xs
xsm
sm
md
lg

มองเป็นเห็นธรรม : กุญแจสู่ความสำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถึง...ตุลย์....ลูกรัก

ปีใหม่นี้ พ่อตั้งใจจะเขียนจดหมายมาให้แนวทางการดำเนินชีวิตกับลูก เผื่อลูกได้อ่านพิจารณาแล้วนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพตามกำลังของตน ซึ่งนี่ก็จะเป็นผลดีต่อชีวิตครอบครัวของลูกเองในที่สุด

ลูกก็ทราบดีอยู่แล้วว่าปัจจุบันเป็นยุคทุนนิยม ที่ทุกอย่างถูกกำหนดให้มีค่าเป็นตัวเงิน บริษัทจ้างพนักงานก็หวังให้พนักงานทำงานเสร็จตามกำหนดที่วางไว้ ใครมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร ก็ต้องทำหน้าที่นั้นให้สำเร็จ

บริษัทที่เข้มงวดกับพนักงานโดยไม่คำนึงถึงปฏิสัมพันธ์กับพนักงาน ประสิทธิผลของงานก็จะถดถอย พนักงานมีความขัดแย้งกันมาก และมีอัตราการลาออกของพนักงานอยู่ในระดับสูง เหมือนกับบริษัทของลูกในขณะนี้

เมื่อเปรียบกับบริษัทที่มีปฏิสัมพันธ์อันดีกับพนักงาน สามารถสร้างประสิทธิผลของงานที่ดี ความขัดแย้งในหมู่พนักงานแทบไม่ปรากฏ อัตราการลาออกของพนักงานอยู่ในระดับต่ำ ลูกจะพบว่าปฏิสัมพันธ์กับพนักงาน คือตัวบ่งชี้ที่สำคัญต่อการดำรงอยู่ของบริษัทนั่นเอง

แล้วอะไรคือปฏิสัมพันธ์อันดี ที่พ่อกำลังจะกล่าวถึงอยู่นี่ พ่ออยากให้ลูกได้ใช้ความคิดพิจารณาดูว่านี่คืออะไร....เรามาพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในบริษัทหรือในแผนกของลูกดู

สมมติว่าในแผนกของลูกมีพนักงาน ๕ คนชื่อ นายหนึ่ง นายสอง นายสาม นายสี่ และนายห้า มีลูกเป็นหัวหน้า ลูกคิดว่าความขัดแย้งน่าจะเกิดมาจากสิ่งใด

ลูกลองคิดว่า บริษัทได้มอบหมายงานมาให้แผนกลูกงานหนึ่ง โดยมีกำหนดให้เสร็จภายใน ๗ วัน นายหนึ่งเป็นคนฉลาด ทำงานดี แต่ชอบยึดความคิดเห็นของตนเป็นสำคัญ เมื่อมีการประชุมเพื่อจะวางแนวทางการทำงานให้บรรลุผล เขาก็จะแสดงจุดยืนของตนเองเสมอ พร้อมที่จะหักล้างความคิดเห็นคนอื่นให้ยุติไป ด้วยความประสงค์ที่จะให้ทุกคนทำตามแนวความคิดเห็นของตน

นายสองเป็นคนขี้สงสัย ชอบตั้งคำถามหาเหตุผลที่ไม่สอดคล้องกับการทำงาน ด้วยความปรารถนาใดๆ ในใจก็ตาม

นายสามเป็นคนที่ยึดมั่นในระเบียบปฏิบัติของบริษัทอย่างจริงจัง ตรงเป็นไม้บรรทัด

นายสี่เป็นคนที่ทำงานตามอารมณ์ของตน และนายห้าเป็นคนชอบมีเรื่องกระทบกระทั่งกับคนอื่นอยู่เสมอ

พ่อเชื่อว่าลูกจะพบว่า ในแผนกของลูกจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นทุกครั้งที่ต้องทำงานร่วมกัน ปฏิสัมพันธ์ของคนในแผนกก็มีช่องว่าง ยากที่จะทำงานด้วยความพร้อมเพรียงกัน นี่ก็คงทำให้ลูกเครียดกับการทำงานแล้ว ลูกจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จึงจะทำให้ทุกคนพร้อมเพรียงกันทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา

อย่าเพิ่งเครียดกับสิ่งที่พ่อถาม เพราะพฤติกรรมนี่เป็นปกติของคนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ที่สามารถพบเห็นได้ในทุกสังคม แม้กระทั่งในครอบครัวของลูกเอง ลูกคงไม่ปฏิเสธนะว่าลูกก็มีนิสัยเหมือนคนทั้งห้านี้ ปัญหาในครอบครัวของลูกก็จะมีลักษณะเหมือนปัญหาในที่ทำงาน เรามาหาทางแก้ไขปัญหากันดีไหม

ในปฏิสัมพันธ์ของสังคมที่นำมาซึ่งความเจริญอยู่เสมอ พ่อคิดว่าเบื้องต้นต้องทำให้คนในสังคมมีความปรารถนาดีต่อกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้ลดช่องว่างระหว่างกันได้เป็นอย่างดี สามารถทำให้คนในสังคมมีความพร้อมเพรียงในการทำกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำให้เกิดประสิทธิผลตามเป้าหมายที่กำหนด

พ่ออยากให้ลูกคิดทบทวนไปถึงสมัยที่ลูกยังอยู่ในปกครองของพ่อแม่ ความรักที่พ่อแม่ให้กับลูกล้วนอยู่ในขอบเขตของปรารถนาดีต่อลูกเสมอ ยามลูกทำไม่ถูกต้อง สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น พ่อแม่ก็ตักเตือน สอนให้ลูกรู้จักความผิดที่ไม่ควรทำ แล้วให้ลูกพิจารณาถึงโทษที่ควรได้รับ

ยามลูกทำตนดี ตั้งใจเรียน ช่วยเหลือเพื่อนฝูง พ่อแม่ก็ให้รางวัลที่ควรแก่ลูก นี่ก็คือพระเดชพระคุณของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเสมอมา ลูกจึงเติบโตมาในความปรารถนาดีที่พ่อแม่มีต่อลูก ทำให้ลูกสามารถปรึกษาพ่อแม่ได้ในทุกปัญหาที่ประสบ

ความปรารถนาดีต่อกันจะเกิดขึ้นได้ด้วยการเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของกันและกัน โดยไม่ยึดถือว่าความคิดของตนถูกต้อง ไม่มีข้อสงสัยระหว่างกัน ไม่ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ถืออารมณ์เป็นใหญ่ และไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งใจต่อกัน ลูกพึงเห็นได้จากความรักที่พ่อแม่ให้แก่ลูกว่า เป็นไปตามนี้หรือไม่ และผลของความปรารถนาดีของพ่อแม่เป็นเช่นไร

เมื่อย้อนกลับมาดูที่ทำงานของลูกในประเด็นที่ยกมาข้างต้น ลูกจะทำอย่างไรที่ให้ลูกน้องมีความปรารถนาดีต่อกัน เพื่อทำให้ปฏิสัมพันธ์ในการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือหัวใจสำคัญของการทำงานที่นำให้ประสบความสำเร็จที่กำหนดไว้

พ่อคิดว่าลูกคงจะต้องเริ่มต้นจากการสร้างความปรารถนาดีต่อตนเองก่อน เพราะเมื่อลูกเข้าใจในหลักการแล้ว ลูกย่อมพบวิธีการที่จะทำให้ลูกน้องมีความปรารถนาดีต่อกันได้

พ่ออยากให้ลูกได้ตระหนักถึงความเป็นผู้ใหญ่ หรือความเป็นผู้นำของตนเองก่อน หลักของผู้นำที่ดีนั้นประกอบด้วย

๑. ความเป็นผู้มีความจริงใจ มีความซื่อสัตย์ ตรงต่อหน้าที่รับผิดชอบ
๒. ความเป็นผู้มีกุศลธรรมประจำใจอยู่เสมอ
๓. ความเป็นผู้ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน รู้จักเคารพในสิทธิอันชอบธรรมของเขา
๔. ความสำรวมระวังความประพฤติของตนให้เรียบร้อยอยู่เสมอ
๕. ความเป็นผู้รู้จักควบคุมจิตใจของตนเองให้เป็นปกติ ไม่ถืออารมณ์เป็นใหญ่


คุณธรรมเหล่านี้จะทำให้ลูกได้รับความเคารพจากลูกน้องอยู่เสมอ และเขาพร้อมที่จะรับความปรารถนาดีของลูกได้อย่างเต็มใจ

พ่ออยากให้ลูกพิจารณาดูด้วยตนเองว่า ถ้าลูกเป็นคนไม่มีความจริงใจกับลูกน้อง ลูกน้องจะเคารพเชื่อฟังลูกไหม เมื่อลูกไม่จริงใจต่อเขา ลูกก็ย่อมทำกิจกรรมที่เอาผลประโยชน์จากเขา ทำให้เบียดเบียนเขาให้เดือดร้อน ความประพฤติของลูกก็จะเป็นไปในทางข่มเหงเขา ตามอำนาจของอารมณ์ที่ครองใจลูกอยู่ในขณะนั้น

