ใช้เงินที่สามีโกงมา จะได้รับกรรมหรือไม่
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจอยากเรียนขอปุจฉา และขอคำชี้แนะจากหลวงปู่ เป็นเรื่องที่ดิฉันเก็บไว้ในใจมานานมาก ไม่กล้าบอกใคร และเรื่องนี้ก็ทำให้ไม่สบายใจมาตลอด คือว่าสามีของดิฉันที่เสียชีวิตไปประมาณ 2-3 ปีมาแล้ว ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ นั้น เขาทำงานเป็นเซลที่บริษัทแห่งหนึ่ง เขาบอกว่าที่นี่เงินเดือนดี มีโบนัสเยอะ และเขามักจะนำเงินจำนวนมากมาให้ดิฉันเก็บไว้ใช้ เขาบอกว่าเงินค่าคอมมิชชั่นที่เขาขายสินค้าได้ ดิฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไร ต่อมาเขาก็ล้มเจ็บ เงินที่มีอยู่ก็หมดไปกับค่ารักษา แต่เขาก็ไม่ดีขึ้น ก่อนที่เขาจะตาย เขาทุกข์ทรมานมาก ดูแล้วน่าเวทนา
ดิฉันมารู้ในภายหลังว่า เงินที่เขาบอกว่าได้มาจากค่าคอมมิชชั่นนั้น ที่จริงเป็นเงินที่เขายักยอกจากบริษัท แต่บริษัทก็ดีที่ไม่เอาเรื่องราวกับดิฉัน เพราะดิฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้ เลย ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็ไม่มีความสุข เพราะไม่รู้ว่าการที่ดิฉันกับลูกได้มีส่วนใช้เงินนั้น เราสองคนจะได้รับกรรมอะไรหรือไม่ ขอรบกวนหลวงปู่ช่วยวิสัชนาด้วยค่ะ
แม่บ้านคนหนึ่ง
วิสัชนา : การที่สามีคุณระลึกรู้ไม่ได้ว่าทรัพย์นั้นไม่บริสุทธิ์ แล้วใช้ทรัพย์นั้นไป ฉันคิดว่าอะไรที่เป็นของไม่บริสุทธิ์ และไม่ใช่สมบัติของเรา มันเร่าร้อนและทรมานกับผู้ใช้ มันอยู่กับเราไม่ได้นาน สุดท้ายก็รักษาทรัพยนั้นไม่ได้
ส่วนคุณกับลูกนั้น ฉันคิดว่าถ้าไม่ได้ร่วมทำ ไม่มีเจตนาที่ไปทำ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า เงินนี้เกิดจากการกระทำกรรมชั่วมา เรื่องนี้ก็ไม่มีผลส่งให้ แต่ถึงไม่ได้ทำ พอคุณรู้ว่าเงินเหล่านี้โกงเขามา คุณก็ไม่เป็นสุข และความไม่สุขในใจนี่แหละที่เป็นนรกในอกของตัวเอง
จะประนีประนอมกับสามีอย่างไร
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันอยากจะขอเรียนถามว่าความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่สมดุลกันระหว่างสามีกับภรรยา กรณีที่ภรรยามีศรัทธาสูงกว่าสามี จะมีวิธีประนีประนอมอย่างไร เพื่อไม่ให้สามีเกิดมิจฉาทิฏฐิ เพราะดิฉันชอบเข้าวัดฟังธรรม เจริญภาวนา ส่วนสามีไม่ชอบ เขาชอบไปเดินเที่ยวตามห้าง ไปหาของกินอร่อยๆ แรกๆดิฉันก็ไปกับเขาบ้าง แต่หลังๆไม่ค่อยได้ไป เขาไปกับลูก จนเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ ว่าดิฉันไปแต่วัด แต่สามีเป็นคนดีค่ะ ขยันทำงาน เหล้า เบียร์ บุหรี่ ไม่แตะต้อง
ขอกราบขอบคุณหลวงปู่ที่เมตตาวิสัชนาค่ะ
ณัฐนันทน์
วิสัชนา : ก็ทำให้เขาเขาใจว่านี่เป็นความสุขของเรา พยายามพูดให้เขาเข้าใจว่าชีวิตเราต้องการอะไร บอกเขาว่าคุณยังมีโอกาสไปแสวงหาความสุขของคุณได้ และนี่คือประโยชน์ที่ฉันจะใช้ในภพชาติต่อไป ถ้าคุณจะมาขวางทางการทำความดีของฉัน ก็แสดงว่าคุณเห็นแก่ตัวเกินไป ฉันไปทำความดี การเข้าวัดฟังธรรม รักษาศีล เจริญภาวนา แผ่เมตตา มันเป็นบุญกุศลของฉัน ที่ฉันสามารถสร้างได้ขณะที่มีชีวิตในปัจจุบัน ขณะเดียวกันฉันก็รักคุณ อยากให้คุณตามฉันไปทำในสิ่งที่ดีงาม แต่ถ้าคุณยังไม่พร้อม ก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ตำหนิคุณ
แต่ถ้าคุณไปวัดปฏิบัติธรรม กลับมาจิตใจเยือกเย็นขึ้น ไม่จู้จี้ขี้บ่น ทำตนเป็นแม่บ้าน ที่ดี แล้วเอาธรรมะมาใช้กับชีวิต เวลามีปัญหาอะไรก็เอาธรรมะมาใช้ปลุกปลอบสามี แก้ไขปัญหาให้ลูก อย่างนี้สามีคงเห็นประโยชน์ของการเข้าวัด แต่ถ้าเข้าวัดแล้ว กลับมายังแย่เหมือนเดิม ก็น่าให้สามีบ่น ว่าไปเสียเวลา ไม่ได้อะไรกับครอบครัว
ขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก
ปุจฉา : นมัสการพระคุณเจ้าหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่เคารพอย่างสูง ที่เขียนจดหมายมานี้เพื่อขอความคิดเห็นจากท่านจะว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไร คือดิฉันกับสามีแต่งงานมาหลายปีไม่มีลูกด้วยกัน หมอบอกว่าสามีเป็นหมัน ไม่สามารถมีลูกได้ แต่เพราะเราสองคนอยากมีลูก ก็เลยปรึกษากันว่าจะไปขอเด็กที่ถูกทิ้งตามโรงพยาบาลมาเลี้ยงเป็นลูก แล้วก็ได้เด็กผู้ชายมาคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก ตอนนี้อายุ 2 ขวบกว่าแล้ว เลี้ยงง่าย ช่างประจบดิฉันกับสามี เราสองคนก็เลยทั้งรักทั้งหลง ปีหน้าก็จะพาเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว ดิฉันกับสามีเคยคุยกันว่า เมื่อเขาโตแล้ว เราจะบอกเขาดีไหม ว่าเราไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆของเขา แต่เราก็รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ สามีบอกว่าน่าจะบอก ไม่ควรปิดบัง แต่ดิฉันไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าบอกไปแล้ว เขาจะไม่อยู่กับเราอีกต่อไป ก็เลยอยากจะเรียนถามหลวงปู่ว่าเราจำเป็นต้องบอกเขาหรือไม่คะ
อัจฉริยา
วิสัชนา : ถ้าคุณรักเขาและถนอมเขาแม้กระทั่งน้ำใจก็ไม่ควรทำร้ายเขา แต่ให้เขารู้สึกว่าเราคือส่วนหนึ่งของชีวิตเขา แล้วเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แล้วเราก็ให้สิ่งดีๆแก่เขา ก็น่าจะพอแล้ว หรือคุณคิดว่ามันน่าจะทำให้เด็กมีความแกร่งขึ้น กล้าขึ้น นั่นก็ต้องดูว่าเขาพร้อมที่จะรับรู้แล้วหรือยัง
และการที่ไปบอกว่าแกไม่ใช่ลูกฉัน มันก็เหมือนกับการผลักไสไล่ส่ง ความสนิทชิด-เชื้อ ความไว้วางใจมันก็จะลดลง มันจะกลายเป็นความหมางเมินและเหินห่าง และในที่สุดเขากับคุณก็จะอยู่กันคนละโลกคนละภาษา คุยกันคนละเรื่อง
ไหนๆคุณเลี้ยงเขามาแล้ว ชีวิตคุณไม่ได้ให้ แต่คุณก็มีสิทธิที่จะประกอบชีวิตเขาให้เจริญรุ่งเรืองได้ ให้ทุกอย่างที่คุณพอจะให้ได้ อย่ามีข้อจำกัดว่าฉันมีให้แกแค่นี้นะ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณกำลังเลี้ยงเขาไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่อยู่ในกรงแคบๆ เท่านั้น จงอย่ามีข้อจำกัดว่านี่คือลูกเทียม ทุกคนเป็นลูกเราได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นเด็กที่เราคิดว่าเราต้องรักและทะนุถนอม
