• จีนเตรียมจำกัดนักท่องเที่ยวชมถ้ำผาม่อเกา
จีน : ศูนย์ศึกษาตุนหวง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลบริหารถ้ำผาม่อเกา ที่เป็นถ้ำพุทธเก่าแก่อายุ 1,600 ปี ในเมืองตุนหวง มณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ได้เตรียมออกมาตรการใหม่ที่จะควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมในแต่ละวัน เพื่อป้องกันความเสียหายของภาพเขียนบนผนังถ้ำ โดยจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2014
ฟาน จินชิ หัวหน้าศูนย์ฯ เผยว่า นักท่องเที่ยวจะต้องจองการเข้าชมล่วงหน้าทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ และจำกัดเวลาเข้าชมแต่ละถ้ำเหลือเพียงคนละ 5 นาที จากเดิม 8 นาที รวมทั้งชมภาพยนตร์เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของถ้ำก่อนเข้าไปภายใน ซึ่งเดิมเป็นหน้าที่ของไกด์ที่จะบรรยายให้นักท่องเที่ยวฟังขณะนำชมถ้ำต่างๆ
มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิ ความชื้น และความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในถ้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ภาพเขียนและรูปปั้นต่างๆเสียหาย
อนึ่ง ถ้าผาม่อเกา เป็นโบราณสถานแห่งแรกของจีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1987 เป็นถ้ำมีที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ภายในถ้ำเต็มไปด้วยงานพุทธศิลป์จำนวนมาก มีรูปประติมากรรมสีกว่า 2,000 ชิ้น และภาพเขียนบนผนังถ้ำที่แกะสลักตามหน้าผาถ้ำ 735 แห่ง รวม 45,000 ตร.ม.
(จาก Xinhua)
• พระญี่ปุ่นจัดกิจกรรมหาคู่ เพื่อส่งเสริมให้คนเข้าวัด
ญี่ปุ่น : ปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นมีภิกษุที่หันมาจัดกิจกรรมหาคู่ให้ฆราวาสเพิ่มมากขึ้น โดยเชิญชวนหนุ่มสาวญี่ปุ่นที่ยังโสดและกำลังมองหาคู่ครอง ให้มาร่วมทำกิจกรรมที่วัด เพื่อหวังส่งเสริมให้คนเข้าวัดมากขึ้น
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013 พระชุนโกะ โยชิโนะ เจ้าอาวาสวัดอันรากูจิ ซึ่งเป็นวัดนิกายนิชิเรน (หนึ่งในนิกายทางมหายานของพุทธศาสนา) ในเมืองวาคายามา ได้จัดกิจกรรมหาคู่ขึ้นภายในวัด มีชายหญิงวัย 40 ปี จำนวน 12 คน จ่ายเงินคนละ 800 บาท เพื่อเข้าร่วมงาน
กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการให้ฝ่ายชายแนะนำตัว พูดเรื่องงาน ครอบครัว และชีวิตทั่วๆไป จากนั้นทั้งสองฝ่ายร่วมกันร้อยลูกปัด สวดมนต์ และดื่มชา เมื่อทำความรู้จักกันพอประมาณ ก็ให้แต่ละคนเขียนชื่อชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่ตัวเองสนใจลงบนบัตรและยื่นให้เจ้าอาวาส ซึ่งจะสวดมนต์ให้พร และประกาศผลการจับคู่
การจัดงานครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 7 แล้ว และได้รับความร่วมมือจากพระรุชิน ยาซุทาเกะ เจ้าอาวาสวัดโดรากูจิ มาโดยตลอด ซึ่งเจ้าอาวาสทั้งสองเห็นความสำคัญของการเผยแพร่พุทธศาสนาเข้าไปยังสถาบันครอบครัว จึงร่วมกันจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นตามวัดต่างๆ
“คนที่เจอเนื้อคู่ในงาน สามารถกลับมาที่วัดเพื่อขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตคู่ และเมื่อมีพระธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ก็จะช่วยนำทางชีวิตของพวกเขาได้” พระยาซุทาเกะ กล่าว
กิจกรรมนี้ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ โดยมีพระกัตซุฮิโกะ โฮริวชิ เป็นผู้ริเริ่มในปี 2009 ซึ่งได้จัดงานราว 90 ครั้งในกรุงโตเกียวและโอซากา ส่งผลให้เกิดคู่แต่งงานจำนวนมาก
(จาก Kyodo)
• ฮานอยจัดนิทรรศการมรดกพุทธศาสนา
