือจำนำ/ จำนองของมีค่าของตนเพื่อให้ได้เงินไปเล่นพนัน 5. สงสัยว่าตัวคุณอาจติดพนัน 6. มีปัญหาสุขภาพ เครียดง่าย อารมณ์ หงุดหงิดบ่อยครั้ง 7. มีคนกล่าวหาคุณว่าเป็นคนติดการพนัน 8. มีปัญหาการเงินและทรัพย์สินจากการพนัน 9. รู้สึกผิดกับการเล่นพนันและสิ่งที่ตามมา ภายหลังการพนัน
หากมีพฤติกรรมบ่อยครั้งตั้งแต่ 8 ข้อขึ้นไป เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องส่งพบจิตแพทย์ เพื่อบำบัดโรคติดพนัน ด้วยการใช้ยาและจิตบำบัด ระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี หากมีพฤติกรรมบ่อยครั้ง/ประจำ 3-7 ข้อ เป็นผู้มีความเสี่ยงปานกลาง ให้คำแนะนำทางโทรศัพท์ด้วยการเสริมสร้างแรงจูงใจ และติดตามผลการบำบัดทางโทรศัพท์ ระยะเวลา 1-3 เดือน ส่วนมีพฤติกรรมบ่อยครั้ง/ประจำ น้อยกว่า 2 ข้อ เป็นผู้มีความเสี่ยงน้อย แต่มีโอกาสกลายเป็นผู้มีความเสี่ยงต่อโรคติดพนัน หากมีการกลับเป็นซ้ำบ่อยๆ ทั้งนี้ สามารถ ดาวน์โหลดแบบสอบถามได้ที่ www.dmh.go.th ตลอดจน ขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 : ปรึกษาปัญหาพนัน ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ dmh1323@dmh.mail.go.th
ทั้งนี้ ความชุกของภาวะติดพนันในประชากรทั่วไปที่เป็นผู้ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 3 ส่วนในประเทศไทย พบ ร้อยละ 8 ของประชากร แนะนำให้คอบอล ครอบครัว และคนใกล้ชิด ประเมินความเสี่ยง การติดพนัน เพื่อหาทางป้องกันและบำบัดรักษาได้อย่างทันท่วงที คำถาม 9 ข้อ โดยมีคำตอบให้เลือก คือ ไม่เคย บางครั้ง บ่อยครั้ง และเป้นประจำ 1.เคยเล่นพนันโดยใช้เงินจำนวนมาก 2. ต้องเพิ่มเงินพนันเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น เร้าใจ 3. ต้องหวนกลับไปแก้มือเสมอเพราะหวังว่าจะได้ทุนคืน 4. เคยหยิบยืมเงินคนอื่น หรือจำนำ/ จำนองของมีค่าของตนเพื่อให้ได้เงินไปเล่นพนัน 5. สงสัยว่าตัวคุณอาจติดพนัน 6. มีปัญหาสุขภาพ เครียดง่าย อารมณ์ หงุดหงิดบ่อยครั้ง 7. มีคนกล่าวหาคุณว่าเป็นคนติดการพนัน 8. มีปัญหาการเงินและทรัพย์สินจากการพนัน 9. รู้สึกผิดกับการเล่นพนันและสิ่งที่ตามมา ภายหลังการพนัน
หากมีพฤติกรรมบ่อยครั้งตั้งแต่ 8 ข้อขึ้นไป เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องส่งพบจิตแพทย์ เพื่อบำบัดโรคติดพนัน ด้วยการใช้ยาและจิตบำบัด ระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี หากมีพฤติกรรมบ่อยครั้ง/ประจำ 3-7 ข้อ เป็นผู้มีความเสี่ยงปานกลาง ให้คำแนะนำทางโทรศัพท์ด้วยการเสริมสร้างแรงจูงใจ และติดตามผลการบำบัดทางโทรศัพท์ ระยะเวลา 1-3 เดือน ส่วนมีพฤติกรรมบ่อยครั้ง/ประจำ น้อยกว่า 2 ข้อ เป็นผู้มีความเสี่ยงน้อย แต่มีโอกาสกลายเป็นผู้มีความเสี่ยงต่อโรคติดพนัน หากมีการกลับเป็นซ้ำบ่อยๆ ทั้งนี้ สามารถ ดาวน์โหลดแบบสอบถามได้ที่ www.dmh.go.th ตลอดจน ขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 : ปรึกษาปัญหาพนัน ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ dmh1323@dmh.mail.go.th