ASTV ผู้จัดการรายวัน - กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วประเทศ กรณีของ "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย ชาวเกาหลีใต้ กับ “น้องก้อย” รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย วัย 23 ปี ในเรื่องของระเบียบวินัยและการลงโทษนักกีฬาระหว่างที่ไปทำการแข่งขันที่เกาหลีใต้ ว่าต้นเหตเกิดจากความรุนแรงในบทลงโทษของ “โค้ช” หรือเป็นความไร้วินัยของ “นักกีฬา” ซึ่งยังไม่อาจหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้
อย่างไรก็ตาม ทีมงาน MGR Sport ได้มีโอกาสพูดคุยสอบถามทรรศนะเรื่องระเบียบวินัยและการลงโทษนักกีฬากับหลายสมาคม ซึ่งอยู่ระหว่างการเรียกนักกีฬาเข้าเก็บตัวเนื่องจากใกล้ถึงมหกรรมกีฬาสำคัญ เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ เมืองอินชอน เกาหลีใต้ วันที่ 19 กันยายน - 4 ตุลาคมนี้ ทุกฝ่ายจะต้องทุ่มเทฝึกซ้อมกันอย่างหนัก
โดย แก้ว พงษ์ประยูร ฮีโร่เหรียญเงินมวยสากลสมัครเล่น โอลิมปิก 2012 เปิดเผยถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จ ที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ และน้ำตา “สมัยที่ผมยังเป็นนักกีฬานั้น จะต้องมุ่งมั่นกับการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก ซึ่งหากเราไม่ขยันซ้อมโค้ชก็จะต้องมีวิธีการลงโทษเพื่อให้เรามีระเบียบวินัย ยิ่งเมื่อถึงการแข่งขันหากมีพฤติกรรมไม่ทุ่มเท หรือชกไม่เต็มที่เหมือนตอนซ้อมจะถูกลงโทษด้วยการลงนวม หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นเป้านิ่งให้เพื่อนซ้อม นั่นคือเราเป็นคู่ซ้อมให้เพื่อนเฉยๆ ห้ามตอบโต้ ป้องกันได้อย่างเดียว”
“สำหรับการลงนวม จะรู้สึกเจ็บไม่ต่างจากการขึ้นชก แต่การทำโทษวิธีนี้จะเหนื่อย และคนโดนทำโทษจะต้องอดทนมาก เพราะเราจะยืนเป็นคู่ซ้อมให้เพื่อนร่วมทีม จนกว่าเพื่อนจะทำผลงานได้ถูกใจโค้ช ซึ่งคงไม่ค่อยมีใครชอบการลงโทษวิธีนี้ ในปัจจุบันผมได้ผันตัวเองมาเป็นผู้ฝึกสอนของสมาคมมวยสากล และการลงโทษชนิดนี้ก็ยังนำมาใช้ เพราะจะช่วยทำให้นักกีฬามีระเบียบวินัย” กำปั้นขวัญใจชาวไทยกล่าว
ขณะที่กีฬาที่อ่อนช้อยสวยงามอย่าง “ยิมนาสติก” ก็ต้องมีการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อให้ผลงานออกมาสวยหรูไม่แพ้รูปลักษณ์นักกีฬา โดยแหล่งข่าวอดีตนักกีฬาที่มีชื่อเสียงยอมรับว่า ต้องผ่านการฝึกซ้อมแบบโหดๆ จากผู้ฝึกสอนทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศมาแล้วไม่น้อย “กีฬายิมนาสติก จะต้องมีการฝึกซ้อมตั้งแต่เด็กๆ เพื่อให้ตัวอ่อน และจดจำการเคลื่อนไหวต่างๆ แต่เมื่อก้าวขึ้นมาติดทีมชาติ ทุกคนจะต้องมีมุ่งมั่นอย่างมาก ซึ่งในเวลาซ้อมต่อให้นักกีฬาจะมีอาการบาดเจ็บ ก็ต้องซ้อมให้เต็มที่ ชนิดที่ว่าฉีกแข้ง ฉีกขา แบบห้ามสนใจสิ่งรบกวน เพราะสมาธิและการเคลื่อนไหวของร่างกายถือเป็นเรื่องสำคัญมาก นักกีฬาทุกคนจึงต้องลืมว่ามีอาการบาดเจ็บ และกัดฟันฝึกซ้อมเพื่อประเทศชาติ หากใครทำไม่เต็มที่ หรือแสดงความอ่อนแอก็อาจโดนทำโทษอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน”
