xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมาภิวัตน์ : “คเวสโก” ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายการธรรมาภิวัตน์น่าจะเป็นสื่อท้ายๆ ที่ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับ อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พระชื่อดัง ลูกศิษย์พระโพธิญาณเถร หรือหลวงพ่อชา สุภทฺโท

เทปบันทึกรายการธรรมาภิวัตน์ ตอน "สุขภาพใจดี ด้วยวิธีทั้ง 5” สนทนากับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา คล้อยหลัง 1 สัปดาห์ก็มีข่าวว่าท่านได้ลาสิกขาแล้ว เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน แบบเงียบๆ

พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม รักษาการแทนเจ้าอาวาส ได้ออกแถลงการณ์วันที่ 10 มิถุนายน ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงและระบุด้วยว่า "พระอาจารย์มิตซูโอะได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะฆราวาสต่อไป"

จริงอยู่ที่ว่า หญิงจะคลอดบุตร พระจะสึก คงเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ เพียงแต่ผู้ที่นับถือศรัทธาท่าน ต่างตกอกตกใจและตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับพระภิกษุชาวญี่ปุ่นที่ครองสมณเพศสั่งสมพรรษาในประเทศไทยมานานเกือบ 38 พรรษา ที่ตัดสินใจ "สึกสายฟ้าแลบ” (สำนวนพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง)

โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนเห็นว่า สาเหตุที่แท้จริงจะเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ดั่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อย่ายึดติด" ทุกอย่างในโลกล้วนไม่เที่ยง มีความเป็นอนิจจัง เรื่องวิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคลนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน

พระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่ควรไปคาดคิดด้นเดา เป็นปัญหาอจินไตย คือให้ปล่อยวางไปเสีย แต่ก็ให้น้อมนำเข้ามาสอนใจตนเองว่า สังสารวัฏเป็นเรื่องน่ากลัว ดังนั้น ให้เร่งทำความดี และให้คิดว่า ผู้มีบารมีมากย่อมมีมารมากเป็นธรรมดา

ผู้เขียนยอมรับว่า ไม่เคยพบกับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะเลยสักครั้ง แต่แวบแรกที่ได้เห็นท่านเมื่อวันที่ไปบันทึกเทปรายการ ก็สัมผัสได้ถึงความเมตตาที่แผ่ออกมา ผ่านใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ท่านได้เมตตาช่วยทีมงานปรับรูปแบบการนำเสนอรายการ เพื่อให้ผู้ชมได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรับชม กอรปกับบุคลิกของท่านที่มีความเรียบง่ายและสงบนิ่ง ใช้การสื่อสารที่เข้าใจง่ายในแบบของ "เซน"

อีกทั้งจากการได้ฟังธรรมที่ท่านแสดง และอ่านหนังสือธรรมะ(สั้นๆ) ของท่านหลายต่อหลายเล่ม ก็สัมผัสถึงกลิ่นอายเช่นเดียวกันนี้ การใช้คำเพียงไม่กี่คำ สลับกับภาพวาดประกอบที่เรียบง่าย ใช้ลายเส้นน้อยๆ แต่มองแล้วกลับได้ความสบายใจ อย่างเช่นในหนังสือ "สติเป็นธรรมเอก" อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้เขียนเอาไว้ว่า

เอาใจใส่ทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด
ปัจจุบัน เป็นสำคัญ
เรื่องอดีต ไม่สำคัญ ไม่ต้องคิดถึง
เรื่องอนาคต ไม่สำคัญ ไม่ต้องคิดถึง
โดยเฉพาะความชั่วของคนอื่น
อย่าแบก
ตัวเราเองทำดี ทำถูก นั่นแหละ
สำคัญที่สุด


จะเห็นได้ว่า หนังสือของท่านจะเน้นไปที่ใจ เน้นไปที่การให้ความเมตตาแก่ตัวเอง ดั่งพุทธภาษิตที่ว่า "ความรักเสมอตนไม่มี" ท่านให้เราหันกลับมาดูใจตัวเอง แล้วจะพบว่า ใจเรานั้นน่ารักที่สุด ใจจะดีได้ต้องอาศัย "สติ" เมื่อจิตเศร้า จิตทุกข์ เราต้องพยายามเข้าไปถึงทุกข์จริงๆ เมื่อเราไม่สบายใจ เรามักจะคิด คิดเศร้าใจ คิดกลัว คิดโกรธ คิดน้อยใจ นั่นคือการส่งจิตไปข้างนอก อันที่จริงแล้วทุกข์มันอยู่ลึก ต้องดูจิต ว่าจิตเศร้าใจ ไม่สบายใจ เกิดจากอะไร ดังนั้น มันก็ต้องเข้าไปดูให้ถึงข้างในจิตข้างในใจ

"ความรู้สึกอยู่ที่ไหน จิตก็อยู่ที่นั่น เรียกจิตให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน จิตเรียกมา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับลมหายใจได้สำเร็จเมื่อไร จิตของเราก็อยู่กับปัจจุบัน อยุ่กับลมหายใจ ถอนอุปทานจากไม่สบายใจ คือไม่ให้คิดสิ่งที่ไม่สบายใจอยู่กับลมหายใจ พยายามหยุดคิด ดูลมหายใจตัวเอง หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ติดต่อกันสักพักหนึ่ง จนกว่าใจจะสงบ เริ่มต้นดูใจก่อนสัก 1-2 นาที ก่อน ให้ใจเป็นเพื่อน ให้เลือกอยู่กับเพื่อนที่ดี ให้จิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ"

พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ธรรมชาติของจิตเป็นประภัสสร ผ่องใสโดยธรรมชาติ มีความสุขอยู่แล้ว แต่จิตเศร้าหมองเพราะอุปกิเลสที่ครอบงำจิตใจ น้อยใจ เสียใจ จิตเศร้า จิตทุกข์ ล้วนแล้วแต่เป็นการปรุงแต่งจิตด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น การค้นหาความสงบของใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญ

อันที่จริงแล้วความหยาบของลมหายใจ ถือเป็นเรื่องปกติของปุถุชนคนทั่วไปครับ และก็เป็นเรื่องปกติที่จะพบว่า ผู้ที่เริ่มต้นค้นหาความสงบ มักจะเร่งเร้าอยากให้เกิดความสงบโดยเร็ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ได้เมตตาอธิบายไว้ว่า

เรื่องความสงบนั้นมีหลายระดับ เริ่มต้นด้วยความสงบที่ไม่ได้ติดอารมณ์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์น้อยใจ เสียใจ กลัว หรือซึมเศร้า อาจจะเริ่มต้นจากการอ่านหนังสือธรรมะสักวันละ 5 นาที ให้หนังสือเป็นกัลยาณมิตร การอ่านหนังสือจะช่วยให้เกิดความสงบในใจตนได้ แต่ทั้งนี้ความสงบในระดับเริ่มต้น ไม่ถือเป็นระดับขั้นในสมาธิ แต่เป็นความสงบเพื่อให้เกิดสุขภาพใจที่ดี และไม่ติดอยู่กับอารมณ์ของตัวเอง

กรณีที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะลาสิกขานั้นก็เช่นกันครับ ผู้เขียนเชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องกระทันหันเป็นแน่แท้ แต่ผ่านการไตร่ตรองด้วยสติ ด้วยใจที่สงบนิ่ง "หายใจเข้าลึก ลึก หายใจออกยาว ยาว" เรียกสติขึ้นมาเพื่อให้เกิดการรู้เท่าทันจิต ดั่งที่ท่านได้เมตตาสอนถึงการตั้งสติ เพื่อรับกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อให้เกิดความรู้สึกตัว ตื่นรู้อยู่เป็นนิจ และเชื่อมั่นว่า ท่านจะยังหน้าเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป ดั่งเช่นอดีตพระหลายรูป ที่แม้ต่อมาได้ลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาส แต่ก็ยังทำคุณประโยชน์ให้กับพุทธศาสนาและสังคมมากมาย อาทิ อาจารย์วศิน อินทสระ อาจารย์พร รัตนสุวรรณ อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ เป็นต้น

รายงานข่าวจากเว็บไซต์ผู้จัดการ ว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ได้โทรศัพท์ทางไกลมาจากญี่ปุ่นถึงเจ้าหน้าที่จิตอาสาของวัดคนหนึ่ง ระบุว่า "จะมีการเปิดคอร์สอบรมฝึกกรรมฐาน ให้แก่ชาวญี่ปุ่น และคนไทยขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ รวม 3 วัน โดยกำหนดการฝึกอบรมกรรมฐานในวันที่ 21 กันยายน ที่เมืองคุมาโมโตะ วันที่ 22 กันยายน ที่เมืองโอกินาวา และวันที่ 23 กันยายน ที่เมืองนาโกยา ซึ่งในระยะเวลาทั้ง 3 วันที่ทำการฝึกอบรมกรรมฐาน จะเปิดโอกาสให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อคลายความสงสัยในช่วงเวลาระหว่าง 11.00 น. ถึงเวลา 13.00 น. ทุกวัน"

นอกจากนี้ ในการสนทนาธรรมของผู้เขียนกับอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ยังได้กล่าวถึงโครงการที่ท่านได้ดำเนินการอยู่คือ โครงการ "เพิ่มพลังการศึกษาด้วยหนังสือธรรมะ" โดยจะเป็นการมอบหนังสือไปยังสถานศึกษาเพื่อให้นักเรียน/นิสิต/นักศึกษา ได้มีโอกาสได้รับการฝึกสมาธิเบื้องต้น ด้วยการอ่านหนังสือธรรมะเพื่อผลเฉพาะหน้า เพราะการให้ผู้เรียนได้เริ่มต้นการเรียนด้วยการอ่านหนังสือที่ชอบเป็นระยะเวลาสั้นๆ 5 – 10 นาที เป็นแนวทางในการส่งเสริมให้มีสมาธิในการเรียนรู้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับและถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นวิธีที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของการจัดการเรียนการสอนตามปกติในแต่ละสถานศึกษาอีกด้วย

ส่วนอีกโครงการที่กำลังจะเริ่มดำเนินการคือ "คุรุภาวนา : โครงการพัฒนาครูวิถีพุทธ" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาทัศนคติ สิ่งแวดล้อมที่ดีงาม และจริยธรรม แก่บุคลากรด้านการศึกษาและประชาชนทั่วไปให้รู้จักระบบการศึกษาของพระพุทธเจ้า และสร้างความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาแนวพุทธ ให้นำปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ในสถานศึกษาและสถาบันครอบครัว

ทุกโครงการนั้น ทางมูลนิธิมายาโคตมีจะยังคงเดินหน้าต่อไป สอดคล้องกับแถลงการณ์ของวัดสุนันทวนาราม ที่ระบุว่า "ในส่วนของมูลนิธิและโครงการต่างๆ ที่ท่านได้ริเริ่มไว้ คณะทำงานจะยังคงดำเนินงานไปตามปกติ เนื่องจากพระอาจารย์ได้วางรากฐานไว้แข็งแรงแล้ว"

อย่างไรก็ตาม ควรนำเอากรณีลาสิกขาของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ มาใส่ในใจตนและระลึกอยู่เสมอว่า ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง แม้กาลเวลาผ่านไป องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดับขันธปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมคำสอนยังคงอยู่ เพื่อให้พุทธบริษัท 4 ได้เจริญรอยตาม ตรงนี้ต่างหากคือ เหตุผลของการดำรงตนอยู่ให้ตีคู่กันไปทั้งในทางโลกและในทางธรรม

การที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ลาสิกขาไป แต่หลักธรรมหาได้หมดไปตามท่านไม่ เราควรมีสติตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำความเข้าใจ และรู้ทัน และควรพึงระวังการหลงทางในหลักการเป็นชาวพุทธที่แท้จริง

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนไว้ว่า ไม่ให้เรายึดติด โดยเฉพาะกับตัวบุคคล เพราะตัวบุคคลอาจจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะเหตุปัจจัยต่างๆ แต่ให้ยึดถือในหลักการเป็นสำคัญ ในที่นี้คือ ให้ยึดถือในพระธรรมคำสอนและเจริญรอยตามแนวทางที่พระองค์ทรงวางไว้ ดั่งที่อดีตพระมิตซูโอะยังคงเดินตามรอยพระศาสดา แม้ว่าท่านจะลาสิกขาไปด้วยเหตุใด ... ก็ตาม

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 151 กรกฎาคม 2556 โดย กานต์ จอมอินตา ผู้อำนวยการโครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ ASTV)


กำลังโหลดความคิดเห็น