xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารบ้านเรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป.ป.ช.ผุดโครงการ “รวมพลังสร้างความดี” ปั้นเยาวชนมีคุณธรรม จริยธรรม
• กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เตรียมจัดโครงการ “รวมพลังสร้างความดี” ในโครงการเครือข่ายพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมเด็กและเยาวชน
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า การป้องกันการทุจริตที่ดีที่สุด คือการสร้างคุณธรรมจริยธรรม โดยเฉพาะการนำเด็กและเยาวชนเข้ามาร่วมสร้างเครือข่ายในการสร้างคุณธรรม จริยธรรม ป.ป.ช.และสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน จึงได้ริเริ่มโครงการเครือข่ายพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมเด็กและเยาวชน เพื่อพัฒนาเครื่องมือ รูปแบบ กิจกรรม หรือคู่มือที่หลากหลายด้วยองค์กรและกลุ่มเยาวชนที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มเด็กปฐมวัย กลุ่มวัยเรียน กลุ่มเยาวชนอุดมศึกษา กลุ่มเยาวชนอาชีวศึกษา และกลุ่มเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส โดยเริ่มด้วยการรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์สถานการณ์ในด้านคุณธรรมจริยธรรมของกลุ่มเป้าหมาย สัมมนาระดมสมองจากกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มเยาวชน 70 แห่งทั่วประเทศ จากนั้นจะพัฒนาต้นแบบเครื่องมือและวิธีการที่สร้างคุณธรรม จริยธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างเครื่องมือเพื่อนำไปสู่การทดลองใช้จริง และนำต้นแบบไปขยายผลทั่วประเทศ
ศ.วิชา มหาคุณ ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ผู้ใหญ่ทุกวันนี้หมดทางแก้หรือถึงทางตันกับการแก้ปัญหาการทุจริต แต่อนาคตของชาติคือเยาวชนนั้นจะหมดหวังไม่ได้ เพราะพวกเขาเหล่านี้จะเป็นตัวหลักในการแก้ปัญหาสังคมในอนาคต

ศูนย์คุณธรรม ผุดโครงการอาชีวะธรรม หวังสร้างบัณฑิตคุณภาพดีสู่สังคม

• กรุงเทพฯ : น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) กล่าวว่า ศูนย์คุณธรรมจัดโครงการพัฒนา แหล่งเรียนรู้อาชีวะธรรม เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะพฤติกรรมจริยธรรมในงานอาชีพให้แก่นักศึกษาอาชีวะทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา บริษัทภาคเอกชน สอดแทรกหลักคุณธรรมจริยธรรมเข้าไปในหลัก สูตรการเรียนการสอน โดยได้เริ่มนำร่องหลักสูตรดังกล่าว ที่วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรีเป็นแห่งแรก และคาดว่าการดำเนิน การดังกล่าวจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่นักศึกษา อาชีวะให้เป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการ
ผอ.ศูนย์คุณธรรมกล่าวต่อว่า หลักสูตรดังกล่าวถือเป็นการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ระยะยาวช่วยลดปัญหาของสังคมได้ ขณะเดียวกันจะช่วยลดปัญหาของการรับน้องที่รุนแรง หรือปัญหานักศึกษาตีกันได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ศูนย์คุณธรรมอยากให้องค์กรการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนหันกลับมาใช้หลักธรรมาภิบาล และปฏิบัติตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง เพื่อหวังที่จะคลี่คลายวิกฤตการณ์ต่างๆ ของบ้านเมืองให้ลดลงด้วย
อนึ่ง ศูนย์คุณธรรมจะจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่ง ชาติ ครั้งที่ 4 ฝ่าวิกฤตด้วยธุรกิจคุณธรรม ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-1 ส.ค.52 ณ ฮอลล์ 9 อิมแพคเมืองทองธานี