สอดคล้องกับสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ที่ผลิตนักกีฬาออกมาสร้างชื่อเสียงมากมาย ต่างก็ต้องผ่านการเคี่ยวเข็ญอย่างหนักของผู้ฝึกสอนมาไม่น้อย และยังมีบทลงโทษที่หนักหน่วงไม่เป็นรองสมาคมอื่น จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่เป็นผู้ฝึกสอนในสมาคม “กีฬาว่ายน้ำจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องฝึกซ้อมหนัก เพื่อให้ร่างกายแข่งแกร่ง สามารถเอาชนะสถิติเก่าๆ ให้ได้ทุกวัน ซึ่งเป็นธรรมดาที่นักกีฬาหลายคนจะออกอาการเกเร หรือเบื่อการฝึกซ้อม จึงจำเป็นต้องมีการลงโทษกัน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกันไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง อาจเริ่มจากเบาไปหาหนักด้วยวิธีฟาดด้วยสายนกหวีด, กระบอง, ปั่นจิ้งหรีด หรือว่าย 1000 เมตร (สระระยะ 50 เมตร) ยิ่งช่วงใกล้เวลาแข่งขันถ้านักกีฬาทำเวลาได้ไม่ดี ทันทีที่ว่ายมาเอามือแตะขอบสระ จะถูกยันให้กลับไปว่ายอยู่อย่างนั้นจนกว่าเวลาจะอยู่ในเกณฑ์ที่ผู้ฝึกสอนกำหนด เพราะถือว่าทุกคนคือนักกีฬาทีมชาติ ลงแข่งขันด้วยเกียรติ ด้วยงบประมาณของชาติ การฝึกซ้อม การทำโทษ ทุกอย่างคือหน้าที่ของโค้ช จะไม่มีการปล่อยให้ผู้ปกครองมาก้าวก่ายเด็ดขาด”
ด้านสมาคมยิงปืน แม้จะไม่จำเป็นต้องอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายมากเหมือนนักกีฬาชนิดอื่น ทว่าระเบียบ วินัย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมี โดย นายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ อดีตผู้บริหารสมาคม เปิดเผยว่าบทลงโทษนักกีฬาที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมนั้นมีความรุนแรงไม่น้อยกว่าสมาคมกีฬาอื่นๆ “สำหรับผมคิดว่าการลงโทษนักกีฬา ไม่ต่างอะไรจากการที่พ่อทำโทษลูก เมื่อไม่รักษาวินัย หรือกระทำความผิด เพราะเชื่อว่าไม่มีใครเห็นลูกตัวเองเป็นกระสอบทราย ไว้คอยระบายอารมณ์แน่นอน เพียงแต่ทำไปเพราะต้องการให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการทำโทษของผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ จะลงโทษนักกีฬารุนแรงที่สุด ยกตัวอย่างเพียงแค่นักกีฬาพูดคุยกันระหว่างฝึกซ้อม จะถูกตบแบบเต็มฝ่ามือ และไม่สนใจคนรอบข้างในทันที เพราะเกาหลีใต้ถือเป็นชาติที่เคร่งเรื่องวินัยเป็นอย่างมาก รองลงมาจะเป็นผู้ฝึกสอนชาวเวียดนาม หากนักกีฬาไม่มีสมาธิ หรือไม่เต็มที่กับการแข่งขันก็จะถูกตีด้วยด้ามปืน ก็เคยมีมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ยอมรับกันได้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของกันและกัน”
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับการทำโทษนักกีฬา ซึ่งอาจถูกมองว่ารุนแรงเกินไป แต่วิธีการดังกล่าวล้วนเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ โดยไม่มีผู้ฝึกสอนรายใดมีความสุขกับการกระทำไม่ว่าจะแนวทางใดก็ตาม หากว่านักกีฬาทั้งหลายมีความรับผิดชอบและเอาใจใส่กับการพัฒนาตัวเองบทสรุปสุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่ชื่อเสียงของประเทศชาติเป็นเพียงผลพลอยได้ที่จะตามมาเท่านั้น
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *