• นักประวัติศาสตร์เรียกร้องทางการจีน เร่งบูรณะจิตรกรรมฝาผนังวัดโบราณ
จีน : หมู่ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังวัดซวนคง กูเมียว อันเป็นวัดโบราณที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขากาดา ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,600 เมตร ในจังหวัดจิงชวน เขตปกครองตนเองชนชาติทิเบต เชียง อาป้า มณฑลเสฉวน ประเทศจีน จำเป็นต้องได้รับการอนุรักษ์และบูรณะอย่างเร่งด่วน เนื่องจากตัววัดยืนตระหง่านท้าลมฝนมาหลายพันปี จึงพังทลายลง ทำให้ภาพเขียนบางส่วนเสียหายหนัก
ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเสฉวน เป็นผู้ค้นพบภาพเขียนพุทธศิลป์ดังกล่าวในปี 2010 ซึ่งบรรดานักประวัติศาสตร์เผยว่า เป็นภาพเขียนที่มีความประณีตบรรจง เทียบได้กับภาพเขียนพุทธศิลป์ในผนังถ้ำผาม่อเกา เมืองตุนหวง อันโด่งดัง
(จาก Peopledaily)
• เทรนด์ใหม่มาแรง..ชาวพุทธญี่ปุ่นนิยมฝังศพรวมกัน
ญี่ปุ่น : ประเพณีการฝังศพของชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาพุทธหรือชินโตนั้น จะนำโกศไปฝังในหลุมศพของครอบครัว ซึ่งหลุมศพแห่งนี้จะเป็นสุสานของบุตรชายคนโตและครอบครัวของเขาสืบต่อไป ส่วนบุตรชายคนรองต้องสร้างสุสานของตนเองขึ้นมาใหม่
ตามธรรมเนียมนั้น สุสานของตระกูลต้องมีลูกหลานคอยดูแลเซ่นไหว้ แต่ปัจจุบัน มีหลายสุสานที่ขาดผู้ดูแล เนื่องจากการย้ายถิ่นฐาน หรือไร้ลูกหลาน ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการฝังศพมีราคาแพง ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแสวงหาทางเลือกใหม่ ด้วยการฝังในสุสานรวม
คูมิโกะ คาโนะ หญิงชราวัย 74 ปี เล่าว่า เธอและสามีผู้ล่วงลับ ตัดสินใจเมื่อ 10 ปีที่แล้วว่า ไม่ต้องการสร้างสุสานขึ้นใหม่และทิ้งภาระให้ลูกๆ โดยจะขอฝังในสุสานรวม ทั้งคู่จึงได้เข้าร่วม “กลุ่มโมยาอิโนกาอิ” คือกลุ่มคนที่กังวลกับการฝังศพของตัวเอง เนื่องจากไม่มีบุตรธิดา โดยสมาชิกในกลุ่มจะพบปะสังสรรค์กันเป็นครั้งคราว เพื่อผูกสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก่อนเสียชีวิตและถูกฝังรวมกัน ดังนั้น เมื่อสามีของเธอเสียชีวิตในปี 2008 อัฐิของเขาได้ถูกฝังในสุสานรวม ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 3,000 ศพแล้ว
พระเรียวกาอิ มัตสึชิมะ ซึ่งมีบิดาเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งกลุ่มโมยาอิโนกาอิเมื่อ 25 ปีที่แล้ว กล่าวว่า “มันไม่ยุติธรรมที่บางคนมีคนคอยดูแลภายหลังเสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่บางคนไม่มี ด้วยเพราะเลือกที่จะเป็นโสด หรือไม่มีบุตร”
นางฮารุโยะ อินู ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยโตโยะ และเป็นผู้อำนวยการองค์กรไม่แสวงกำไรซึ่งสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว เปิดเผยว่า กลุ่มคนที่มองหาทางเลือกใหม่ เพื่อจัดการฝังศพตัวเองนั้น อันดับหนึ่งคือ คู่สามีภรรยาที่มีแต่บุตรสาว อันดับสองคือ คู่ที่มีทั้งบุตรชายและบุตรสาว อันดับสามคือ คู่ที่ไม่มีบุตร อันดับสี่คือ คนโสด และอันดับห้าคือ ภรรยาที่ไม่ต้องการฝังรวมกับสามี
(จาก Taipeitimes)
• ศรีลังกาสร้างพระพุทธรูปยืนปางลีลาสูงที่สุดในโลก
