เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - รัฐบาลจีนลั่นความสำเร็จ หลังจากพยายามควบคุมปัญหาไร้สมดุลการกำเนิดทารกชาย-หญิง ตั้งแต่สามปีที่ผ่านมา ซึ่งอัตราชายเกิดมากกว่าหญิงค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ อย่างไรก็ดีจีนก็ยังครองแชปม์ปัญหาไร้สมดุลชายหญิงสูงสุดในโลก
พีเพิลเดลี หนังสือพิมพ์กระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีนเผย (29 มี.ค.) ครั้งนี้ถือว่าสัดส่วนชายกำเนิดมากกว่าหญิงลดลง 3 ปีต่อเนื่องติดกัน นับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 ที่รัฐบาลบังคับใช้นโยบายลูกคนเดียว
เมื่อปีที่ผ่านมา อัตรากำเนิดเด็กชายอยู่ที่ 117.78 คน ต่อเด็กหญิง 100 คน ซึ่งลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 117.94 คน และปีก่อนหน้า (2551) 119.45 คน
“อัตราส่วนต่างระหว่างทารกชาย-หญิงที่ค่อย ๆ แคบลง เป็นความสำเร็จที่รัฐบาลพยายามควบคุมตลอดหลายปี อาทิ การปราบปรามลงโทษการตรวจกรองเพศทารกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound screening) การทำแท้งเถื่อน ตลอดจนการรณรงค์ให้ดูแลเด็กผู้หญิง” หนังสือพิมพ์ระบุข้อความของนายจัง เจี้ยน โษฆกประจำคณะกรรมาธิการประชากรและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติ
จังเพิ่มเติมว่า อัตราส่วนต่างยังคงสูง และรัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการกับปัญหานี้
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ประชากรวัยแต่งงานเพศชายจะสูงเกินหญิง มากถึง 24 ล้านคนในปี 2563
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โดยทั่วไปอัตราการถือกำเนิดโดยธรรมชาติ ทารกเกิดใหม่ชายต่อหญิงควรจะอยู่ที่ 103-107 ต่อ 100 คน
อัตราส่วนต่างที่บิดเบี้ยวของแผ่นดินใหญ่เป็นผลมาจากนโยบายลูกคนเดียว และประเพณีแต่ดั้งเดิมที่ยินดีต่อการให้กำเนิดบุตรมากกว่าธิดา กลายเป็นอคติโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
อัตราส่วนต่างขึ้นสู่จุดสูงสุดในกลางทศวรรษ 1980 เนื่องจากการอนุญาตให้ใช้การตรวจกรองเพศทารกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงทั่วประเทศ สื่อจีนรายงานด้วยว่ากระทั่งปี 2551 ทารกชายต่อหญิงพุ่งขึ้นไปถึง 120.56 ต่อ 100 คน
กระทั่งปี 2548 รัฐบาลกลางห้ามใช้การตรวจกรองเพศทารกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อเลือกเพศทารก และการทำแท้งเถื่อน
เหอ ย่าฝู นักประชากรศาสตร์ในก่วงตง ตั้งคำถามกับความน่าเชื่อถือของสถิติรัฐบาล แต่เขาก็ชี้ว่า หากสิ่งที่รัฐบาลเปิดเผยเป็นจริง อัตราดังกล่าวก็ยังถือว่าสูงสุดในโลกอยู่ดี
เหอย้ำว่า แนวโน้มสถานการณ์นั้นเริ่มดีขึ้นแล้วในเขตเมือง เพราะประชาชนเริ่มลดอคติกับเพศทารกลงไปบ้าง แต่ในชนบท ชายต่อหญิงน่าจะอยู่ที่ 150 ต่อ 100 คน