ผลที่ติดตามมาจากการประพฤติไม่ตรงตามหลักของผู้นำ ย่อมทำให้เกิดความล้มเหลวในการทำงานได้เสมอ ลูกก็พิจารณาเลือกวิถีทางดำเนินชีวิตของตนเอง ว่าจะปฏิบัติตนอย่างไร

เมื่อลูกสามารถประพฤติตนในหลักของผู้ใหญ่ได้เช่นนี้แล้ว ความปรารถนาดีที่ลูกจะมีต่อลูกน้องก็จะเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากความรู้สึกปรารถนาอยากให้ลูกน้องมีความเป็นอยู่ที่ดี มีการทำงานที่ดีมีคุณภาพ ลูกย่อมคิดหาวิธีการที่เพิ่มคุณภาพในการทำงานของเขา และลดสิ่งที่ไม่ดีของเขาให้น้อยลงจนหมดไป ด้วยการทำตนให้เขาเห็นเป็นตัวอย่าง และการพูดคุยกับเขา

เมื่อลูกน้องได้สัมผัสความปรารถนาดีที่ลูกมีต่อเขา เขาก็จะพัฒนาตนเองให้ความปรารถนาดีต่อลูก ตามนิสัยของกตัญญูกตเวทิตาชน เขาจะพยายามปรับปรุงตนเองให้สามารถทำงานสอดประสานกับคนอื่นในแผนก ให้ได้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น และพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิผลตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

วันไหนที่ทุกคนในแผนกมีความปรารถนาดีต่อกัน วันนั้นก็จะเป็นการเริ่มต้นแห่งการสร้างความสุขในการทำงานที่ทุกคนปรารถนา ผลของความสุขนั้นย่อมทำให้งานของแผนกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ ลองพิจารณาดูนะ

เมื่อลูกทราบถึงเหตุผลของความปรารถนาดีต่อกันในที่ทำงานแล้ว พ่ออยากให้ลูกสร้างความปรารถนาดีต่อกันในครอบครัวของลูกให้สัมฤทธิผลเหมือนที่ทำงานบ้าง เพราะครอบครัวเป็นพื้นฐานของชีวิต การละเลยครอบครัวถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะครอบครัวที่กำลังมีเด็กเล็กอยู่อย่างครอบครัวของลูก

ความขัดแย้งในครอบครัวที่เกิดขึ้นจากการปราศจากความปรารถนาดีต่อกันของสามีภรรยา จะส่งผลกระทบถึงการเจริญเติบโตของลูกๆ อาจจะเป็นสาเหตุให้เด็กมีปัญหาทางสังคมได้ พ่อแม่ไม่อยากให้หลานต้องเป็นเด็กมีปัญหา จึงอยากให้ลูกรู้จักจัดสรรเวลาให้กับครอบครัวบ้าง ลูกสามารถทำความปรารถนาดีต่อกันในที่ทำงานได้ ก็ควรทำความปรารถนาดีต่อกันในครอบครัวด้วย

ความปรารถนาดีต่อภรรยานี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ลูกควรให้เกียรติภรรยาเสมอทั้งต่อหน้าและลับหลัง ต้องยกความเป็นใหญ่ในบ้านให้กับภรรยา หมั่นช่วยในกิจการของครอบครัวตามหน้าที่ อย่าปล่อยให้ภรรยาทำงานบ้านคนเดียว พ่อเชื่อว่าความปรารถนาดีต่อภรรยาของลูก จะทำให้ลูกรู้ว่าควรทำตนเช่นไรในฐานะผู้นำครอบครัว เหมือนกับที่พ่อได้ทำให้ลูกได้เห็นมาแล้ว

ความปรารถนาดีต่อบุตรก็เช่นกัน พ่ออยากให้ลูกคิดย้อนหลังไปถึงสมัยที่ลูกยังเล็ก ตั้งแต่เรียนประถมศึกษา แล้วเจริญเติบโตมาจนจบการศึกษาระดับปริญญาโท ดูสิว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกมาอย่างไร

ในยามที่ลูกเรียนประถมศึกษา ลูกคงคิดว่าพ่อนี่ช่างดุจริงๆ ทุกครั้งที่ลูกทำผิด พ่อจะให้ลูกพิจารณาถึงความผิดนั้น แล้วกำหนดโทษตนเองว่าจะให้พ่อตีกี่ที ซึ่งพ่อก็ตีลูกจริงๆ ด้วยไม้เรียวที่ปิดทองคำเปลววางหน้าโต๊ะหมู่บูชาในห้องพระ

