ข่าวสารผ่านโลก

• เนปาลเตรียมพัฒนา “ลุมพินีวัน” เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว

เนปาล : เมื่อเดือนมกราคม 2014 รัฐบาลเนปาลประกาศว่า ได้เริ่มวางแนวทางที่จะพัฒนาลุมพินีวัน ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งพื้นที่โดยรอบ ให้เป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยว ภายในปีงบประมาณหน้า

ปุรนา จันทรา ภัตตาไร ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งเนปาล ระบุว่า ศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งนี้ จะประกอบด้วย 3 เมือง ได้แก่ ลุมพินีวัน นาวัลพาราสี และรูปันเดฮี และจะขยายพื้นที่ออกไปมากกว่า 100 กม. เพื่อครอบคลุมสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาและโบราณคดี ได้แก่ รามนาการ์ ติเลาราโกต กูดาน นิกลิหาวา เสาหินอโศก ซากราหาวา อโรราโกต และเทวทหะ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติ

“เรากำลังจะประชุมรอบแรก เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะ และจัดเตรียมรายละเอียดของโครงการนี้ รวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือน และประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ”

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ คาดว่า เมื่อลุมพินีวันกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในเรื่องเศรษฐกิจของเนปาล

“มีพุทธศาสนิกชนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก ถ้าเราสามารถดึงดูดชาวพุทธแค่ 20% ให้มาเยือนลุมพินีวัน ก็มากพอแล้ว หากโปรโมทแค่ในประเทศจีน ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลก และมีจำนวนชาวพุทธมากที่สุดในโลก ให้เข้ามาท่องเที่ยวที่ลุมพินีวัน เราก็จะได้นักท่องเที่ยวหลายแสนคน” รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าว

(จาก Xinhua)

• นักเล่าเรื่องมืออาชีพชาวญี่ปุ่นใช้กลยุทธ์ เล่าเรื่องพระสำคัญ ดึงคนสนใจพุทธศาสนา

ญี่ปุ่น : ด้วยความพยายามที่จะเผยแพร่ความรู้ทางพุทธศาสนาในหมู่ฆราวาสทั่วไป จึงมีพุทธศาสนิกชนบางคนเลือก “โกดาน” (Kodan) ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องด้วยปากตามประเพณีญี่ปุ่น มาใช้เป็นเครื่องมือเผยแผ่ และหนึ่งในนั้นคือ “เกียวกูโดะ นันไก” นักเล่าเรื่องมืออาชีพวัย 49 ปี

นันไกได้เล่าเรื่องของ “กูไก” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนิกายชินงอน (หนึ่งในนิกายพุทธศาสนาของญี่ปุ่น) เพื่อให้ผู้คนได้ฟังกันที่วัดแห่งหนึ่งในย่านศูนย์การค้าในเมืองโอซากา โดยได้เล่าเรื่องของกูไกในสมัยเด็ก เน้นย้ำเรื่องที่ท่านช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากคนฟังเป็นระยะๆ เมื่อเล่าถึงตอนตลกขบขัน

นันไกยึดหลักในการเล่าเรื่องว่า “เป็นการแสดงศิลปะ ไม่ใช่การเทศน์” ซึ่งเขาได้เล่าเรื่องราวของผู้ให้กำเนิดนิกายต่างๆ ที่มีชื่อเสียงหลายคน อาทิ ชินรัน (ผู้ให้กำเนิดนิกายสุขาวดี) นิจิเรน(ผู้ให้กำเนิดนิกายนิจิเรน) และเรนเนียว(ภิกษุสำคัญผู้สืบทอดนิกายสุขาวดี) มากว่า 10 ปีแล้ว และยังคงได้รับคำเชิญจากวัดและสถานที่ต่างๆให้ไปเล่าเรื่องอย่างต่อเนื่อง นันไกหวังว่า ผู้ฟังจะเข้าใจเรื่องราวของภิกษุต่างๆเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง และอยากไปเยือนวัดในนิกายเหล่านั้น

(จาก Japantimes)

• วัดจีนร่วมรณรงค์ใช้ธูปรักษ์โลก

จีน : สมาคมพุทธศาสนิกชนจีนและสมาคมเต๋าจีน ได้เรียกร้องให้มีการใช้ธูปที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดมลพิษทางอากาศ

ทั้งนี้ การจุดธูปเทียน เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันในศาสนาพุทธและเต๋า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งชาวจีนนิยมเข้าวัด จุดธูปเทียนสวดมนต์ขอพรจากเทพเจ้า แต่ปัจจุบัน การกระทำดังกล่าวได้ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศที่ร้ายแรงในหลายพื้นที่ของจีน

จิน เช็งชุย นักบวชในวัดลัทธิเต๋าแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน บอกว่า ที่วัดท่านเป็นวัดเต๋าแห่งแรกที่หันมาใช้ธูปรักษ์โลก และห้ามจุดเทียน เผากระดาษ หรือจุดประทัด

เช่นเดียวกับลามะหู ซือเฟ็ง เจ้าอาวาสวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งบอกว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทางวัดได้จัดเตรียมธูปรักษ์โลกให้บริการฟรี โดยธูปดังกล่าวทำจากผงไม้สนและผงไม้ซีดาร์ ผสมกับวัดสุธรรมชาติอื่นๆ ควันและฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และจำนวนขี้เถ้าลดลงถึง 2/3 ส่วน ทำให้อากาศภายในวัดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และช่วยให้นักท่องเที่ยวใส่ใจสภาพแวดล้อมมากขึ้น

(จาก China.org.com)

• ดาราฮอลลีวูด “โกลดี้ ฮอว์น” พูดเรื่องสมาธิ บนเวทีประชุมเศรษฐกิจโลก 2014 ที่ดาวอส

สวิสเซอร์แลนด์ : ในการประชุมเศรษฐกิจโลก “เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม” (World Economic Forum) ประจำปี 2014 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 22-25 มกราคม 2014 ได้จัดให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่ทรงอิทธิพลจากทั่วโลกราว 60 คน ทำสมาธิ 30 นาทีในช่วงเช้าของการประชุมวันที่สอง

โดยมีพระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด พระทิเบตชาวฝรั่งเศส เป็นผู้นำการทำสมาธิ ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดหลับตา อยู่ในอาการสงบ ผ่อนคลาย และเรียนรู้วิธีที่จะทำให้เกิดความสงบภายในใจ

ต่อจากนั้น โกลดี้ ฮอว์น นักแสดงหญิงชาวอเมริกันวัย 68 ปี เจ้าของรางวัลออสการ์ ผู้ซึ่งปฏิบัติสมาธิในพุทธศาสนามาตั้งแต่ปี 1972 และได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้น เพื่อสอนการทำสมาธิในโรงเรียนต่างๆใน 5 ทวีป พูดถึงสาเหตุที่ทำโครงการสอนสมาธิแก่เด็กๆในโรงเรียนว่า

“ภายหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ซึ่งทำให้โลกเปลี่ยนแปลง ไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป เด็กๆของเรากำลังเผชิญหน้ากับโลกที่ฉันคิดว่า พวกเขาขาดสิ่งที่จะรับมือกับมัน”

ขณะเดียวกันดาราสาวใหญ่ยังเอ่ยปากเรียกร้องต่อที่ประชุมว่า “ขอให้ช่วยกันนำความมีมนุษยธรรมกลับคืนสู่ห้องเรียน”

ด้าน ศจ.ริชาร์ด เดวิดสัน จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ได้นำเสนองานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า คนที่ผ่านคอร์สการทำสมาธิ จะมีภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่สูงกว่า และทนต่อความเจ็บปวดได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ทำสมาธิ และการทำสมาธิตั้งแต่อายุน้อย จะช่วยให้เด็กควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะกระทำผิดอาชญากรรมน้อยลง

(จาก AFP)

• ศรีลังกาบวชต้นไม้ครั้งใหญ่ ป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า

ศรีลังกา : เมื่อเร็วๆนี้ ศูนย์ความสมดุลของสิ่งแวดล้อม (CEJ ) ร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและสมาคมสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในประเทศศรีลังกา ได้ทำพิธีบวชต้นไม้ครั้งใหญ่อย่างเป็นทางการครั้งแรก จำนวน 1,000 ต้น ภายในหมู่บ้านดิมบูลเดนา และอัครา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนนิลกาลา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการปกป้องการตัดไม้ทำลายป่า โดยมีพระสงฆ์กว่า 50 รูปจากประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าร่วมพิธี

ทั้งนี้ ป่าสงวนนิลกาลา เป็นหนึ่งในผืนป่าแรกๆในศรีลังกา ที่ถูกประกาศให้เป็นเขตป่าสงวนตั้งแต่ปี 1953 เนื่องจากเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรที่ใช้รักษาโรค

