• แปรงซอกฟัน ช่วยลดโรคปริทันต์
เดี๋ยวนี้คนวัยทำงานเริ่มมีปัญหาเรื่องโรคปริทันต์ ซึ่งมีความรุนแรงกว่าเหงือกอักเสบ มีอาการเลือดออกขณะแปรงฟัน เหงือกบวมแดง มีกลิ่นปาก เหงือกร่น มีหนองออกจากร่องเหงือก ฟันโยกหรือฟันห่าง นำไปสู่การสูญเสียฟัน
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย แนะนำว่า ผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ หรือเสี่ยงต่อการเกิดโรคปริทันต์ การแปรงฟันปกติอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากมีช่องว่างระหว่างซี่ฟันบริเวณเหนือเหงือกขนาดใหญ่ และมีร่องลึกลงไปใต้เหงือกที่ยากจะทำความสะอาด การแปรงซอกฟันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งนอกจากจะช่วยลดคราบจุลินทรีย์แล้ว ยังช่วยป้องกันโรครำมะนาด
ส่วนการเลือกแปรงสำหรับแปรงซอกฟัน ควรเลือกให้เหมาะกับช่องว่างระหว่างซี่ฟัน ซึ่งจะมีตั้งแต่ขนาด 0.6 - 1.8 มม. ขนาดของแปรงไม่เล็กจนเกินไปเพราะจะหักง่าย และไม่ใหญ่เกินไปเพราะเบียดซี่ฟัน อาจทำให้ฟันสึกและเป็นช่องโหว่ วิธีการใช้ คือ สอดขนแปรงที่ช่องว่างระหว่างซี่ฟัน ดึงเข้าออก 3-4 ครั้ง และต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง จึงจะได้ผลดีที่สุด
• ความดันโลหิตสูงในวัยกลางคน อาจทำให้สมองเสื่อมในวัยชรา
งานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ของสถาบันประสาทวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา “Neurology” เผยว่า ความดันโลหิตสูงในวัยกลางคน อาจส่งผลต่อความจำและความคิดในวัยชรา
โดยการศึกษาครั้งนี้ทำในผู้สูงอายุ 4,057 คน ที่ไม่มีอาการสมองเสื่อม วัดระดับความดันโลหิตของพวกเขาขณะอายุราว 50 ปี ต่อมาเมื่ออายุราว 76 ปี จึงวัดระดับความดันโลหิตอีกครั้ง และตรวจด้วยเครื่อง MRI เพื่อเช็คโครงสร้างและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมอง รวมถึงทำแบบทดสอบวัดความจำและความคิด
ดร.เลอนอร์ เจ เลาเนอร์ แห่งสถาบันอายุรศาสตร์แห่งชาติ รัฐแมรีแลนด์ ผู้เขียนงานวิจัยชิ้นนี้ สรุปว่า ผู้สูงอายุที่ไม่เคยเป็นโรคความดันโลหิตสูงในวัยกลางคน แต่ปัจจุบันเป็นโรคนี้ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก จึงจำเป็นต้องลดความดันโลหิตลง ในทางตรงข้าม ผู้สูงอายุที่เคยเป็นโรคความดันโลหิตสูงในวัยกลางคนมาก่อน แต่ปัจจุบันความดันโลหิตลดลง อวัยวะทั่วไปอาจเสื่อมมากกว่า และมีความเสี่ยงที่สมองจะหดตัว ทำให้เกิดปัญหาความจำและความคิดตามมา
• กรมวิทย์ฯ ยืนยันขวดน้ำดื่มทิ้งไว้ในรถ ปลอดภัย ไร้สารพิษ
จากกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ที่เตือนให้หลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติก ที่เก็บในหลังรถยนต์ที่จอดกลางแดด ว่ามีโอกาสได้รับสารไดออกซิน ที่แพร่ออกมาจากขวดน้ำพลาสติกที่ร้อนจัด ซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ
นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ได้ทำการทดลองโดยซื้อตัวอย่างน้ำดื่มที่บรรจุในขวดพลาสติก จำนวน 18 ยี่ห้อ และนำไปวางในรถที่จอดกลางแดดเป็นเวลา 1 วัน และ 7 วัน จากนั้นตรวจวิเคราะห์สารประกอบกลุ่มไดออกซิน จำนวน 17 ตัว และพีซีบี จำนวน 18 ตัว โดยใช้เทคนิคขั้นสูง ผลการวิเคราะห์สรุปว่า ไม่พบสารประกอบกลุ่มไดออกซินและพีซีบีในทุกตัวอย่าง
โดยความจริงที่สืบค้นจากข้อมูลทางวิชาการที่มีการศึกษาวิจัย และเผยแพร่ในวารสารที่มีการพิจารณาตรวจแก้จากผู้ทรงคุณวุฒิ สรุปได้ว่า ไม่เคยมีรายงานการตรวจพบไดออกซินในพลาสติก และสารเคมีต่างๆที่มีการกล่าวอ้างว่าละลายออกมาจากขวดพลาสติก ทั้งในสภาวะอุณหภูมิสูงหรือสภาวะการแช่แข็ง
• สารพิษใน ‘ด้วงก้นกระดก’ อันตราย!! ห้ามตีหรือบี้ กรมวิทย์ฯแนะวิธีป้องกัน
ด้วงก้นกระดก หรือบางครั้งเรียกว่าแมลงเฟรชชี่ เป็นแมลงที่มีขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 4 -7 มม. ชนิดที่พบบ่อยในบ้านเราคือ Paederus fuscipes มีลำตัวสีส้มสลับดำ ปีกคู่แรกแข็งสั้นสีดำเป็นมัน ส่วนท้องยาวออกมานอกปีก สังเกตเห็นได้ง่าย ปลายท้องสีดำ ชอบบินเข้ามาเล่นไฟในบ้านเวลากลางคืน
นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า ในตัวของด้วงก้นกระดกมีสารพิษพีเดอริน (Pederin) เมื่อมันไต่ขึ้นร่างกาย แล้วไปตบตีหรือทำให้ลำตัวแตกหัก สารพิษจะซึมเข้าสู่ผิวหนังทำให้เกิดเป็นแผลพุพอง บวมแดง และปวดแสบปวดร้อน ถ้าถูที่บาดแผล พิษจะกระจายเป็นผื่นพุพองวงกว้างมากขึ้น ต้องรีบล้างแผลให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ แล้วใช้ยาปฏิชีวนะประเภทครีม ทาบริเวณที่ถูกพิษ ถ้ามีอาการคันหรือปวดแสบปวดร้อนให้ทาด้วยน้ำยาคาลาไมล์ กรณีที่ตุ่มแผลแตกแล้วเป็นหนองจากการติดเชื้อซ้ำหรือมีอาการรุนแรง ควรไปพบแพทย์ และต้องระวังไม่ให้สารพิษเข้าตา เพราะจะทำให้ตาอักเสบจนถึงกับบอดได้
ดังนั้น ถ้าพบแมลงชนิดนี้ไต่ขึ้นตามร่างกาย ห้ามตีหรือบี้ แต่ควรใช้กระดาษทิชชูหนาๆ ค่อยๆหยิบแมลงออกจากร่างกาย นำไปทิ้งนอกบ้าน
• ผลวิจัยชี้ชัด ดื่มนมจืดดีกว่าปรุงแต่ง
เป็นที่ทราบกันดีว่า นมมีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับทุกวัย มีสารโปรตีนคุณภาพดีและมีปริมาณแคลเซียม มีผลต่อการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และการพัฒนาไอคิวหรือความเฉลียวฉลาดทางปัญญา
และจากผลการศึกษาของสำนักโภชนาการ โดยนำนมโคสดแท้ซึ่งเป็นนมจืด นมปรุงแต่งรสหวาน นมเปรี้ยว ปริมาณ 100 มิลลิลิตรเท่ากัน มาเปรียบเทียบคุณค่าสารอาหาร พบว่า นมโคสดแท้จะให้สารอาหารที่จำเป็น ได้แก่ แคลเซียม 135 มิลลิลิตร โปรตีน 3.3 กรัม วิตามินเอ 71 มิลลิกรัม และวิตามันอี 0.22 มิลลิกรัม ในขณะที่นมปรุงแต่งรสหวานกลับให้สารที่จำเป็นลดลง คือ แคลเซียม ลงลดเหลือ 102 มิลลิกรัม โปรตีน 2.3 กรัม วิตามินเอ 28 มิลลิกรัม และวิตามินอี 0.16 มิลลิกรัม ดังนั้น นมโคสดจืดจึงเป็นนมที่มีคุณสมบัติดีที่สุดในการดื่ม เพื่อผลของการมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ การดื่มนมจืดจะลดพฤติกรรมการติดหวาน ลดเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน และลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุด้วย
• รำมวยจีน-ฟ้อนเจิง-รำโนราห์ ลดปวดข้อ เบาหวาน ความจำดีขึ้น
จากการวิจัยของคณะพยาบาลศาสตร์ ม.เชียงใหม่ สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ ตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ถึงปัจจุบัน โดยเลือกการออกกำลังกาย การรำมวยไท้จี๋ชี่กง ฟ้อนเจิง และการก้าวตามตาราง ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ พบว่า
การรำมวยไท้จี๋ชี่กง 45-60 นาที/วัน 3 ครั้ง/สัปดาห์ ติดต่อกัน 8 สัปดาห์ และการออกกำลังกายแบบฟ้อนเจิง มช. ซึ่งประยุกต์ศิลปะการฟ้อนเจิงของชาวเหนือ 44 นาที/วัน 3 ครั้ง/สัปดาห์ติดต่อกัน 8-10 สัปดาห์ มีผลทำให้ผู้สูงอายุโรคเบาหวานลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงมีความดันโลหิตลดลง ผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมมีอาการปวดลดลง รวมทั้งทำให้ผู้สูงอายุโดยทั่วไปมีความจำดีขึ้น
นอกจากนี้ การออกกำลังกายแบบฟ้อนเจิง มช. ยังช่วยให้สมรรถภาพปอดของผู้สูงอายุที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังดีขึ้น และช่วยลดระดับไขมันในเลือดในผู้สูงอายุด้วย ส่วนการออกกำลังกายแบบก้าวตามตารางของญี่ปุ่น ทำให้ผู้สูงอายุมีการทรงตัวที่ดีขึ้น
ส่วนการออกกำลังกายแบบโนราประยุกต์และโนราแขกในผู้สูงอายุภาคใต้ นาน 50 นาที/วัน 10 สัปดาห์ ทำให้ผู้สูงอายุโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง มีการควบคุมโรคได้ดีขึ้น
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 163 กรกฎาคม 2557 โดย ธาราทิพย์)