ศรีลังกา : เมื่อไม่นานมานี้ นาย ดี เอ็ม ชยรัตนะ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา พร้อมด้วยบรรดาบุคคลสำคัญและพระเถระชั้นสูง ได้เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองเปิดผ้าคลุมพระพุทธรูปยืนปางลีลาที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งประดิษฐาน ณ วัดรนาวรรณ (Ranawana Temple) เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา
พระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน สูง 80 ฟุต ซึ่งสูงกว่าพระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ องค์พระประธาน ณ พุทธมณฑล ประเทศไทย
อนึ่ง วัดรนาวรรณ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1602 ตั้งอยู่บนเนินเขา มีพระอัมพิติเย ศรีสารนันการ จันทราโชติ นายเก เถโร เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งท่านเป็นผู้ผลักดันให้มีการสร้างพระพุทธรูปดังกล่าว เนื่องจากได้แรงบันดาลใจเมื่อครั้งเดินทางมาเยือนพุทธมณฑล
เนื่องจากสถานที่ประดิษฐานองค์พระตั้งอยู่บนยอดเนินเขา ซึ่งฐานไม่มั่นคงพอที่จะรับน้ำหนักพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนที่ประทับยืนเพียงพระบาทเดียว แต่ “สุเรนค์ ราชวาธนะ” ช่างปั้นชาวศรีลังกาผู้มากประสบการณ์ ได้พิสูจน์ให้เห็นฝีมือ จนมีวิศวกรจำนวนมากพากันมาดูงาน
(จาก Buddhistdoor)
• ศิลปินญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ร่วมมือจัดแสดงพระพุทธรูปที่เมืองนารา
ญี่ปุ่น : เมื่อเดือนกรกฎาคม 2014 ศิลปินชาวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ได้ร่วมกันจัดนิทรรศการที่มีชื่อว่า “ความงดงามริมพรมแดน : ศิลปะร่วมสมัยของเมืองนารา” ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแสดงให้เห็นการเดินทางของพุทธศิลป์ จากคาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่ญี่ปุ่น โดยได้นำพระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรยมาจัดแสดงเป็นพิเศษด้วย
ทาคาชิ คิกูชิ ประติมากรชาวญี่ปุ่นวัย 53 ปี และ ปาร์ก ดงกิ ศิลปินชาวเกาหลีใต้วัย 47 ปี ได้ร่วมกันจัดนิทรรศการศิลปะและภาพถ่ายร่วมสมัยขึ้นหลายครั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หลังจากที่พวกเขาได้ตั้งกลุ่มศิลปินจากทั้งสองประเทศขึ้น มีชื่อว่า “Forest-Beyond”
คิกูชิได้หล่อรูปปั้นพระศรีอริยเมตไตรยขนาดสูง 1.3 เมตร ด้วยสารสไตรีน และทาทับด้วยสีแดง ส่วนปาร์กหล่อรูปปั้นพระศรีอริยเมตไตรยกว่า 20 องค์ ด้วยเซรามิค และนำไปจัดวางบนเรือไม้โบราณ
ทั้งนี้ พระศรีอริยเมตไตรยเป็นพระพุทธรูปที่นิยมสักการบูชาในประเทศทั้งสอง คิกูชิกล่าวว่า “ผมต้องการให้ผู้ชมได้เข้าใจประวัติศาสตร์และการแลกเปลี่ยนระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในอนาคต ผ่านพระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรย อันเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติสุขและความเป็นเอกภาพในอนาคต”
(จาก The Asahi Shimbun)
• รัฐมหาราษฎระส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงศาสนา
อินเดีย : การท่องเที่ยวรัฐมหาราษฎระ ประเทศอินเดีย ตัดสินใจฟื้นฟูมรดกแห่งชาติ ด้วยการกำหนดให้สถูปเมืองนาละโสปารา ซึ่งมีอายุ 2,600 ปี เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางท่องเที่ยวเชิงศาสนา เพื่อไปยังเชตยภูมิ เมืองดาดาร์, เจดีย์วิปัสสนาสากล หมู่บ้านโกไร และพุทธสถานอื่นๆ ก่อนถึงจุดหมายปลายทางที่สถูปทีกษาภูมิ เมืองนาคปุระ