ปัจจุบัน ป่าสงวนนิลกาลากำลังตกอยู่ในภาวะอันตราย อันเนื่องมาจากการถูกบุกรุกเข้าครอบครองพื้นที่โดยผิดกฎหมาย การถางป่าเพื่อปลูกอ้อย และไฟป่า ชาวบ้านเกรงว่า การทำลายป่าจะส่งผลเสียต่ออ่างเก็บน้ำ “เสนานัยเก สมุทรา” ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของประเทศ

โดยก่อนหน้านี้ในปี 1997 พระสงฆ์ศรีลังกาได้ทำพิธีบวชต้นดูนขนาดใหญ่ และในปี 2008 บวชต้นจันทน์ ซึ่งทั้งสองต้นกำลังจะถูกโค่นลง เพื่อขยายถนนในครั้งนั้น ปัจจุบัน ต้นไม้ทั้งสองยังคงอยู่ ณ จุดเดิม เพราะไม่มีใครกล้าตัด

อนึ่ง พิธีบวชต้นไม้เริ่มเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยในปี 1988 โดยพระครูมานัสนทีพิทักษ์ เจ้าคณะอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา

(จาก Nation.lk)

• ไต้หวันเดินหน้ากระตุ้นชาวพุทธให้ช่วยเหลือสังคม

ไต้หวัน : ไต้หวันกำลังเดินหน้าเปลี่ยนความเชื่อโบราณของชาวพุทธ ที่มักสนใจแต่เรื่องของตัวเอง เช่นการไปวัดสวดมนต์ อ้อนวอนขอให้มีชีวิตที่ดีในชาตินี้และชาติหน้า เช่นการไม่สนับสนุนให้จุดธูปเทียนและเผากระดาษเงินกระดาษทอง ซึ่งก่อมลพิษในอากาศ และให้ความสำคัญกับการไปวัดเป็นเรื่องท้ายๆ แต่หันมาให้ความสำคัญในสิ่งที่ชาวไต้หวันเรียกว่า “ชาวพุทธที่มีจิตเมตตา” ใส่ใจคนอื่นและสังคม ซึ่งจะนำพาชาวพุทธกลับไปสู่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา นั่นคือ “คิดดี พูดดี ทำดี”

พระซิน เบา เจ้าอาวาสวัดโฝวกวงซัน ซึ่งเป็นวัดชื่อดังของไต้หวัน กล่าวว่า “ตามหลักพุทธศาสนา การทำประโยชน์เพื่อตัวเองเท่านั้น ยังไม่พอ เราต้องทำเพื่อผู้อื่นด้วย เราควรพยายามช่วยคนหลายๆคนให้พ้นทุกข์เท่าที่จะทำได้”

ขณะที่ มูลนิธิธรรมะ ดรัม เมาท์เท่น เป็นอีกหนึ่งองค์กรพุทธศาสนาในไต้หวันที่มีชื่อเสียง เปิดหลักสูตร “พุทธศาสนา 101” สอนวิธีนำธรรมะมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันแก่คนทั่วไป

สิ่งที่ทำให้พุทธศาสนาในไต้หวันมีเอกลักษณ์ คือ การเน้นย้ำที่จะช่วยเหลือสังคม ตัวอย่างเช่น มูลนิธิฉือจี้ ซึ่งเป็นผู้นำในเรื่องนี้ มีสานุศิษย์ในไต้หวัน 7 ล้านคน ต่างประเทศ 2 ล้านคน และอาสาสมัครในไต้หวัน 1 แสนคน ได้ให้ความช่วยเหลือเหยื่อภัยพิบัติกว่า 84 ประเทศทั่วโลกมาแล้ว

องค์กรพุทธศาสนาหลักๆในไต้หวันมีช่องโทรทัศน์ โรงพิมพ์ สำนักข่าว โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย เป็นของตนเอง พวกเขาส่งอาสาสมัครไปสอนเด็กๆในโรงเรียนให้มีความประพฤติดี แต่จะไม่ชักชวนให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ

“เราไม่เห็นความจำเป็นที่คุณต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ เราไม่มุ่งหวังในเรื่องนั้นตั้งแต่แรก พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ช่วยคนให้พ้นทุกข์ โดยปราศจากเงื่อนไข และไม่ต้องการสิ่งตอบแทน” เชียน ตุงหยวน โฆษกมูลนิธิฉือจี้ กล่าว

(จาก BBC News)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 159 มีนาคม 2557 โดย เภตรา)