xs
xsm
sm
md
lg

อสีติมหาสาวก : ตอนที่ ๕๙ กลุ่มพระชาวแคว้นสักกะ (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอตทัคคะ-อดีตชาติ (ต่อ)
พระอานนท์ ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นเจ้าชายสุมนะ พระอนุชาต่างพระมารดาของพระพุทธเจ้าปทุมุตตระนั้นเอง เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุนันทะกับพระนางสุชาดา
ต่อมาเมื่อพระเชษฐาเสด็จออกบวชและได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เจ้าชายสุมนะในฐานะรัชทายาท ทรงได้รับมอบหมายจากพระราชบิดาให้เสด็จไปครองเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหงสวดีประมาณ ๑๒๐ โยชน์ (๑,๙๒๐ กิโลเมตร) คราวหนึ่งที่เมืองชายแดนนั้นเกิดจลาจลขึ้น เจ้าชายสุมนะทรงปราบจลาจลนั้นได้สำเร็จ ความสามารถครั้งนั้นทำให้พระเจ้าสุนันทะพระราชบิดาทรงโปรดปรานมาก ถึงขนาดรับสั่งให้เข้าเฝ้าโดยด่วน
พระเจ้าสุนันทะพระราชทานพรให้พระราชโอรสทรงเลือกเอารางวัล ซึ่งพระองค์จะพระราชทานให้เป็นการตอบแทนความสามารถ เจ้าชายสุมนะทรงคิดเตรียมไว้พร้อมแล้วว่าจะทรงเลือกสิ่งใด ดังนั้นเมื่อพระราชบิดาทรงเปิดโอกาสให้ทรงเลือก จึงกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระราชบิดา หม่อมฉันไม่ปรารถนารางวัลอย่างอื่น นอกจากจะทูลขอโอกาสอุปัฏฐากพระเจ้าพี่กับพระสาวกด้วยปัจจัยสี่สัก ๓ เดือน”
พระเจ้าสุนันทะนิ่งอึ้งด้วยทรงนึกไม่ถึงว่า พระราชโอรสจะทูลขออย่างนี้ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงถวายอุปัฏฐากพระพุทธเจ้ามาตลอด พระองค์ไม่เต็มพระทัยที่จะให้ใครทูลขอโอกาสอย่างนี้ต่อพระองค์ แต่ครั้งนี้ทรงอ้ำอึ้ง ครั้นจะตรัสปฏิเสธก็เกรงจะทำให้พระราชโอรสเสียพระทัย จึงทรงบ่ายเบี่ยงให้พระราชโอรสไปทูลขอโอกาสจากพระพุทธเจ้าเอง
เจ้าชายสุมนะจึงกราบทูลลาไปเฝ้าพระเชษฐา ขณะนั้นพระพุทธเจ้าปทุมุตตระประทับอยู่ในพระคันธกุฎี เจ้าชายสุมนะจึงไม่ได้โอกาสเข้าเฝ้าทันที จนเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากพระพุทธอุปัฏฐากชื่อ “พระสุมนะ” จึงสามารถเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้
พระสุมนะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก ทำหน้าที่ถวายการรับใช้พระพุทธเจ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทำนองเป็นต้น ห้องหรือเลขานุการ ใครก็ตามที่ต้องการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ขณะประทับอยู่ในพระคันธกุฎีหรือในที่หลีกเร้น ต้องแจ้งให้พระสุมนะทราบก่อน เพื่อท่านจะได้พิจารณาความเหมาะสม แล้วนำเข้ากราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ ส่วนการจะได้เข้าเฝ้าหรือไม่นั้นต้องอยู่ที่พระพุทธวินิจฉัย
ในกรณีของเจ้าชายสุมนะพระอนุชาก็เช่นกัน พระสุมนะได้รับเรื่องนำเข้าไปกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธเจ้าทรงตอบรับที่จะเสด็จออกมาพบ
เจ้าชายสุมนะทรงดีพระทัยมากที่ได้เข้าเฝ้าพระเชษฐา ในขณะเดียวกันก็ทรงเลื่อมใสในตัวพระสุมนะที่เป็นพระใกล้ชิดพระพุทธเจ้า และทรงเลื่อมใสในวิธีการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าของท่าน กล่าวคือพระสุมนะได้แสดงฤทธิ์ดำดินเข้าไปภายในพระคันธกุฎี และเวลากลับออกมาก็แสดงฤทธิ์เช่นเดียวกันดังนั้น เมื่อทูลนิมนต์ให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับที่เมืองชายแดน ของตนตลอด ๓ เดือนได้แล้ว จึงทูลถามวิธีที่จะได้เป็นพระพุทธอุปัฏฐากอย่างพระสุมนะ ซึ่งทรงได้รับคำตอบว่าต้องให้ทานและรักษาศีล แล้วก็ทำบุญอย่างอื่นสนับสนุนจึงจะได้สมปรารถนา