พ่ออยากบอกลูกว่าไม้เรียวอันนี้เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่พ่อขอสืบทอดมาจากคุณปู่ โดยพ่อไม่สนใจทรัพย์สินอื่นๆของท่านเลย ไม้เรียวนี่ล่ะที่ทำให้พ่อระลึกไว้เสมอว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” กล่าวคือ ถ้ารักวัวก็ให้ผูกล่ามหรือขังไว้ มิเช่นนั้นวัวจะถูกลักพาหรือหนีหายไป ถ้ารักลูกก็ให้อบรมสั่งสอนลูกและทำโทษลูกเมื่อผิดนั่นเอง ทั้งนี้ความรักนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความปรารถนาดีที่มีต่อลูก

พ่อเชื่อว่าถ้าในวัยประถมศึกษา เด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด ได้รับการปลูกฝังสิ่งที่ดีๆ จากพ่อแม่ที่มีความปรารถนาดีต่อลูก ย่อมจะเป็นการสร้างนิสัยที่ดีให้เกิดขึ้นอยู่ในตัวของลูกได้ ลูกคงรู้แล้วนะว่าช่วงวัยประถมศึกษาของลูกที่ผ่านมาได้ดีตลอด ก็เพราะความปรารถนาดีของพ่อแม่ ซึ่งพ่อก็อยากให้ลูกปฏิบัติกับหลานทั้งสองด้วยวิธีเดียวกันนี้

เมื่อลูกเรียนชั้นมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา พ่อแม่ก็เลี้ยงดูลูกด้วยความปรารถนาดีเหมือนเดิม แต่ใช้วิธีการเหมือนกับการเล่นว่าว ว่าวที่ติดลมบนลอยอยู่ได้นานก็เพราะผู้เล่นรู้จักการดึงรั้งและผ่อนสายชักให้พอดีกับแรงลมที่มาปะทะตัวว่าว

ยามที่ลูกหลงระเริงไปกับกระแสสังคม จนลืมเลือนหน้าที่ประจำคือการเรียน พ่อแม่ก็จะเข้มงวดกับลูก เน้นให้ลูกรู้จักการทำหน้าที่ของตนเองอย่างรับผิดชอบ ยามที่ลูกอยากมีอิสระในการดำเนินชีวิตไปตามวัยกับเพื่อนฝูง พ่อแม่ก็ผ่อนอนุโลมไปตามเหตุการณ์ นี่ก็เป็นเหตุทำให้ลูกสามารถพัฒนาตนเองจนเรียนจบปริญญาโทได้ตามปรารถนา

พ่ออยากให้ลูกย้อนคิดในเรื่องเหล่านี้ให้มาก แล้วลูกจะรู้ว่าความปรารถนาดีของพ่อแม่นั้นเป็นอย่างไร แล้วพึงปฏิบัติตนให้เกิดความปรารถนาดีนั้นอยู่เสมอ ให้หลานทั้งสองสามารถพบกับความสำเร็จในการศึกษาเหมือนลูก ซึ่งจะส่งผลให้หลานสามารถมีหน้าที่การงานที่ดีได้ในที่สุด

พ่ออาจจะเขียนพรรณนาถึงความปรารถนาดีต่อกันมาให้ลูกได้อย่างไม่ครบถ้วน เพราะเขียนขึ้นจากประสบการณ์ของตนเอง พ่อคิดว่าลูกอาจต้องเติมสิ่งที่ขาดหายไป ด้วยการประพฤติตนให้เป็นผู้มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น แล้วลูกก็จะรู้ว่าผลของการปฏิบัติตนให้มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นนั้นเป็นอย่างไร

พ่อหวังว่าครอบครัวของลูกคงจะผ่านพ้นอุปสรรคที่กำลังประสบอยู่นี้ไปได้อย่างปลอดภัย และหน่วยงานที่ลูกรับผิดชอบอยู่จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยอาศัยความปรารถนาดีต่อกันเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จที่มุ่งหวัง

ขอให้ลูกจงมีความสุขกายสุขใจอยู่เสมอ

รักลูกมากเสมอ
พ่อโต


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 145 มกราคม 2556 โดย พระครูพิศาลสรนาท(พจนารถ ปภาโส) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กทม.)


กำลังโหลดความคิดเห็น