เวียดนาม : เอกสารและโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการของศาสนาพุทธในเวียดนาม ตั้งแต่เริ่มเผยแพร่เข้ามาเมื่อราว 300 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงปีค.ศ. 1945 ราว 200 ชิ้น ได้ถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ “มรดกวัฒนธรรมพุทธศาสนาของเวียดนาม” ณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2013
โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงมีทั้งภาพเขียน พระพุทธรูป เครื่องบูชา คัมภีร์ ในยุคราชวงศ์ต่างๆ โดยไฮไลท์อยู่ที่ กลองคันห์ตินห์ ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ในปี 1800 และเศียรพระพุทธรูปศิลปะจามปาจากพุทธสถานด่งเซือง
(จาก VietNamNet Bridge)
• เกาหลีใต้ลังเลให้ยืมพระพุทธรูป จัดแสดงในต่างประเทศ
เกาหลีใต้ : กองมรดกวัฒนธรรม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประเทศเกาหลีใต้ มีความเห็นขัดแย้งในเรื่องแผนส่งวัตถุโบราณล้ำค่าไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิตัน ในนครนิวยอร์ก ปลายปีนี้
ก่อนหน้านี้ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลีใต้เตรียมให้พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวยืมโบราณวัตถุสมัยอาณาจักรซิลลา (57 ปีก่อนคริสตกาล-ปีค.ศ. 935) จำนวน 26 ชิ้น ซึ่งมี 12 ชิ้น ที่เป็นสมบัติแห่งชาติ เพื่อนำไปจัดแสดงในนิทรรศการ “ซิลลา : อาณาจักรทองแห่งเกาหลี” ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม 2013 ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2014 โดยไฮไลท์ของงานคือ พระศรีอริยเมตไตรย พระพุทธรูปสมัยศตวรรษที่ 7เคลือบทองสัมฤทธิ์ สูง 90 ซม. ซึ่งเป็นสมบัติแห่งชาติลำดับที่ 83
แต่เมื่อเร็วๆนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการกองมรดกวัฒนธรรม ซึ่งมีอำนาจในการอนุมัติ ได้แสดงความกังวลและปฏิเสธการให้ยืมดังกล่าว โดยขอให้ทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทบทวนรายการโบราณวัตถุที่จะให้ยืมไปจัดแสดงอีกครั้งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่กองมรดกฯ รายหนึ่ง ซึ่งแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับพระศรีอริยเมตไตรย ที่ถูกนำไปจัดแสดงต่างประเทศบ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กล่าวว่า
“มีโอกาสที่พระพุทธรูปจะได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง และเมื่อไม่กี่ปีมานี้ นโยบายการให้ยืมวัตถุโบราณข้ามชาติมีการเปลี่ยนแปลง เรากำลังส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเพื่อเยี่ยมชมโบราณวัตถุ มากกว่าให้ยืมนำออกไปจัดแสดงนอกประเทศ ขณะนี้ เรากำลังหารือกับทางพิพิธภัณฑ์แห่งชาติว่า จะให้ยืมพระศรีอริยเมตไตรยหรือไม่”
อนึ่ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิตัน เป็นหนึ่งในสามพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่เก็บชิ้นงานศิลปะทั่วโลกกว่า 2 ล้านชิ้น แต่ละปีมีการจัดนิทรรศการหลายครั้ง และมีผู้เข้าชมกว่า 5 ล้านคน
(จาก Koreatimes)
• องค์ทะไล ลามะ ทรงสนับสนุนมังสวิรัติ
อินเดีย : เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2013 องค์ทะไล ลามะได้เสด็จร่วมงานที่จัดโดยบริษัทพริติช แนนดี คอมมิวนิเคชั่น (PNC) และองค์กรสงเคราะห์สัตว์สากล (HSI) ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เพื่อสนับสนุนแนวคิดเกี่ยวกับมังสวิรัติ
“เดิมทีอาตมาไม่ใช่มังสวิรัติ จนกระทั่งราว 50 ปีที่แล้ว อาตมาได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่ไก่ในฟาร์มเลี้ยงแห่งหนึ่งที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงตัดสินใจเป็นมังสวิรัติ” พระองค์ตรัสเพื่อส่งเสริมความจำเป็นที่ต้องรณรงค์ให้สาธารณชนรับรู้ที่จะเคารพชีวิตผู้อื่นและการเป็นมังสวิรัติ
การรณรงค์ครั้งนี้มีต่อเนื่องมาจากงานวันกรุณาสากล (World Compassion Day) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2012 ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โดยยึดแนวคิดเรื่องอหิงสาและการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดย องค์ทะไล ลามะได้เสด็จร่วมงานในครั้งนั้น และทรงเน้นความสำคัญเรื่องการเคารพทุกสรรพสิ่งมีชีวิตบนโลก ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์
(จาก Ahimsa360.com)
• วัดญี่ปุ่นเปิดโอกาสทองในรอบ 50 ปี ให้ ปชช.เข้าสักการะพระพุทธรูปล้ำค่า
ญี่ปุ่น : วันที่ 31 พฤษภาคม 2013 เป็นวันสุดท้ายที่วัดริซชากูจิ เปิดโอกาสทองครั้งแรกในรอบ 50 ปี ให้ชาวญี่ปุ่นได้เข้าสักการะพระพุทธรูปโบราณ ซึ่งผู้ที่พลาดโอกาสครั้งนี้ ต้องรออีก 50ปี
พระพุทธรูปล้ำค่าองค์ดังกล่าวคือ “ยากูชิ เนียวไร” หรือพระไภษัชยคุรุ (พระพุทธเจ้าหมอยา) แกะสลักจากไม้ เป็นพระประธานในวิหารของวัดริซชากูจิ (หรือวัดยามาเดระ) ในเมืองยามากาตะ เชื่อว่า พระพุทธรูปมีอายุกว่าพันปี พอๆกับวัดซึ่งก่อสร้างในปี 860 และตามปกติ วิหารจะใส่กุญแจห้ามผู้ใดเข้า ยกเว้นบุคคลที่ทางวัดอนุญาต
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขึ้นทะเบียนพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติเรียบร้อยแล้ว
(จาก Asahi)
• ติช นัท ฮันห์ แนะวิธีปรองดอง 2 เกาหลี
เกาหลีใต้ : เมื่อเดือนพฤษภาคม 2013 ติช นัท ฮันห์ ภิกษุเซนชื่อดังชาวเวียดนาม ได้เดินทางไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อแสดงปาฐกถาธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางรอบโลก เพื่อเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา
โดยตอนหนึ่งของปาฐกถา ติช นัท ฮันห์ ได้พูดถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ว่า การที่เกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง มิใช่สาเหตุแห่งการขัดแย้งที่ฝังรากลึกของสองประเทศ แต่เป็นเพราะความกลัว ความโกรธ และความระแวงระหว่างกัน ที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริง
“อาวุธนิวเคลียร์ คืออุปสรรคต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ มันบอกถึงความกลัว โกรธ และระแวงที่เรามี ถ้าเราไม่มีความรู้สึกเหล่านี้ เราก็จะไม่สร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา
การจะมีสันติภาพได้ สิ่งแรกที่ต้องทำนั้น ไม่ใช่การเคลื่อนย้ายอาวุธนิวเคลียร์ออกไป แต่ต้องนำความกลัว ความโกรธ และความระแวง ที่มีในใจออกไป ถ้าเราลดความรู้สึกเหล่านี้ลงได้ การปรองดองก็จะเป็นเรื่องง่าย
และหัวใจสำคัญของการปรองดองคือ “การฟังด้วยความเห็นใจ” เพราะมันจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกทุกข์น้อยลง หากรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราก็จะไม่โกรธเขาอีกต่อไป”
ติช นัท ฮันห์ ยังได้ฝากคำแนะนำถึงบรรดานักการเมืองว่า “ถ้าคุณเป็นนักการเมือง คุณอาจต้องการเรียนรู้วิถีพุทธในเรื่องการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เกิดความปรองดอง ซึ่งเป็นคำสอนที่ชัดแจ้งและเห็นจริงในหลักพุทธศาสนา”
(จาก Koreatimes)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 150 มิถุนายน 2556 โดย เภตรา)