ท่านผู้อ่านครับ ได้กล่าวถึงเรื่องคนอายุยืนในแง่มุมต่างๆ ให้ได้พิจารณากันไปแล้วหลายตอน สำหรับในตอนนี้จะขอกล่าวถึงเรื่องของพระเถระที่มีอายุยืนในพระพุทธศาสนา ปฏิปทาที่น่านับถือและนำมาปฏิบัติตามของท่าน เพื่อเป็นตัวอย่าง การได้รับรู้เรื่องราวของท่าน ช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจ ในการทำบุญกุศลตามแบบอย่างของท่าน
ผู้เขียนขอกล่าวถึงประวัติของท่านพักกุลเถระ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงยกย่องท่านเป็นเอตทัคคะในความเป็นผู้มีอาพาธน้อย คือ ท่านมีอายุ ๑๖๐ ปี ตลอดชีวิตของท่านไม่เคยเจ็บป่วยหรือฉันยาเลย ในฐานะชาวพุทธเราควรจะได้รับรู้ปฏิปทาของท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก
เรื่องของท่านอยู่ใน พักกุลัตเถรัจฉริยัพภูตสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ สุญตวรรค
ท่านเกิดในตระกูลมหาเศรษฐีแห่งนครโกสัมพี เมื่อเด็กพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ ถูกปลาใหญ่ตัวหนึ่งฮุบกินเข้าไปในท้อง ท่านอยู่ในท้องปลาตัวใหญ่โดยไม่เป็นอันตรายด้วยบุญบารมีที่สะสมมา ปลาว่ายน้ำไปได้ ๓๐ โยชน์ก็ติดข่ายของชาวประมงชาวเมืองพาราณสี ชาวประมงก็แบกปลาตัวนั้นไปขาย ราคาหนึ่งพัน ก็หาคนซื้อไม่ได้
เมื่อผ่านมาถึงประตูบ้านเศรษฐีตระกูลหนึ่ง ซึ่งมีทรัพย์ ๘๐ โกฐิ ไม่มีบุตร ภริยาเศรษฐีซื้อเอาไว้เพื่อใช้ทำอาหาร เมื่อผ่าท้องปลาออกก็พบเด็กยังมีชีวิตอยู่ในท้อง ภริยาเศรษฐีดีใจมาก อุ้มเด็กไปหาท่านเศรษฐี เศรษฐีจึงให้ป่าวประกาศไปทั่วว่า เราได้บุตรแล้ว
ครั้นต่อมาข่าวทราบไปถึงบิดามารดาเดิมของท่านพักกุลเถระ ทั้งสองก็มาตามหาบุตรที่บ้านเศรษฐี แต่ตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นลูกของใครกันแน่ ต่างก็อ้างสิทธิว่าเป็นบุตรของตน ทั้งสองฝ่ายจึงพากันไปเฝ้าพระราชา พระราชาจึงตัดสินให้ทั้งสองตระกูลดูแลร่วมกัน
ตระกูลทั้งสองได้สร้างปราสาทไว้ในพระนครทั้งสอง แล้วให้บำรุงบำเรอด้วยพวกหญิงฟ้อนรำ ท่านอยู่นครละ ๔ เดือน ท่านเสวยสมบัติอยู่อย่างนี้ครบ ๘๐ ปี ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปถึงพระนครพาราณสีแล้ว ท่านได้ฟังธรรมในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดศรัทธาจึงออกบวช บวชได้ ๗ วันก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วย ปฏิสัมภิทาทั้งหลาย เนื่องจากท่านเป็นคนสองตระกูล ท่านจึงได้ชื่อว่า พักกุละ
ท่านผู้อ่านจะเห็นว่า ลีลาชีวิตของท่านพักกุละเถระมีความน่าอัศจรรย์มาก ในช่วงที่ท่านบวชอยู่ก็มีเรื่องที่น่าอัศจรรย์อีกมาก กล่าวคือ
ครั้งหนึ่งที่วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ เพื่อนเก่าของท่านซึ่งเป็นปริพาชก ชื่อ อเจลกัสสปะ ได้มาเยี่ยมท่านที่วัด หลังจากทักทายกันแล้ว อเจลกัสสปะได้ถามท่านว่า บวชมากี่พรรษาแล้ว ท่านตอบว่า บวชมาได้ ๘๐ พรรษา แล้ว
อเจลกัสสปะถามต่อไปว่า ตลอด ๘๐ ปีที่ผ่านมาท่านได้เสพเมถุน (มีเพศสัมพันธ์) กี่ครั้ง พระเถระตอบว่า ไม่ควรถามอย่างนั้น แต่ควรถามว่า บวชมา ๘๐ ปี เคยเกิดกามสัญญา (ความนึกคิดในทางกาม) กี่ครั้ง ซึ่งท่านตอบว่า ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อเจลกัสสปะได้ฟังก็กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ไม่น่าจะเป็นไปได้
