xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมบันเทิง : Blue Jasmine “วิมานลวง” ด้วยต้นเหตุจากความโลภ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


Blue Jasmine ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับชื่อดัง “วู้ดดี้ อัลเลน” มีชื่อภาษาไทยว่า “วิมานลวง” ซึ่งอธิบายความหมายและข้อคิดจากภาพยนตร์ได้ดี เพราะคำว่า “วิมาน” นั้น หมายถึงที่อยู่ของเทวดา แต่เมื่อนำมาใช้กับคนทั่วไป ย่อมหมายถึงบ้านหลังใหญ่ หรือที่อยู่อันหรูหรา ส่วนคำว่า “ลวง” มีความหมายชัดเจน ตรงตัวอยู่แล้วว่า ไม่เป็นความจริง หรือหลอกลวง

โดยเรื่องราวของ “วิมานลวง” นี้ ผู้ชมจะได้รับรู้ผ่านชีวิตของสาววัยกลางคนรายหนึ่ง ที่มีนามว่า “จัสมิน” หนังเปิดเรื่องบนเครื่องบินชั้นธุรกิจ ซึ่งจัสมิน สาวสวยตัวเอกของเรื่อง นั่งพร่ำบ่นให้คุณยายคนหนึ่งฟังเรื่องราวชีวิตของเธอ

จัสมินเดินทางมาจากมหานครนิวยอร์ค สู่เมืองริมทะเลอย่างซานฟรานซิสโก จุดหมายปลายทางคือ อพาร์ตเมนท์เล็กๆของน้องสาวที่ชื่อ “จินเจอร์” เหตุที่จัสมินหนีจากมหานครใหญ่ มาสู่ย่านชนชั้นแรงงานในชานเมืองซานฟรานซิสโก ก็เพราะชีวิตคู่ที่เคยหรูหรา เต็มไปด้วยความมั่งคั่งของเธอ กับสามีที่ชื่อ “ฮาล” นั้น ล่มสลายลงไปแล้ว

หญิงสาวเดินทางมาเพื่อขอพึ่งพาอาศัยน้องสาวเป็นการชั่วคราว โดยเธอบอกว่า จะพยายามหางานทำ แล้วค่อยคิดต่อไปว่า จะทำอะไรในอนาคต

เพราะแม้ว่าจัสมินเคยอยู่ในสถานะสาวสังคมที่ร่ำรวยมาก่อนก็ตาม แต่เธอก็เรียนไม่จบปริญญา แถมยังไม่ค่อยมีความสามารถอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียอีก เข้าทำนองว่า หนูตกถังข้าวสาร เพราะได้สามีรวย แต่เธอไม่มีความรู้ความสามารถอะไรที่จะช่วยเหลือตัวเองได้

แฟนเก่าของจินเจอร์ที่ชื่อ “ออกี้” ไม่ค่อยจะชอบหน้าไฮโซตกอับอย่างจัสมินนัก ส่วนแฟนใหม่ซึ่งเป็นหนุ่มในอู่ซ่อมรถ ชื่อ “ชิลลี่” ซึ่งจัสมินเองก็ไม่ชอบหน้าพ่อหนุ่มรายนี้ โดยพยายามบอกน้องสาวว่า น่าจะหาผู้ชายที่ดูดี มีฐานะ มีอนาคตกว่าไอ้หนุ่มลูกทุ่งอู่รถ

ส่วนเหตุผลที่จัสมินไม่เป็นที่ชื่นชอบของใครๆ ขณะเดียวกันเธอก็ไม่ค่อยชอบบรรดาแฟนของน้องสาว ก็เพราะเมื่อมองย้อนกลับไป “ฮาล” อดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นนักธุรกิจในนิวยอร์คนั้น จัดอยู่ในระดับเศรษฐี มีบ้านหลังใหญ่โต หรูหรา เสื้อผ้าเครื่องประดับเพียบพร้อม ตามสไตล์ไฮโซเมืองใหญ่

