สุข-ทุกข์ เพราะกรรมในอดีตชาติ?
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่เคารพอย่างสูง ดิฉันติดตามอ่านปุจฉามาตลอด และชอบที่หลวงปู่ตอบมากๆค่ะ คราวนี้ดิฉันก็มีเรื่องมาขอปุจฉาหลวงปู่บ้าง คือชีวิตของดิฉันไม่รู้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมมาแต่ชาติไหน มีแต่ความทุกข์ความเดือดร้อนมาตลอด ตั้งแต่ดิฉันเกิด พ่อแม่ก็แยกทางกัน ดิฉันก็ไม่มีความสุข เรียนหนังสือก็ไม่ดี ก็เลยได้เรียนน้อย หลังจากนั้นก็แต่งงาน คิดว่าชีวิตจะดีขึ้นบ้าง แต่กลับยิ่งแย่กว่าเดิม เพราะสามีชอบเล่นการพนัน เราทะเลาะกันทุกวัน เงินทองที่หามาก็ร่อยหรอ ดิฉันทนอยู่ ด้วยไม่กี่ปีก็เลิกกัน แต่เราไม่มีลูกด้วยกัน ตอนนี้ดิฉันก็รับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆ พอกินพออยู่ไปวันๆ ดิฉันอยากจะถามหลวงปู่ว่า ความทุกข์ความเดือดร้อนความไม่สมหวัง อุปสรรคต่างๆในชีวิตในแต่ละวันแต่ละเหตุการณ์ รวมทั้งความสุข ความสำเร็จต่างๆ มันเกิดจากเวรกรรม เกิดจากผลของกรรมดีและกรรมชั่วตั้งแต่อดีตชาติทุกเรื่อง 100 เปอร์เซ็นต์เลย ใช่หรือไม่คะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
โสภาพรรณ
วิสัชนา : ไม่ใช่...เกิดจากตัวคุณเอง และตัวคุณเองมีทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคต ถ้าเหตุของปัจจุบันทำผิดก็ทำให้อนาคตเป็นทุกข์เหมือนกัน อย่างที่คุณบอกว่าสามีเป็นคนชอบเล่นการพนัน พอใจกับการเล่นการพนัน เพราะทำให้เพลิดเพลิน แต่เขาลืมคิดไปว่าการเล่นการพนันในปัจจุบัน อนาคตมันจะมีผลเป็นทุกข์ เพราะจะทำให้ทรัพย์สมบัติหมด ลูกหลานหนีหาย ครอบครัวแตกแยก และชีวิตมีอันตราย และตอนนี้เขาก็ได้รับผลของกรรมแล้ว คือ ครอบครัวแตกแยก ทรัพย์สินหมดไป
เพราะฉะนั้น กรรมที่เป็นเหตุให้เกิดสุขเกิดทุกข์ มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต กรรมในอนาคตก็เป็นเหตุมาจากปัจจุบัน กรรมในอดีตส่งผลให้เกิดในปัจจุบัน สรุปแล้ว ไม่ว่าสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่เกิดจากอดีตชาติอย่างเดียว
จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อหวังว่ามันจะให้ผลในอนาคตอย่างรุ่งเรืองเจริญ ถ้ามัวแต่ไปย้ำคิดย้ำทำแต่เรื่องเก่าๆ แล้วปัจจุบันมีชีวิตอย่างไม่มีสติ ก็จะเป็นทุกข์ในอนาคต อย่างแน่นอน
สำคัญที่สุด ปัจจุบันต้องมีสติ รอบรู้ เข้าใจ รู้จักให้อภัย อย่าเห็นแก่ตัว มีน้ำใจ ให้อภัย แล้วคุณจะรุ่งเรืองเจริญ
อนุโมทนารวบยอด พ่อแม่ได้บุญไหม