พระเถระจึงกล่าวต่อว่า นอกจากไม่เคยมีกามสัญญาแล้ว ท่านยังไม่เคยมีพยาบาทสัญญา (ความนึกหมายในทางโกรธเคือง) และวิหิงสาสัญญา (ความนึกหมายในทางเบียดเบียน) ด้วย
ยิ่งกว่านั้นพระเถระยังกล่าวอีกว่า ท่านไม่เคยมีกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก (ความตรึกในใจทางกาม พยาบาท การเบียดเบียน) เลยตลอดเวลา ๘๐ ปี ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ
ความน่าอัศจรรย์ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตลอดเวลา ๘๐ ปี ในร่มกาสาวพัสตร์ ยังมีอีก คือ ตลอดเวลา ๘๐ ปี นั้น
• ท่านไม่เคยยินดีกับจีวรที่ชาวบ้านนำมาถวาย
• ท่านไม่รู้จักใช้มีดตัดจีวร เข็มเย็บจีวร สีย้อมจีวร จีวรทำกับไม้สะดึง ไม่เคยทำจีวรกับภิกษุด้วยกัน
• ท่านไม่ยินดีในการรับนิมนต์ ไม่เคยนึกคิดอยากให้มีคนมานิมนต์
• ท่านไม่เคยนั่งในละแวกบ้าน ไม่เคยฉันอาหารในละแวกบ้าน
• ท่านไม่เคยมองสตรีในลักษณะทั่วไป และในรายละเอียดของร่างกายจนทำให้เกิดความยินดีพอใจ ไม่เคยแสดงธรรมแก่สตรีเกินคาถา ๔ บาท ไม่เคยไปสำนักภิกษุณี ไม่เคยแสดงธรรมแก่ภิกษุณี สิกขมานา สามเณรี
• ท่านไม่เคยบรรพชาให้ใคร ไม่เคยอุปสมบทให้ใคร ไม่เคยให้นิสัย(รับเป็นอาจารย์)แก่ใคร ไม่เคยมีสามเณรอุปัฏฐาก
• ท่านไม่เคยสรงน้ำในเรือนไฟ ไม่เคยใช้จุณ(ผงสบู่) อาบน้ำ
• ท่านไม่เคยให้ภิกษุด้วยกันนวดเฟ้นให้
• ท่านไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยแม้ในชั่วระยะเวลารีดนมโคเสร็จ ไม่เคยฉันยาแม้เท่าชินสมอ
• ท่านไม่เคยนั่งพิงพนัก ไม่เคยเอนหลังลงนอน แต่นั่งตัวตรงตลอดชีวิต
• ท่านไม่เคยอยู่จำพรรษาในวัดใกล้บ้าน อยู่แต่ในป่า
อเจลกัสสปะได้ฟังเรื่องที่น่าอัศจรรย์ไม่น่าเป็นไปได้ ของพระเถระ ก็เกิดศรัทธาขอบรรพชาอุปสมบท หลังจากนั้น ปลีกตัวบำเพ็ญความเพียรอยู่ไม่นานก็บรรลุอรหัตตผล (พระไตรปิฎกฉบับผู้เริ่มศึกษา เล่ม ๑๐หน้า ๗๘-๘๑)
ในตอนสุดท้ายของชีวิต พระเถระนั่งปรินิพพานในท่ามกลางภิกษุทั้งหลาย ทำเตโชธาตุปรินิพพานแล้วไฟลุก ขึ้นท่วมสรีระ ผิวหนัง เนื้อและโลหิตถูกเผาไหม้สิ้นไป เหมือนเนยใส ยังคงเหลืออยู่แต่ธาตุ ที่มีลักษณะดังดอกมะลิตูม
มีคำถามว่า พระเถระทำกรรมอะไร ท่านจึงไม่เคยเจ็บ ป่วยเลย พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า
ในสมัยพระพุทธเจ้าปทุมมุตตระ มีภิกษุหนึ่งแสนเป็นบริวาร ได้เที่ยวจาริกไปในป่า แล้วโดนดอกหญ้ามีพิษ ทำให้เกิดป่วยขึ้น พระพักกุลละเถระเป็นดาบสผู้มีฤทธิ์ ได้นำโอสถมาถวาย ทำให้ภิกษุเหล่านั้นหายจากอาพาธ
นอกจากนั้นในสมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ ท่านเป็นชาวนา ท่านหยุดไถนาในวันแรกนา ให้สร้างโรงครัว และเวจกุฎี จัดยาถวายภิกษุสงฆ์เป็นประจำ ด้วยกรรมนี้ท่านจึงเป็นผู้ปราศจากอาพาธ (อรรถกถาพักกุลสูตร พระไตรปิฏกภาษาไทย ฉบับมหามกุฏ เล่ม ๒๓ หน้า ๗๗-๘๓)
ท่านผู้อ่านครับ เรานำเอาความรู้ในข้อนี้มาใช้ในการดำเนินชีวิตได้ โดยหาโอกาสทำบุญด้วยการถวายยารักษาโรคแก่พระภิกษุผู้มีศีล ครูบาอาจารย์ผู้ให้กรรมฐานทั้งหลาย ก็จะมีอานิสงส์ทำให้เรามีสุขภาพดี แข็งแรงไม่เป็นโรค และมีอายุยืน
ผลย่อมมาจากเหตุ พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 131 ตุลาคม 2554 โดย นพ.แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ)