ค่ำวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ในหน้าภูมิภาคขึ้นหัวข่าวว่า “ซาเล้ง” เตรียมเปิดบ้านหรูต้อนรับ “มาร์ค”
จากนั้นมีโปรยข่าวขยายพาดหัวคร่าวๆ ว่า “โสภณ ซารัมย์” รมว.คมนาคม เปิดบ้านหรู อ.ลำปลายมาศ เตรียมพร้อมต้อนรับนายกฯ “มาร์ค” และคณะลงพื้นที่บุรีรัมย์ รับทราบปัญหาประชาชน 11 ก.ค.นี้ เผยเตรียมเสิร์ฟเมนูอาหารอีสาน ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียวและอาหารอินเตอร์บางส่วน คุยโวนายกฯ เลือกประเดิมลงพื้นที่อีสานที่บุรีรัมย์ เหตุคนบุรีรัมย์คุยรู้เรื่องไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง”
เมื่อคลิกเข้าไปดูเนื้อหาก็ได้ความเพิ่มขึ้นรวมทั้งเห็นภาพของ รมว.คมนาคมปะปนอยู่กับคนงานอย่างกลมกลืนที่กำลังจัดโต๊ะ เก้าอี้ ปัดกวาดทำความสะอาดและปรับปรุงตกแต่งบ้านอย่างเต็มที่ในบริเวณบ้านพักของเขา ที่บ้านหนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นบ้านหรูขนาดใหญ่บนพื้นที่กว้างขวาง
นายโสภณ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เตรียมการทุกอย่างด้วยตนเองเพื่อให้บ้านของตนพร้อมรับรอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ 4 อำเภอ ในวันที่ 11 ก.ค.นี้
แวบแรกที่อ่าน ผมเฉยๆ เพราะเป็นเรื่องปกติที่หากมีคนใหญ่คนโตยิ่งนายกฯ มาเหยียบบ้านก็ต้องภาคภูมิใจ ปัดกวาดเตรียมบ้านไว้ต้อนรับอย่างเต็มที่ ไม่แปลก! เป็นผม ผมก็ทำเช่นเดียวกัน อย่างน้อยบ้านเล็กซอมซ่อของผมก็ต้องดูแลอย่างดีไม่ให้ผู้มาเยือนซูเปอร์วีไอพีอย่างนายกฯ อภิสิทธิ์ต้องผิดหวัง
เรียกได้ว่า เนื้อหาข่าวไม่สะดุดมาสะดุดตากับภาพของบ้านท่านรัฐมนตรีนี่แหละ
ผมเห็นภาพบ้านอันใหญ่โตของท่านอดที่จะมีคำถามในใจประสานักข่าวไม่ได้ ผมไม่ปกติที่คิดใคร่รู้มากไปหรือไม่ แต่พอลากเมาส์อ่านความเห็นท้ายข่าวที่ไหนได้ คนอ่านข่าวนี้ส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนๆ กัน
อย่างเช่นความเห็นที่ 9 บอกว่า “บ้านใหญ่โตมากครับ บ.ก. ASTV Manager ไม่ลองสำรวจบ้านนักการเมืองเปรียบเทียบกันดูหรือครับ ว่าของพรรคไหน คนไหน ใหญ่มากๆ ผมดูข่าวแล้วเห็นของ ส.ส.ทางใต้นี่ส่วนใหญ่เล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับ ส.ส.ภาคอีสาน - เหนือ บ.ก.ช่วยหน่อยครับ” จาก คุณช่างสงสัย
“บ้านหลังใหญ่โตกันทุกคนเลย นักการเมืองเนี่ย อาชีพนี้ทำไมรวยกันจัง เงินเดือนเท่าไหร่” จากคุณเหมียว เข้ามาแสดงความเห็นเป็นคนแรกๆ
หรือความเห็นที่ 44 ที่บอกว่า “บ้านข้าราชการซี 10-11 ใหญ่โตขนาดนี้เชียวหรอโสภณร่ำรวยมาแต่เกิดหรือไง” ลงชื่อ พธม.สวีเดน
ผมลองนั่งคำนวณคร่าวๆ คิดสารตะตามเส้นทางประวัติที่พอทราบเลาๆ ว่า ท่านปีนี้อายุ 50 ปี เคยรับราชการเป็นครูมานานหลายปี เพราะพื้นฐานของท่านจบครุศาสตรบัณฑิต สาขาการประถมศึกษา วิทยาลัยครูบุรีรัมย์มาจากนั้นปี 2544 ก็ผันตัวเองมาเป็นนักการเมืองลงสมัครรับเลือกตั้งและได้เป็น ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์และสอบได้เรื่อยมา ว่ากันว่า ท่านเป็นคนใกล้ชิดของนายเนวิน ชิดชอบ ขาใหญ่พรรคภูมิใจไทย ผู้กว้างขวางของบุรีรัมย์ กระทั่งยุคนี้บรรลุความฝันได้นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกรดเอ คมนาคม มากว่า 6 เดือนแล้ว