ปุจฉา : เรียนถามหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ เวลาทำบุญให้พ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ ดิฉันจะอุทิศส่วนกุศลอนุโมทนาบุญให้ทุกครั้ง เช่น เวลาทำบุญทอดกฐินผ้าป่า ดิฉันก็ใส่ซองทำบุญ เขียนชื่อพ่อแม่ และตายายลงไป หรือเวลาไปทำบุญตามวัดกับเพื่อนๆ ดิฉันก็ทำให้ท่านทุกคน แต่ว่าบางครั้งก็ไม่ได้บอกให้ท่านเหล่านั้นอนุโมทนาในเวลาที่ทำบุญนั้นๆแล้ว แต่ดิฉันมักจะมาบอกรวบยอดภายหลัง เช่น วันพ่อวันแม่ เพื่อจะให้ท่านอนุโมทนาร่วมกับเรา อย่างนี้ถือว่าได้บุญเหมือนกันหรือไม่คะ อ้อ..อีกคำถามค่ะ คือ เพื่อนของดิฉันเขาก็ทำบุญให้พ่อแม่เขาด้วย แต่เขาเล่าว่า พอไปบอกพ่อ บางครั้งก็โดนดุว่าไปทำอะไรมากมาย ไม่ทราบว่าถ้าเป็นอย่างนี้ พ่อเขาจะได้บุญไหมคะ
ณัชชานันท์
วิสัชนา : การทำบุญแล้วอยากให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ได้รับผลบุญด้วยนั้น คุณควรจะบอกให้เขารับรู้ และอนุโมทนาทุกครั้ง เพราะบุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา แต่ถ้าทำแล้ว คุณอุทิศให้ แต่ไม่ได้บอกให้เขารับรู้ในเวลานั้นๆ มาบอกเอาวันหลัง และเขาร่วมดีใจอิ่มใจด้วย เช่นนี้ก็ได้บุญเหมือนกัน
ส่วนเพื่อนของคุณ ถ้าทำแล้วอุทิศให้พ่อแม่ แต่กลับถูกดุว่าไปทำทำไม เสียตังค์เปล่าๆ ถ้าอย่างนี้พ่อแม่ก็ไม่ได้บุญเหมือนกัน
บวชหน้าไฟ 1-2 วันได้ไหม
ปุจฉา : นมัสการกราบเรียนพระคุณเจ้าหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพอย่างสูง ดิฉันมีข้อสงสัยขอนมัสการปุจฉาสักเล็กน้อย คือว่า ในกรณีที่ผู้เสียชีวิตอ่อนอาวุโสกว่า เช่น เป็นเด็ก แต่ผู้ที่ไปร่วมงานมีอาวุโสสูงกว่า จำเป็นต้องไหว้ เพื่อเป็นการทำความเคารพ ศพหรือไม่ เพราะการไหว้ ถือว่าเป็นการทำความเคารพ และอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการบวชหน้าไฟ การที่ลูกหลานบวชหน้าไฟ เพื่อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตแค่ 1-2 วัน เพื่อทำตามประเพณี จะได้ไหมคะ ถูกต้องไหม เพราะมีเหตุปัจจัยให้บวชได้แค่นั้น ขอขอบพระคุณมากค่ะที่เมตตาวิสัชนา
กุลยา
วิสัชนา : 1. เขาไม่ถือว่าเป็นการทำความเคารพ แต่เป็นการให้เกียรติคนตาย เพราะเขาเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ที่สอนให้เรามีสติ ว่าสักวันหนึ่งก็ไม่มีใครรอดพ้นสภาพนี้ไปได้ เพราะฉะนั้น การแสดงความเคารพ แม้เขา จะอ่อนอาวุโสก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่จริงๆแล้วเขาไม่ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพ แต่เป็นการให้เกียรติ
2. ถ้าบวชที่วัดแล้วมีอุปัชฌาย์บวชให้ก็ไม่ผิดอะไร ส่วนจะบวชกี่วันก็อยู่ที่เจตนาเจตจำนงของผู้บวชผู้มีศรัทธา เพราะการบวชหน้าไฟเขาถือว่าเป็นการอุทิศผลบุญบุญอันใหญ่คือการได้บวชพระ เป็นญาติพระพุทธเจ้า การอุทิศผลบุญที่มีโอกาสได้เป็นญาติของพระศาสดา ก็ตรงกับคำพรที่เทวดาให้กับเทวดาว่า ขอท่านจงเป็นผู้มีลาภ ขอท่านจงเป็นผู้รุ่งเรือง และขอท่านจงมีสุคติ