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 105 สิงหาคม 2552 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจอยากเรียนขอปุจฉา และขอคำชี้แนะจากหลวงปู่ เป็นเรื่องที่ดิฉันเก็บไว้ในใจมานานมาก ไม่กล้าบอกใคร และเรื่องนี้ก็ทำให้ไม่สบายใจมาตลอด คือว่าสามีของดิฉันที่เสียชีวิตไปประมาณ 2-3 ปีมาแล้ว ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ นั้น เขาทำงานเป็นเซลที่บริษัทแห่งหนึ่ง เขาบอกว่าที่นี่เงินเดือนดี มีโบนัสเยอะ และเขามักจะนำเงินจำนวนมากมาให้ดิฉันเก็บไว้ใช้ เขาบอกว่าเงินค่าคอมมิชชั่นที่เขาขายสินค้าได้ ดิฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไร ต่อมาเขาก็ล้มเจ็บ เงินที่มีอยู่ก็หมดไปกับค่ารักษา แต่เขาก็ไม่ดีขึ้น ก่อนที่เขาจะตาย เขาทุกข์ทรมานมาก ดูแล้วน่าเวทนา
ดิฉันมารู้ในภายหลังว่า เงินที่เขาบอกว่าได้มาจากค่าคอมมิชชั่นนั้น ที่จริงเป็นเงินที่เขายักยอกจากบริษัท แต่บริษัทก็ดีที่ไม่เอาเรื่องราวกับดิฉัน เพราะดิฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้ เลย ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็ไม่มีความสุข เพราะไม่รู้ว่าการที่ดิฉันกับลูกได้มีส่วนใช้เงินนั้น เราสองคนจะได้รับกรรมอะไรหรือไม่ ขอรบกวนหลวงปู่ช่วยวิสัชนาด้วยค่ะ
แม่บ้านคนหนึ่ง
วิสัชนา : การที่สามีคุณระลึกรู้ไม่ได้ว่าทรัพย์นั้นไม่บริสุทธิ์ แล้วใช้ทรัพย์นั้นไป ฉันคิดว่าอะไรที่เป็นของไม่บริสุทธิ์ และไม่ใช่สมบัติของเรา มันเร่าร้อนและทรมานกับผู้ใช้ มันอยู่กับเราไม่ได้นาน สุดท้ายก็รักษาทรัพยนั้นไม่ได้
ส่วนคุณกับลูกนั้น ฉันคิดว่าถ้าไม่ได้ร่วมทำ ไม่มีเจตนาที่ไปทำ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า เงินนี้เกิดจากการกระทำกรรมชั่วมา เรื่องนี้ก็ไม่มีผลส่งให้ แต่ถึงไม่ได้ทำ พอคุณรู้ว่าเงินเหล่านี้โกงเขามา คุณก็ไม่เป็นสุข และความไม่สุขในใจนี่แหละที่เป็นนรกในอกของตัวเอง
จะประนีประนอมกับสามีอย่างไร
ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันอยากจะขอเรียนถามว่าความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่สมดุลกันระหว่างสามีกับภรรยา กรณีที่ภรรยามีศรัทธาสูงกว่าสามี จะมีวิธีประนีประนอมอย่างไร เพื่อไม่ให้สามีเกิดมิจฉาทิฏฐิ เพราะดิฉันชอบเข้าวัดฟังธรรม เจริญภาวนา ส่วนสามีไม่ชอบ เขาชอบไปเดินเที่ยวตามห้าง ไปหาของกินอร่อยๆ แรกๆดิฉันก็ไปกับเขาบ้าง แต่หลังๆไม่ค่อยได้ไป เขาไปกับลูก จนเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ ว่าดิฉันไปแต่วัด แต่สามีเป็นคนดีค่ะ ขยันทำงาน เหล้า เบียร์ บุหรี่ ไม่แตะต้อง
ขอกราบขอบคุณหลวงปู่ที่เมตตาวิสัชนาค่ะ
ณัฐนันทน์
วิสัชนา : ก็ทำให้เขาเขาใจว่านี่เป็นความสุขของเรา พยายามพูดให้เขาเข้าใจว่าชีวิตเราต้องการอะไร บอกเขาว่าคุณยังมีโอกาสไปแสวงหาความสุขของคุณได้ และนี่คือประโยชน์ที่ฉันจะใช้ในภพชาติต่อไป ถ้าคุณจะมาขวางทางการทำความดีของฉัน ก็แสดงว่าคุณเห็นแก่ตัวเกินไป ฉันไปทำความดี การเข้าวัดฟังธรรม รักษาศีล เจริญภาวนา แผ่เมตตา มันเป็นบุญกุศลของฉัน ที่ฉันสามารถสร้างได้ขณะที่มีชีวิตในปัจจุบัน ขณะเดียวกันฉันก็รักคุณ อยากให้คุณตามฉันไปทำในสิ่งที่ดีงาม แต่ถ้าคุณยังไม่พร้อม ก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ตำหนิคุณ
แต่ถ้าคุณไปวัดปฏิบัติธรรม กลับมาจิตใจเยือกเย็นขึ้น ไม่จู้จี้ขี้บ่น ทำตนเป็นแม่บ้าน ที่ดี แล้วเอาธรรมะมาใช้กับชีวิต เวลามีปัญหาอะไรก็เอาธรรมะมาใช้ปลุกปลอบสามี แก้ไขปัญหาให้ลูก อย่างนี้สามีคงเห็นประโยชน์ของการเข้าวัด แต่ถ้าเข้าวัดแล้ว กลับมายังแย่เหมือนเดิม ก็น่าให้สามีบ่น ว่าไปเสียเวลา ไม่ได้อะไรกับครอบครัว
ขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก
ปุจฉา : นมัสการพระคุณเจ้าหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่เคารพอย่างสูง ที่เขียนจดหมายมานี้เพื่อขอความคิดเห็นจากท่านจะว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไร คือดิฉันกับสามีแต่งงานมาหลายปีไม่มีลูกด้วยกัน หมอบอกว่าสามีเป็นหมัน ไม่สามารถมีลูกได้ แต่เพราะเราสองคนอยากมีลูก ก็เลยปรึกษากันว่าจะไปขอเด็กที่ถูกทิ้งตามโรงพยาบาลมาเลี้ยงเป็นลูก แล้วก็ได้เด็กผู้ชายมาคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก ตอนนี้อายุ 2 ขวบกว่าแล้ว เลี้ยงง่าย ช่างประจบดิฉันกับสามี เราสองคนก็เลยทั้งรักทั้งหลง ปีหน้าก็จะพาเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว ดิฉันกับสามีเคยคุยกันว่า เมื่อเขาโตแล้ว เราจะบอกเขาดีไหม ว่าเราไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆของเขา แต่เราก็รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ สามีบอกว่าน่าจะบอก ไม่ควรปิดบัง แต่ดิฉันไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าบอกไปแล้ว เขาจะไม่อยู่กับเราอีกต่อไป ก็เลยอยากจะเรียนถามหลวงปู่ว่าเราจำเป็นต้องบอกเขาหรือไม่คะ
อัจฉริยา
วิสัชนา : ถ้าคุณรักเขาและถนอมเขาแม้กระทั่งน้ำใจก็ไม่ควรทำร้ายเขา แต่ให้เขารู้สึกว่าเราคือส่วนหนึ่งของชีวิตเขา แล้วเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แล้วเราก็ให้สิ่งดีๆแก่เขา ก็น่าจะพอแล้ว หรือคุณคิดว่ามันน่าจะทำให้เด็กมีความแกร่งขึ้น กล้าขึ้น นั่นก็ต้องดูว่าเขาพร้อมที่จะรับรู้แล้วหรือยัง
และการที่ไปบอกว่าแกไม่ใช่ลูกฉัน มันก็เหมือนกับการผลักไสไล่ส่ง ความสนิทชิด-เชื้อ ความไว้วางใจมันก็จะลดลง มันจะกลายเป็นความหมางเมินและเหินห่าง และในที่สุดเขากับคุณก็จะอยู่กันคนละโลกคนละภาษา คุยกันคนละเรื่อง
ไหนๆคุณเลี้ยงเขามาแล้ว ชีวิตคุณไม่ได้ให้ แต่คุณก็มีสิทธิที่จะประกอบชีวิตเขาให้เจริญรุ่งเรืองได้ ให้ทุกอย่างที่คุณพอจะให้ได้ อย่ามีข้อจำกัดว่าฉันมีให้แกแค่นี้นะ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณกำลังเลี้ยงเขาไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่อยู่ในกรงแคบๆ เท่านั้น จงอย่ามีข้อจำกัดว่านี่คือลูกเทียม ทุกคนเป็นลูกเราได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นเด็กที่เราคิดว่าเราต้องรักและทะนุถนอม
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 105 สิงหาคม 2552 โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)