เจ้าชายสุมนะ หลังจากเสด็จกลับไปเมืองชายแดนของพระองค์แล้ว ก็ทรงรับสั่งให้เตรียมการต้อนรับเสด็จพระพุทธเจ้าและพระสาวก พระองค์ทรงซื้ออุทยานของกฎุมพีโสภะมาสร้างเป็นวัดไว้ถวาย ในบริเวณวัดนั้นทรงรับสั่งให้สร้างพระคันธกุฎีสำหรับพระพุทธเจ้า และสร้างกุฎี โรงปะรำ พร้อมทั้งที่พักกลางคืนและที่พักกลางวันสำหรับพระสาวก ครั้นงานก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงส่งสารไปถวายพระราชบิดาให้ทูลนิมนต์พระเชษฐาเสด็จมาได้
ครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงพร้อมกับพระสาวกแล้ว เจ้าชายสุมนะทรงถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ จากนั้นจึงกราบทูลถวายวัด เมื่อพระพุทธเจ้าทรงรับและเสด็จเข้าไปประทับพร้อมด้วยพระสาวกแล้ว เจ้าชายสุมนะ ก็ถวายการอุปัฏฐากด้วยปัจจัย ๔
วันเข้าพรรษา หลังจากทรงชักชวนพระชายาและพระโอรส พระธิดา และบรรดาอำมาตย์ทำบุญแล้ว เจ้าชายสุมนะก็ได้ตรัสว่า
“ท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญ ปฏิบัติบูชามากว่าอามิสบูชา ตลอด ๓ เดือนนี้ ฉันจะสละสมบัติทุกสิ่งแล้วถือศีล ๑๐ มีเพียงผ้านุ่งผ้าห่มติดตัว ขอท่านทั้งหลายช่วยกันถวายการอุปัฏฐากแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวกอย่างที่ฉันทำนี้ด้วย”
เมื่อทรงมอบหมายภารกิจแด่ผู้ใกล้ชิดแล้ว เจ้าชายสุมนะก็ทรงเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มอย่างธรรมดา แล้วสมาทานรักษาศีล ๑๐ และประทับอยู่ในวัดนั้นเอง พระองค์ทรงใกล้ชิดกับพระสุมนะ ทรงเห็นวัตรปฏิบัติต่างๆ ของท่านที่ทำถวายพระพุทธเจ้าแล้วก็ยิ่งเกิดความเลื่อมใส และเพิ่มศรัทธาปรารถนาที่จะได้เป็นเช่นพระสุมนะนั้นบ้าง
เจ้าชายสุมนะทรงเก็บความปรารถนาไว้ในพระทัย ตลอดเวลา ๓ เดือน ออกพรรษาแล้วจึงทรงแสดงศรัทธาให้ปรากฏ ด้วยการถวายมหาทานแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวกติดต่อกัน ๗ วัน วันสุดท้ายหลังจากพระพุทธเจ้าและพระสาวกฉันเสร็จแล้ว พระองค์ได้ถวายผ้าไตรอีกรูป ละ ๑ ชุดจากนั้นจึงกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบถึงความปรารถนาที่มีอยู่ และได้รับพุทธพยากรณ์คล้ายกับที่พระอสีติมหาสาวกรูปอื่นๆได้รับ คือ จักได้ออกบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าโคดมในอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า จักได้บรรลุอรหัตผล พระพุทธเจ้าโคดมจักตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ด้านพุทธอุปัฏฐาก
เจ้าชายสุมนะได้ฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้ว เกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำบุญสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้ากัสสปะ
ชาติที่พบพระพุทธเจ้ากัสสปะนั้น ท่านเกิดเป็นคนสามัญได้ถวายผ้ารองบาตรแด่พระเถระรูปหนึ่งด้วยจิตเลื่อมใส จากชาตินั้นบุญส่งผลให้ไปเกิดในสวรรค์จนมาถึงพุทธันดรหนึ่ง
ชาติหนึ่งในพุทธันดรนั้นท่านเกิดเป็นพระเจ้าพาราณสี ได้ทำบุญสำคัญคือสร้างศาลา ๘ หลังถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ รูป พร้อมทั้งถวายการอุปัฏฐากด้วยปัจจัย ๔ อย่างดีจนตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ท่านได้มาเกิดเป็นโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะกับพระนางกีสาโคตมีผู้เป็นพระญาติใกล้ชิดของพระพุทธเจ้า ครั้นออกบวชแล้วประมาณ ๔๕ ปี จึงได้บรรลุอรหัตผล อาศัยเหตุที่ตั้งจิตปรารถนามาแต่อดีตชาติ ประกอบกับปัจจุบันชาติที่ทำหน้าที่พุทธอุปัฏฐากได้ดียิ่ง แม้จะเป็นเพียงแค่พระโสดาบัน พระพุทธเจ้าก็ทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านพุทธอุปัฏฐาก และอีก ๔ เอตทัคคะ คือ พหูสูต มีสติ(รอบคอบ) มีคติ(มีความเข้าใจได้หลายทางจากหลักอ้างอิงเพียงหลักเดียว) และมีธิติ(อดทน)

(อ่านต่อฉบับหน้า)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 107 ตุลาคม 2552 โดย ผศ.ร.ท.ดร. บรรจบ บรรณรุจิ)
กำลังโหลดความคิดเห็น