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 106 กันยายน 2552 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่เคารพอย่างสูง ดิฉันติดตามอ่านปุจฉามาตลอด และชอบที่หลวงปู่ตอบมากๆค่ะ คราวนี้ดิฉันก็มีเรื่องมาขอปุจฉาหลวงปู่บ้าง คือชีวิตของดิฉันไม่รู้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมมาแต่ชาติไหน มีแต่ความทุกข์ความเดือดร้อนมาตลอด ตั้งแต่ดิฉันเกิด พ่อแม่ก็แยกทางกัน ดิฉันก็ไม่มีความสุข เรียนหนังสือก็ไม่ดี ก็เลยได้เรียนน้อย หลังจากนั้นก็แต่งงาน คิดว่าชีวิตจะดีขึ้นบ้าง แต่กลับยิ่งแย่กว่าเดิม เพราะสามีชอบเล่นการพนัน เราทะเลาะกันทุกวัน เงินทองที่หามาก็ร่อยหรอ ดิฉันทนอยู่ ด้วยไม่กี่ปีก็เลิกกัน แต่เราไม่มีลูกด้วยกัน ตอนนี้ดิฉันก็รับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆ พอกินพออยู่ไปวันๆ ดิฉันอยากจะถามหลวงปู่ว่า ความทุกข์ความเดือดร้อนความไม่สมหวัง อุปสรรคต่างๆในชีวิตในแต่ละวันแต่ละเหตุการณ์ รวมทั้งความสุข ความสำเร็จต่างๆ มันเกิดจากเวรกรรม เกิดจากผลของกรรมดีและกรรมชั่วตั้งแต่อดีตชาติทุกเรื่อง 100 เปอร์เซ็นต์เลย ใช่หรือไม่คะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
โสภาพรรณ
วิสัชนา : ไม่ใช่...เกิดจากตัวคุณเอง และตัวคุณเองมีทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคต ถ้าเหตุของปัจจุบันทำผิดก็ทำให้อนาคตเป็นทุกข์เหมือนกัน อย่างที่คุณบอกว่าสามีเป็นคนชอบเล่นการพนัน พอใจกับการเล่นการพนัน เพราะทำให้เพลิดเพลิน แต่เขาลืมคิดไปว่าการเล่นการพนันในปัจจุบัน อนาคตมันจะมีผลเป็นทุกข์ เพราะจะทำให้ทรัพย์สมบัติหมด ลูกหลานหนีหาย ครอบครัวแตกแยก และชีวิตมีอันตราย และตอนนี้เขาก็ได้รับผลของกรรมแล้ว คือ ครอบครัวแตกแยก ทรัพย์สินหมดไป
เพราะฉะนั้น กรรมที่เป็นเหตุให้เกิดสุขเกิดทุกข์ มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต กรรมในอนาคตก็เป็นเหตุมาจากปัจจุบัน กรรมในอดีตส่งผลให้เกิดในปัจจุบัน สรุปแล้ว ไม่ว่าสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่เกิดจากอดีตชาติอย่างเดียว
จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อหวังว่ามันจะให้ผลในอนาคตอย่างรุ่งเรืองเจริญ ถ้ามัวแต่ไปย้ำคิดย้ำทำแต่เรื่องเก่าๆ แล้วปัจจุบันมีชีวิตอย่างไม่มีสติ ก็จะเป็นทุกข์ในอนาคต อย่างแน่นอน
สำคัญที่สุด ปัจจุบันต้องมีสติ รอบรู้ เข้าใจ รู้จักให้อภัย อย่าเห็นแก่ตัว มีน้ำใจ ให้อภัย แล้วคุณจะรุ่งเรืองเจริญ
อนุโมทนารวบยอด พ่อแม่ได้บุญไหม