นั่นจึงเป็นเหตุทำให้จัสมินดูถูกหนุ่มๆรอบกายน้องสาวอยู่เสมอ ขณะเดียวกันเธอมองว่า น้องสาวที่ทำงานเป็นพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ตนั้น ช่างไม่มีความทะเยอทะยาน มองหาอนาคตดีๆ เพื่อยกระดับตัวเอง

แต่ชีวิตจริงในซานฟรานซิสโกของผู้ดีตกอับอย่างจัสมิน ก็ต้องดิ้นรนไม่ต่างจากคนอื่น เธอสมัครเรียนออนไลน์ด้านการออกแบบ ซึ่งคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ดี ขณะเดียวกันก็หางานทำไปด้วย โดยการไปสมัครเป็นผู้ช่วยที่คลินิค “หมอฟลิคเกอร์” แต่หลังจากทำงานได้ไม่นาน หมอฟลิคเกอร์จอมลามก ก็ทำให้หญิงสาวต้องลาออก

ทว่าโชคชะตาของเธอ ก็ดูเหมือนจะมาทดสอบจิตใจ เมื่อวันหนึ่ง ขณะที่เธอชวนจินเจอร์ออกไปงานสังสรรค์ในเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้พบเจอผู้ชายดีๆบ้าง (ตามสูตรสำเร็จของเธอ) จัสมินก็พบกับ “ดไวท์” หนุ่มวัยกลางคน ที่เป็นนักธุรกิจ ฐานะดี แถมยังวางแผนเข้าสู่เส้นทางการเมืองในอนาคตอีกด้วย

แน่นอนว่า ด้วยภาพลักษณ์การแต่งกายภายนอกของจัสมินที่มีรสนิยม ทุ่มไม่อั้นในเรื่องแฟชั่น จัดหนักเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรูหรา ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีสง่าราศรี

เมื่อได้พูดคุยกับดไวท์ กระทั่งเห็นว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจมาก จัสมินก็เริ่มเดินเข้าสู่กับดักแห่งความลวง เธอค่อยๆปั้นเรื่องว่า ตัวเองทำงานด้านการออกแบบ มีชีวิตที่หรูหรา และเคยมีแฟน แต่เสียชีวิตไปแล้ว

ขณะที่ผู้เป็นน้องสาว ก็ไปพบกับ “อัล” นักออกแบบซาวด์เอนจิเนีย ที่จัดทำเครื่องเสียงในงานปาร์ตี้นั้น ด้วยความที่จินเจอร์ค่อนข้างซื่อๆ เธอนึกถึงคำพูดของพี่สาว ที่ให้มองหาผู้ชายที่มีฐานะ และดูดีกว่าแฟนคนปัจจุบัน ทำให้จินเจอร์ค่อยๆสานสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับอัล ก่อนที่ในตอนท้ายจินเจอร์จะรู้ว่า อัลมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อหนังตัดสลับกลับไปอดีต ทำให้ผู้ชมเริ่มเห็นเค้าลางของ ‘ความล่มสลาย’ ในชีวิตคู่ของจัสมินกับฮาล เมื่อเธอเริ่มเห็นว่า แท้จริงแล้ว ภายใต้ธุรกิจที่แสนจะร่ำรวยมั่งคั่งของสามีนั้น มีเรื่องไม่ชอบมาพากล ในการหลีกเลี่ยงภาษี และการทุจริต

แต่ด้วยความหลงใหล ลุ่มหลงในทรัพย์สินเงินทอง ที่สามีของเธอปรนเปรอมาให้ตลอดมา ก็ทำให้จัสมินแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยเลยตามเลย

แม้กระทั่งครั้งหนึ่ง เมื่อจินเจอร์กับออกี้ แวะมาเยี่ยมที่นิวยอร์ค โดยบอกว่า เพิ่งถูกลอตเตอรีรางวัลใหญ่ ฮาลยังออกความคิดให้ทั้งคู่นำเงินมาลงทุนกับเขา เพื่อต่อยอดเป็นดอกเป็นผลมากกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่า ภายใต้การหว่านล้อมของจัสมิน ที่ตามใจสามีทุกอย่าง จินเจอร์กับออกี้ก็ตอบตกลงด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ

สุดท้าย ความล่มสลายก็เริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อเกิดปัญหาต่อๆมาคือ จัสมินระแคะระคายว่า ฮาลคบกับผู้ชายมากหน้าหลายตา แอบมีกิ๊กมีชู้ไปทั่ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่เธอรับไม่ได้ ผนวกกับสภาวะจิตใจ ที่เธอมีอาการทางจิตจากความเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ส่งผลให้ในท้ายที่สุด เธอได้โทรไปแจ้งกับเอฟบีไอ เพื่อให้มาตรวจสอบ จนนำไปสู่การจับกุมสามีของตนเอง และนั่นก็ทำให้ชีวิตที่แสนสบายของเธอจบลงไปด้วย เพราะเธอเองก็โดนหางเลขในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด อย่างไรก็ตาม เธอก็รอดมาได้หวุดหวิด ในฐานะพยาน และผู้แจ้งความ

ทั้งหมดนั้น คือ ชีวิตในอดีตของจัสมิน ซึ่งเธอน่าจะได้รับบทเรียนที่ดี ยอมรับสภาพความผิดพลาด และเริ่มต้นใหม่ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเธอคบหากับดไวท์ และหลอกลวงเขา

จนกระทั่งวันที่ไปซื้อแหวนหมั้น ‘ออกี้’ แฟนเก่าของจินเจอร์ เดินผ่านมาเจอพอดี เขาจึงแฉเบื้องลึกเบื้องหลังของจัสมิน ให้ชายหนุ่มได้รับรู้ และแล้ววิมานแสนสวยของจัสมิน ก็ล่มสลายลงอีกครั้ง

Blue Jasmine เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เราเห็นภาพของคนที่ตกอยู่ในความโลภ ลุ่มหลง จนกระทั่งไม่ยอมรับสภาพความจริงในชีวิต นั่นคือ “จัสมิน” (รวมถึงสามีของเธอ) ซ้ำร้ายยังถ่ายทอดแนวคิดความฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานในทางที่ผิดให้กับน้องสาว

ในทางพุทธศาสนา “กิเลส” ตัวสำคัญที่พึงหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด คือ ความโลภ หรือ “โลภะ” เพราะกิเลสตัวนี้ หากใครตกเป็นทาสของมัน ก็จะมีสภาพไม่ต่างไปจากนางเอกของเรื่อง ที่จะเกิดตัณหา ความอยากมีอยากได้ ต้องดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่ต้องการมาโดยไม่รู้จักพอ และที่สำคัญ ยังไม่สนวิธีการได้มาอีกด้วย

ดังเช่นจัสมิน ซึ่งพอจะรู้ว่า สามีของเธอประพฤติผิดทั้งเรื่องภาษีและการนอกใจ แต่ก็ยังทนแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ ด้วยเกรงกลัวว่า จะสูญเสียทรัพย์สินเงินทองที่มี อันเกิดจากความโลภ ที่ทำให้ตาบอด

สำหรับใครที่ลุ่มหลง ตกอยู่ในกิเลสตัวนี้ วิธีง่ายๆวิธีหนึ่งที่จะช่วยลด “โลภะ” ได้ นั่นก็คือ “ทาน” หรือการให้ ด้วยการรู้จักแบ่งปัน เสียสละ ให้แก่ผู้อื่น

จากนั้นต้องฝึกการคุมสติ ระลึกตน ไม่ให้เกิดความโลภ แล้วค่อยๆปรับใช้ชีวิตเรียบง่าย พอเพียง เข้าใจในสภาวะ และความสามารถของตนที่เป็นอยู่ โดยยึดหลักความถูกต้อง ถูกศีลธรรม ในการสร้างความสำเร็จ

ซึ่งแม้ไม่ใช่วิธีที่จะเห็นผลอย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นวิธีที่สร้างความมั่นคงในระยะยาวให้แก่ชีวิต มากกว่า “ความสำเร็จที่ได้มาจากความโลภ” ซึ่งสุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงแค่ “ความลวง”

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 159 มีนาคม 2557 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)






กำลังโหลดความคิดเห็น