ด้านครอบครัว บิดา-และมารดาประกอบอาชีพเกษตรกรรม ด้านภรรยาก็รับราชการเป็นครู มีบุตร 3 คนยังไม่บรรลุนิติภาวะ
วิเคราะห์ตามฐานานุรูปที่เห็น คำถามก็คือว่า ท่านที่รับราชการเป็นครูมานาน จริงอยู่แม้เงินเดือนข้าราชการครูไม่มาก มิหนำซ้ำส่วนใหญ่เป็นหนี้เป็นสิน แต่หากสะสมเงินออมทำไมจะมีบ้านหรูเลิศอลังการได้?
ท่านเป็น ส.ส.ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีมาถึงวันนี้ 8 ปี เงินเดือนบวกกับค่าเบี้ยประชุมนู่นนี่นั่นหักภาษีสังคม ค่าซองผ้าป่า ทำบุญทอดกฐิน ขึ้นบ้านใหม่ บวชพระ รวมถึงหักภาระค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูภรรยาและบุตรชาย 3 คนแล้วก็น่าจะยังคงเหลือเงินอีกหลายตังค์ ทำไมถึงจะมีบ้านพักอันโออ่าราวกับคหบดีของจังหวัด หรือพ่อค้าผู้มั่งคั่งอู้ฟู่ไม่ได้?
เพื่อคลี่คลายความสงสัยส่วนตน ผมลองไปสืบค้นดูบัญชีทรัพย์สินของท่าน รมว.ที่เคยแสดงต่อ ป.ป.ช.ไว้เมื่อปีที่แล้วขณะที่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ในปี 2551 ก็พบว่า รมว.ที่กำลังจะเปิดบ้านต้อนรับนายกฯ และเพื่อนคณะรัฐมนตรีมีรายได้ประจำไม่มีปรากฏใดๆ นอกจากอาชีพเกษตรกรรมคิดเป็นปีละ 150,000 บาท ขณะภรรยาเป็นครูมีรายได้ต่อปีที่ 335,100 บาท และมีโรงสีข้าวที่ทำเงินให้อีกปีละ 122,909.74 บาท
เมื่อแยกไปดูทรัพย์สิน ทั้งเงินสด เงินฝาก เงินลงทุน ที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ยานพาหนะ ทรัพย์สินอื่นๆ ที่ตีเป็นมูลค่าได้ พบว่า ทั้งสองสามีภรรยามีทรัพย์สินรวมกัน 20.49 ล้านบาท
ขณะที่ฝั่งหนี้สิน ทั้งเงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และหนี้สินอื่นๆ รวมแล้วเป็นเงิน 6.07 ล้านบาท
สรุปว่า นายโสภณ ภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในปีนั้นมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่ 14.42 ล้านบาท!
นี่เป็นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งนายโสภณได้แจ้งและลงลายมือชื่อไว้ให้กับสำนักงาน ป.ป.ช.ลงวันที่ 18 ม.ค. 2551
เทียบกับช่วงที่นายโสภณเข้ารับตำแหน่ง รมว.เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2551 หรือ 11 เดือนต่อมา เขายังมีรายได้จากเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียวที่ปีละ 150,000 บาท แต่คู่สมรสมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 584,710 บาท
ทรัพย์สินลดลงเหลือ 18.38 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 6.4 ล้านบาท รวมแล้วครอบครัวนี้มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่ 11.91 ล้านบาท บัญชีนี้ลงวันที่ 19 ม.ค.2552
ดังนั้นข้อสงสัยบ้านหลังใหญ่ของรัฐมนตรีผมไม่มีความเห็นเพิ่มเติมนอกจากจะบอกว่า จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา.
ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th