ปุจฉา : เรียนถามหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพ เวลาทำบุญให้พ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ ดิฉันจะอุทิศส่วนกุศลอนุโมทนาบุญให้ทุกครั้ง เช่น เวลาทำบุญทอดกฐินผ้าป่า ดิฉันก็ใส่ซองทำบุญ เขียนชื่อพ่อแม่ และตายายลงไป หรือเวลาไปทำบุญตามวัดกับเพื่อนๆ ดิฉันก็ทำให้ท่านทุกคน แต่ว่าบางครั้งก็ไม่ได้บอกให้ท่านเหล่านั้นอนุโมทนาในเวลาที่ทำบุญนั้นๆแล้ว แต่ดิฉันมักจะมาบอกรวบยอดภายหลัง เช่น วันพ่อวันแม่ เพื่อจะให้ท่านอนุโมทนาร่วมกับเรา อย่างนี้ถือว่าได้บุญเหมือนกันหรือไม่คะ อ้อ..อีกคำถามค่ะ คือ เพื่อนของดิฉันเขาก็ทำบุญให้พ่อแม่เขาด้วย แต่เขาเล่าว่า พอไปบอกพ่อ บางครั้งก็โดนดุว่าไปทำอะไรมากมาย ไม่ทราบว่าถ้าเป็นอย่างนี้ พ่อเขาจะได้บุญไหมคะ
ณัชชานันท์
วิสัชนา : การทำบุญแล้วอยากให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ได้รับผลบุญด้วยนั้น คุณควรจะบอกให้เขารับรู้ และอนุโมทนาทุกครั้ง เพราะบุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา แต่ถ้าทำแล้ว คุณอุทิศให้ แต่ไม่ได้บอกให้เขารับรู้ในเวลานั้นๆ มาบอกเอาวันหลัง และเขาร่วมดีใจอิ่มใจด้วย เช่นนี้ก็ได้บุญเหมือนกัน
ส่วนเพื่อนของคุณ ถ้าทำแล้วอุทิศให้พ่อแม่ แต่กลับถูกดุว่าไปทำทำไม เสียตังค์เปล่าๆ ถ้าอย่างนี้พ่อแม่ก็ไม่ได้บุญเหมือนกัน
บวชหน้าไฟ 1-2 วันได้ไหม
ปุจฉา : นมัสการกราบเรียนพระคุณเจ้าหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพอย่างสูง ดิฉันมีข้อสงสัยขอนมัสการปุจฉาสักเล็กน้อย คือว่า ในกรณีที่ผู้เสียชีวิตอ่อนอาวุโสกว่า เช่น เป็นเด็ก แต่ผู้ที่ไปร่วมงานมีอาวุโสสูงกว่า จำเป็นต้องไหว้ เพื่อเป็นการทำความเคารพ ศพหรือไม่ เพราะการไหว้ ถือว่าเป็นการทำความเคารพ และอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการบวชหน้าไฟ การที่ลูกหลานบวชหน้าไฟ เพื่อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตแค่ 1-2 วัน เพื่อทำตามประเพณี จะได้ไหมคะ ถูกต้องไหม เพราะมีเหตุปัจจัยให้บวชได้แค่นั้น ขอขอบพระคุณมากค่ะที่เมตตาวิสัชนา
กุลยา
วิสัชนา : 1. เขาไม่ถือว่าเป็นการทำความเคารพ แต่เป็นการให้เกียรติคนตาย เพราะเขาเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ที่สอนให้เรามีสติ ว่าสักวันหนึ่งก็ไม่มีใครรอดพ้นสภาพนี้ไปได้ เพราะฉะนั้น การแสดงความเคารพ แม้เขา จะอ่อนอาวุโสก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่จริงๆแล้วเขาไม่ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพ แต่เป็นการให้เกียรติ
2. ถ้าบวชที่วัดแล้วมีอุปัชฌาย์บวชให้ก็ไม่ผิดอะไร ส่วนจะบวชกี่วันก็อยู่ที่เจตนาเจตจำนงของผู้บวชผู้มีศรัทธา เพราะการบวชหน้าไฟเขาถือว่าเป็นการอุทิศผลบุญบุญอันใหญ่คือการได้บวชพระ เป็นญาติพระพุทธเจ้า การอุทิศผลบุญที่มีโอกาสได้เป็นญาติของพระศาสดา ก็ตรงกับคำพรที่เทวดาให้กับเทวดาว่า ขอท่านจงเป็นผู้มีลาภ ขอท่านจงเป็นผู้รุ่งเรือง และขอท่านจงมีสุคติ
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 106 กันยายน 2552 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)