พพ.ดึงพระนำทางสร้างพลังงานยั่งยืน
กาฬสินธุ์ : สำนักงานพลังงานจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดอบรมสัมมนาถวายความรู้ เรื่อง “ศาสนานำทางสร้างพลังงานยั่งยืน” แด่พระสังฆาธิการ จากศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์จังหวัดกาฬสินธุ์ 18 อำเภอ 192 วัด จำนวน 200 รูป ณ ห้องประชุมศาลาการเปรียญ วัดกลาง (พระอารามหลวง) จ.กาฬสินธุ์ โดยมีพระราชปรีชามุนี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธาน และนาย พานิช พงษ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ถวายความรู้แด่พระสังฆาธิการ
นายกรัณย์กร วัฒนะพิทักษ์สกุล พลังงานจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวรายงานว่า จากนโยบายพลังงานของรัฐบาล ได้เน้นการสร้างวินัยด้านการประหยัดพลังงานให้เป็นวัฒนธรรมของคนในชาติ และส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นแกนกลางในการเผย แพร่ “วัฒนธรรมการประหยัดพลังงาน” สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน จึงได้ดำเนินการโครงการบูรณาการด้านการสร้างความตระหนัก ด้านทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงในอนาคต เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ จัดกิจกรรมด้านพลังงาน การสร้างเครือข่ายผู้นำทางศาสนาในการส่งเสริมรณรงค์และสร้างจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านทางกิจกรรม “ศาสนานำทางสร้างพลังงานยั่งยืน” โดยการหาแนวทางความร่วมมือระหว่างกลุ่มเครือข่าย โดยเฉพาะพระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้นำทางพุทธศาสนาได้รณรงค์ ส่งเสริมพัฒนางานด้านพลังงานให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม อันจะเป็นการส่งเสริมพื้นฐานความรู้ความเข้าใจให้แก่ทุกภาคส่วน ในการเตรียมการเพื่อรองรับการตัดสินใจรูปแบบการจัดหาพลังงานเพื่อประเทศชาติ พร้อมกับการรักษาสภาพแวดล้อม โดยการสร้างทัศนคติที่ถูกต้องแก่ประชาชน ให้สามารถนำมาสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังในการบริโภคพลังงานอย่างพอดีพอเพียงและยั่งยืน โดยใช้มิติทางศาสนา ซึ่งผู้นำทางแนว คิดและจิตวิญญาณ คือ พระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทต่อการอบรม ถ่ายทอดความรู้และแนวความคิดแห่งความยั่งยืนในการใช้พลังงานและนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

ชุมพรจัด “บวชทะเล” ปลุกจิตสำนึกอนุรักษ์ ทรัพยากรทางทะเล
• ชุมพร : องค์การเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว และกลุ่มอนุรักษ์ในจังหวัดชุมพร จัดโครงการ “บวชทะเล สงวนรักษาร้อยล้านชีวิต” หวังเพิ่มทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล หลังลดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง และถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บริเวณท่าเรือบ้านท้องตม ต.ด่านสวี อ.สวี จ.ชุมพร โดยมีชาวประมง กลุ่มนักอนุรักษ์และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญเลี้ยงพระและนำสัตว์น้ำนานาชนิดลงเรือไปปล่อยกลางทะเล
เนื่องจากปัจจุบันสัตว์น้ำในท้องทะเล ถือเป็นแหล่งอาหาร และครัวของประเทศไทย มีปริมาณลดลงเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง ต้องออกทะเลไปไกลฝั่งมากขึ้น สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทำให้รายได้ลดลง จึงเกิดเป็นแนวคิดของชาวบ้านด้วยการสนับสนุน และการมีส่วนร่วมจากฝ่ายต่างๆ เป็นเบญจภาคี ประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชน
ว่าที่ร้อยเอก วัชรินทร์ แสวงการ เลขานุการ คณะกรรมการการท่องเที่ยวชุมชนด่านสวี อ.สวี จ.ชุมพร กล่าวว่า กลุ่มโฮมสเตย์ กลุ่มอนุรักษ์ และกลุ่มราษฎรผู้พิทักษ์ทะเลชายฝั่งบ้านท้องตมใหญ่ ได้ จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์น้ำปัญหาสัตว์น้ำ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันสัตว์น้ำในท้องทะเล ถือเป็นแหล่งอาหารและครัวของประเทศไทยมีปริมาณลดลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อนและส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย เพื่อให้สัตว์น้ำกลับคืนมาสู่ท้องทะเล กลับมาชุกชุม ดังเดิมอีก ด้วยการทำซังที่อยู่อาศัย กำหนดแนว เขตอนุรักษ์ ห้ามทำการประมงบางชนิด หรือบางฤดูกาล เพื่อสงวนไว้เป็นที่วางไข่ และอนุบาลสัตว์ในวัยอ่อน ให้เจริญเติบโตเต็มวัย ก่อนจับไปจำหน่ายหรือบริโภค และให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สร้างรายได้ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

วธ.สร้างสรรค์ภาพไตรภูมิสมัย ร.9 เฉลิมพระเกียรติ
• กรุงเทพฯ : เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดงานแถลงข่าวการ สร้างสรรค์ภาพไตรภูมิ สมัยรัชกาลที่ 9 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ กล่าวว่า แนวคิดในขั้นแรกของโครงการนี้ คือการจัดทำหนังสือไตรภูมิกถา โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำหนังสือไตรภูมิกถาฉบับรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีหม่อมราชวงศ์จักรรถ จิตรพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง รองศาสตราจารย์สุรศักดิ์ เจริญวงศ์ อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร ผู้แทนราชบัณฑิตยสถาน ผู้เชี่ยวชาญทางศิลปะ และนักวิชาการในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมเป็นคณะทำงาน
นายวีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจตจำนงหรือวัตถุประสงค์ สำคัญในการจัดทำหนังสือไตรภูมิกถา ฉบับรัชกาลที่ 9 เพื่อ สืบทอดประเพณีการคัดลอก และจัดพิมพ์หนังสือไตรภูมิกถา ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยพระมหาธรรมราชาที่1(ลิไท) แห่งกรุงสุโขทัย ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือนี้ นับถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 660 ปี ประการสำคัญ สาระของไตรภูมิกถา สะท้อนถึงปรัชญา ความเชื่อ ที่มีมาแต่โบราณกาลในเรื่องนรก สวรรค์ เรื่องทางศาสนา บาปบุญคุณโทษ การประพฤติดี มีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมของคนในสังคม นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงการสร้างสรรค์ การพัฒนาศิลปะของศิลปินไทยครั้ง อดีตสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน
จากแนวคิดในการจัดทำหนังสือไตรภูมิกถาฉบับรัชกาลที่ 9 ได้ขยายเป็นการสร้างสรรค์ภาพไตรภูมิ สมัยรัชกาลที่ 9 เนื่อง จากในขั้นตอนดำเนินการจะต้องสร้างสรรค์ภาพไตรภูมิให้แล้ว เสร็จก่อน จึงจัดทำเป็นหนังสือได้ ซึ่งจะจัดทำ 2 ภาษา คือ ภาษาไทย และอังกฤษ สำหรับภาพไตรภูมิ สมัยรัชกาลที่ 9 ที่จะจัดทำขึ้นนี้เป็นภาพพระบฎขนาดใหญ่พิเศษ 4 x 16 เมตร ถือเป็นการสร้างสรรค์ภาพจิตรกรรมที่มีคุณค่ายิ่งใหญ่และสำคัญ ยิ่งในรัชกาลที่ 9