“เราเลือกเริ่มต้นการท่องเที่ยวที่สถูปในเมืองนาละโสปารา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เชื่อกันว่า พระมหินทเถระและพระนางสังฆมิตตาเถรี โอรสและธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช นำคณะสงฆ์ออกเดินทางไปยังศรีลังกา เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา” จาคดิช ปาติล ผู้อำนวยการบริหารการท่องเที่ยวรัฐมหาราษฎระ กล่าว
ทั้งนี้ นักประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญพุทธศึกษาเผยว่า เมืองนาละโสปารา ในสมัยโบราณ คือเมืองสุปาราหรือสุปารัค เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายทางด้านตะวันตกของอินเดีย เพื่อไปยังจีน ญี่ปุ่น ศรีลังกา และประเทศอื่นๆ ต่อมามีพ่อค้าที่ศรัทธาในพุทธศาสนา ได้บวชเป็นภิกษุและสร้างวัดขึ้นที่นี่ ซึ่งเชื่อกันว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาทรงเปิดวัดอย่างเป็นทางการด้วยพระองค์เอง ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชจึงได้สร้างสถูปขึ้น ณ ที่แห่งนี้
ส่วนเจดีย์วิปัสสนาสากล หมู่บ้านโกไร เป็นศูนย์วิปัสสนา สร้างจำลองมหาเจดีย์ชเวดากองในพม่า โดยบริเวณศูนย์กลางของเจดีย์เป็นโดมหินไร้เสาค้ำยันที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เชตยภูมิ เมืองดาดาร์ คืออนุสรณ์สถานที่เผาศพของ ดร.บี อาร์ อัมเบดการ์ อดีตผู้นำชาวจัณฑาล ในปี 1956 เขาเป็นมหาบุรุษผู้นำพุทธศาสนากลับคืนสู่มาตุภูมิ
สถูปทีกษาภูมิ เมืองนาคปุระ เป็นสถานที่ซึ่ง ดร.บี อาร์ อัมเบดการ์ นำชาวจัณฑาลกว่า 500,000 คน ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 1956
(จาก Dnaindia)
• อดีตอาร์ชบิชอปยกย่องการทำสมาธิ ช่วยสวดวิงวอนพระเจ้าได้ดีขึ้น
อังกฤษ : ลอร์ดโรแวน วิลเลียมส์ อดีตอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี (ผู้นำหลักของคริสตจักรแห่งอังกฤษ) ยกย่องการทำสมาธิช่วยให้ตระหนักรู้ได้อย่างลึกซึ้ง และเห็นคุณค่าของการยังมีลมหายใจ ณ ปัจจุบันขณะยิ่งขึ้น ส่งผลให้สวดวิงวอนพระเจ้าได้อย่างมีสมาธิ
“หลายปีที่ผ่านมา การที่ข้าพเจ้าได้ฝึกทำสมาธิมากขึ้น และได้เรียนรู้วินัยที่ทำให้ผู้ภาวนารู้สึกสงบนิ่งและมีสมาธิ การเดินจงกรม ก้าวเดินช้าๆ เชื่อมประสานก้าวย่างแต่ละก้าวและการหายใจเข้าด้วยกัน คือสิ่งที่ข้าพเจ้าค้นพบว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเตรียมพร้อมให้เกิดความรู้สึกสงบยาวนาน
พิธีกรรมที่ข้าพเจ้าทำเป็นประจำขณะอยู่บ้าน คือ ตื่นแต่เช้า และเดินจงกรมสั้นๆ หรือบางครั้งนอนราบอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง เพื่อสวดวิงวอนพระเจ้านาน 30-40 นาที” อดีตอาร์ชบิชอปกล่าว
ลอร์ดโรแวน วิลเลียมส์ เป็นผู้มีชื่อเสียงด้านงานเขียนเรื่องศาสนศาสตร์เปรียบเทียบและศาสนาอื่นๆ ที่นอกเหนือจากนิกายแองกลิคัน ปัจจุบันเป็นผู้ปกครองมอจ์ดลิ่น คอลเลจ แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
(จาก Buddhistdoor)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 164 สิงหาคม 2557 โดย เภตรา)
