xs
xsm
sm
md
lg

อสีติมหาสาวก : กลุ่มพระต่างแคว้น (ตอนที่ ๘๘)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่มพระต่างแคว้น คือ กลุ่มพระที่ออกบวชต่างแคว้นละ ๑ รูป (เฉพาะที่เป็นพระอสีติมหาสาวก) มี ๖ รูป คือ พระพาหิยะ พระปุณณะ พระทัพพะ พระรัฐบาล พระโสณโกฬิวิสะ พระมหากัปปินะ แต่ละรูปมีประวัติที่น่าศึกษาดังนี้

ชีวิตฆราวาส

พระพาหิยะ เมื่อเจริญวัยแล้วได้ประกอบอาชีพค้าขายตามตระกูล เนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่แถบชายฝั่ง ตระกูลของท่านจึงประกอบอาชีพการค้าขายทางเรือ โดยเดินเรือบรรทุกสินค้าไปขายที่สุวรรณภูมิ เมืองท่าเรือสำคัญเมืองหนึ่งที่ท่านเดินผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ คือท่าเรือสุปปารกะในอัปรันตชนบท

ท่านแล่นเรือค้าขายอยู่อย่างนี้เป็นปรกติ วันหนึ่งทะเลเกิดมรสุม คลื่นซัดเรืออับปางขณะเดินทางเข้าใกล้เขตท่าเรือสุปปารกะ ลูกเรือตายหมด เหลือรอดอยู่แต่ท่านซึ่งเกาะกระดานลอยน้ำมาจนถึงท่าเรือสุปปารกะ

ท่านไปถึงท่าเรือด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เนื่องจากเสื้อผ้าหลุดหายไปหมดสิ้น บริเวณท่าเรือสุปปารกะเป็นถิ่นที่เจริญ มีคนอยู่หนาแน่น ท่านรู้สึกเหนื่อยและหิว แต่รู้สึกละอายที่จะเปลือยกายเข้าไปในชุมชนนั้น จึงตัดสินใจเอาเปลือกไม้พันแทนเครื่องนุ่งห่มแล้วถือกระเบื้อง จากนั้นจึงแสร้งเดินไปใกล้ศาลเทพารักษ์ แล้วทำทีเป็นเดินออกจากศาลเข้าไปในชุมชน

ชาวท่าเรือสุปปารกะได้รับข่าวต่างๆ ตลอดเวลา แม้กระทั่งเรื่องราวพระอรหันต์ ที่มีข่าวมาว่าอยู่ที่โน้นบ้างอยู่ที่นี่บ้างก็ได้ยินอยู่เป็นประจำ

เมื่อพาหิยะปรากฎตัวในลักษณะ แปลกกว่าคนอื่น คือนุ่งห่มเปลือกไม้ ต่างก็สำคัญว่าเป็นพระอรหันต์ จึงได้ให้อาหาร และยกย่องนับถือ ทำให้ท่านสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ต่อมาพาหิยะเองก็สำคัญผิดไปว่า พฤติกรรมของท่านที่เป็นอยู่คือพฤติกรรม ของพระอรหันต์ เมื่อเปลือกไม้แห้งเหี่ยวแล้วก็ไม่ยอมนุ่งห่มผ้าอื่น ด้วยเกรงว่าความเป็นพระอรหันต์จะเสื่อม และลาภสักการะก็จะน้อยยลง

พระปุณณะ เป็นเช่นเดียวกับพาหิยะ คือประกอบอาชีพค้าขายตามตระกูล โดยผลัดเปลี่ยนกับน้องชายนำกองเกวียน 500 เล่ม บรรทุกสินค้าไปขายยังต่างเมือง ตามวาระ

พระทัพพะ เนื่องจากเกิดในวรรณะกษัตริย์ จึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพระอัยยิกา(ยาย)

พระรัฐบาล เนื่องจากเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว จึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ท่านแต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูก ระหว่างที่ครองเพศฆราวาสอยู่นั้นท่านเป็นบุคคล ที่มีเพื่อนมาก แสดงให้เห็นว่ามีจิตใจกว้างขวางและเอื้ออารี

พระโสณโกฬิวิสะ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี บิดาได้สร้างปราสาท 3 ฤดูให้อยู่ ให้คนใช้จัดอาหารประณีตให้ ข้าวสาลีที่นำมาหุงเป็นชนิดดีเลิศ บิดาให้คนใช้ปลูก เองในเนื้อที่ 60 กรีส บำรุงเลี้ยงข้าวสาลีที่ ปลูกเองนั้นด้วยน้ำ 3 ชนิด คือ น้ำธรรมดา น้ำผสมน้ำนม และน้ำผสมน้ำหอม และดูแลรักษาอย่างดีด้วยวิธีมุงบังผ้าขาวบาง เพื่อกันมิให้สัตว์และแมลงเข้าไปกัดกิน

หลังจากบริโภคอาหารแต่ละมื้อแล้ว ท่านจะล้างมือด้วยน้ำหอม ท่านเป็นคนสุขุมาลชาติ ฝ่ามือฝ่าเท้าอ่อนนุ่มและมีสีแดงดังดอกชบา โดยเฉพาะที่ฝ่าเท้านั้นมีขนอ่อนสีเขียวเหมือนแก้วมณีงอกขึ้น ซึ่งมองดูแปลกกว่าคนทั่วไป

นอกเหนือจากนั้น ท่านยังเป็นคนรักการเล่นดนตรี และดนตรีที่ท่านเล่นได้ถนัด คือ การดีดพิณ

พระมหากัปปินะ เมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้วก็ได้รับมุรธาภิเษกขึ้นครองราชย์สืบต่อ และทรงพระนามว่า “พระเจ้า มหากัปปินะ” ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอโนชาเทวี พระราชธิดาของพระเจ้าสาคละ แห่งแคว้นมัททะ ท่านสนใจในการแสวงหาความรู้ ทุกวันจะส่งราชทูตออกไปหาข่าวว่ามีผู้รู้ในทิศใดบ้าง

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 136 เมษายน 2555 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
กำลังโหลดความคิดเห็น