มส.ห่วงใยพระภิกษุจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำชับ พศ.เร่งดูแลให้ความช่วยเหลือด่วน
นครปฐม : นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เผยว่า จาก สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งพระภิกษุสามเณร ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีคนร้ายลอบยิงพระภิกษุขณะกำลังออกบิณฑบาต บริเวณหมู่ที่ 5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้พระสมบัติ อาทโร อายุ 58 ปี วัดวาลุการาม ถึงแก่มรณภาพ และพระธวัชชัย ใจหมาน อายุ 23 ปี ถูกยิงบริเวณเอวด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส จากเหตุการณ์ดังกล่าว มหาเถรสมาคม(มส.)ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินำเงิน ‘กองทุนผู้ประสบอุบัติภัยภาคใต้’ จำนวน 100,000 บาท ไปมอบแก่เจ้าอาวาสวัดวาลุการาม เพื่อช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีศพพระภิกษุมรณภาพ และมอบเงิน จำนวน 50,000 บาท เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลและให้กำลังใจพระภิกษุที่ได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเดินทางลงพื้นที่เพื่อถวายการช่วยเหลือด้านต่างๆแล้ว
“สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในฐานะผู้สนองงานคณะสงฆ์คือมหาเถรสมาคม มีความเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อว่าคณะสงฆ์ทั่วประเทศมีความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ โดยเฉพาะมหาเถรสมาคมนั้นมีความห่วงใยและใส่ใจเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความรุนแรง ที่เกิดขึ้นกับพระภิกษุสามเณรและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังจะเห็นว่าที่ผ่านมา มหาเถรสมาคมได้มีการมอบหมายให้ผู้แทนในกรรมการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านปัจจัยและสิ่งของต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นับเป็นขวัญกำลังใจแก่พระภิกษุสามเณร ในการที่จะปฏิบัติหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ธำรงมั่นคง เป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่ประชาชนในพื้นที่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายรุนแรงนี้” นางจุฬารัตน์ กล่าว

ศธ.ชูโครงการ 3 ดี เตรียมนำครูพระเข้าสอนในโรงเรียน
• กรุงเทพฯ : นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการหารือกับพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เพื่อหารือถึงความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนศีลธรรมในสถานศึกษา เพื่อดำเนินการตามโครงการ 3 ดี ของกระทรวงศึกษาธิการ คือ กิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย (Democracy ) กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ความภาคภูมิในความเป็นไทย(Decency) และกิจกรรมป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด (Drug) โดยจากการหารือเห็นว่า จะต้องอาศัยความร่วมมือจากมจร. และมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร.) ในการนำครูพระสอนศีลธรรมเข้าไปสอนในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทั่วประเทศ รวมทั้งให้มีครูพระประจำยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) ทั่วประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม จะให้มีการตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มจร. และมมร. เพื่อวางแนวทางในการทำงาน การจัดการอบรมครูพระ และจำนวนครูพระ ทั้งนี้ คาดว่าแผนดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะให้เริ่มดำเนินการได้ทันที เพราะกระทรวงศึกษาธิการต้องการให้การเรียนการสอนศีลธรรมในโรงเรียนเกิดเป็นรูปธรรม

กทม.จัดโครงการ “ศาสนสถานสะอาด สดใส” จูงใจประชาชนเข้าหาศาสนามากขึ้น
• กรุงเทพฯ : นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงโครงการ “ศาสนสถานสะอาด สดใส” ว่า กรุงเทพมหานครเตรียมจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ศาสนสถานทุกแห่งของทุกศาสนาได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์รวมของการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งเป็นการ จูงใจให้ประชาชนได้เข้าหาศาสนามากขึ้น และยังถือเป็นการสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นให้ เมืองหลวงเป็นมหานครที่สะอาด ปราศจากขยะ และมลพิษ นอกจากนี้ ทางกรุงเทพมหานครยังเปิดให้บริการตรวจสุขภาพและบริการด้านงานทะเบียนแก่พระภิกษุ สามเณร และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงให้บริการฉีดวัคซีน ทำหมันสุนัขและแมวที่อาศัยอยู่ตามศาสนสถาน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็น ต้นไป
โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวจะเข้าทำความสะอาดตั้งแต่ล้างทำความสะอาดพื้น กำแพง รั้ว ทางเท้า ตัดแต่งกิ่งไม้เก็บขยะ ปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่างในบริเวณโดยรอบศาสนสถาน โดยได้อาสาสมัครจากนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพ มหานครเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และจะขอความร่วมมือทหารจากกองทัพบก รวมถึงสมาชิกในชุมชน ให้ร่วม กันทำความสะอาดศาสนสถาน ที่ตั้งอยู่ในชุมชนของตนเองอย่างพร้อมเพรียงกัน

จาก ธรรมลีลา ฉบับ104 กรกฎาคม 52
กำลังโหลดความคิดเห็น