ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โจรใต้เร่งราดน้ำมันโหมไฟใต้ไม่หยุดหย่อน กราดยิงพระสงฆ์ระหว่างเดินบิณฑบาตกลางชุมชนที่ชานเมืองยะลา มรณภาพทันที 1 รูปสาหัสอีก 1 รูป เจ้าอาวาสเผยไม่มีแม้เงาเจ้าหน้าที่จะคอยดูแลรักษาความปลอดภัย "พศ."สั่งการสำนักพุทธ 3 จชต.เตือนเจ้าอาวาสในพื้นที่เสี่ยงงดบิณฑบาต "เทพเทือก" ลงใต้วันนี้ ขณะที่นายกฯสั่งเร่งหาตัวผู้ก่อเหตุกราดยิงในมัสยิดโดยเร็ว จุฬาราชมนตรีส่งสาสน์ถึงไทยมุสลิม ขอทุกฝ่ายจับมือสร้างสันติสุข
วานนี้ (12 มิ.ย.) เวลา 06.20 น.ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในพื้นที่โดยมีคนร้ายคาดว่าประมาณ 2 คนใช้อาวุธสงครามปืนอาก้ากราดยิงพระสงฆ์ 2 รูป ขณะกำลังเดินบิณฑบาตอยู่บริเวณชุมชนบนถนนสาย 418 คลองขุด-ท่าสาป หมู่ที่ 5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีพระสงฆ์มรณภาพในที่เกิดเหตุทันที 1 รูป และอีก 1 รูปได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
พระทั้ง 2 รูปถูกคมกระสุนตามร่างกายหลายจุด โดยพระที่มรณภาพในที่เกิดเหตุคือ พระสมบัติ ศรีสุวรรณวิชัย อายุ 60 ปี บวชได้ 1 พรรษา ส่วนพระที่บาดเจ็บสาหัสคือ พระธวัชชัย ไชยหมาน อายุ 24 ปี บวชได้ 15 วัน ทั้งนี้ พระทั้ง 2 รูปเป็นพระลูกพระวัดวาลุการาม หรือวัดคลองทรายใน บ้านคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นวัดในชุมชนประจำหมู่บ้านและบริเวณที่เกิดเหตุก็ถือว่าเป็นชุมชนไทยพุทธ
สอบสวนทราบว่า ขณะที่พระทั้ง 2 รูปกำลังเดินออกรับบิณฑบาตตามปกติทุกวัน เมื่อเดินมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุมีคนร้ายจำนวน 2 คนแต่งกายชุดวอร์มคล้ายชุดพละของนักศึกษา ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 ซีซี สีบรอนซ์เงินไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนมาจอด หลังจากนั้นคนที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนสงคราม อาก้า และปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าใส่ทันทีทำให้มีพระถูกยิงจนมรณภาพและได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้อาศัยความชุลมุนขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
**เผยไม่มีแม้เงา จนท.ดูแลรปภ.พระ
พระสมุห์คล่อง สุทธิปภาโส เจ้าอาวาสวัดวาลุการาม หรือวัดคลองทรายใน กล่าวว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นต่อชาวบ้านหรือพระสงฆ์ โดยบ้านคลองทรายอยู่ในความในสงบดีมาตลอด เมื่อเช้ามีพระออกบินทบาตร 6 รูป แยกเป็น 3 สายภายในหมู่บ้าน 2 สายและบนถนน 4 เลนอีก 1 สาย สำหรับพระสมบัติ ที่มรณภาพเพิ่งบวชเมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุพระทั้ง 2 รูปก็ออกบิณฑบาตตามปกติ ซึ่งก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ แต่ในช่วงหลังที่ผ่านมาไม่มีกำลังมาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยพระที่ออกมาบิณฑบาต ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด หลังจากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แล้ว อยากให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายออกมาช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้เข้มกว่าเดิม
**"มทภ.4" วอนให้เชื่อมั่นเจ้าหน้าที่
พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะนี้ถูกสร้างกระแสให้เกิดความไม่เข้าใจและสับสนมาสู่ประชาชน ด้วยวิธีก่อเหตุรุนแรง จึงขอวอนประชาชนอย่างตกเป็นเครื่องมือที่ผู้ไม่หวังดีใช้เหตุการณ์มาทำลายความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะขณะนี้การแก้ปัญหาใช้แนวทางที่ถูกต้องแล้ว และจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้กระบวนการยุติธรรมหาข้อเท็จจริงมาชี้แจงประชาชนได้ทราบโดยเร็ว
"ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะทุกฝ่ายมุ่งมั่นทุ่มเทเต็มที่เพื่อนำสันติสุขกลับมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งรัฐบาลและกองทัพมีนโยบายที่จะพัฒนานำความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาสู่ประชาชน พร้อมกันนี้ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างมากกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ"
**เตือนพระในพื้นที่เสี่ยงงดบิณฑบาต
นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีพระสงฆ์ในพื้นที่ จ.ยะลา ถูกลอบยิงจนมรณภาพว่า เจ้าคณะจังหวัดยะลาและทางจังหวัดยะลาได้ประชุมหารือถึงแนวทางการป้องกันเหตุกับพระสงฆ์แล้ว ในเบื้องต้นสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลาจะประกาศเตือนไปยังเจ้าอาวาสทุกวัดให้ระมัดระวังความปลอดภัยระหว่างบิณฑบาตมากขึ้น หากเห็นว่าพื้นที่วัดไหนไม่ปลอดภัยควรงดออกบิณฑบาต ทาง พศ.จะนำข้าวสารอาหารแห้งไปถวายและอยากให้พุทธศาสนิกชนช่วยนำอาหารไปถวายที่วัดแทน แต่ถ้าวัดไหนเห็นว่ายังสามารถออกบิณฑบาตได้ ก็ให้แจ้งเส้นทาง เวลา ที่จะออกบิณฑบาตกับอาสาสมัครรักหมู่บ้าน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พระสงฆ์ด้วย
"ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกาศเตือนพระสงฆ์ที่จะออกบิณฑบาตประสานกับเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดูแลความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของพระสงฆ์แล้ว ส่วนพระสงฆ์ที่มรณภาพทาง พศ.จะนำค่าทำศพไปมอบให้จำนวน 1 แสนบาท พระที่บาดเจ็บก็จะดูแลเป็นอย่างดี และดิฉันได้นำเรื่องนี้รายงานด้วยวาจาต่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รับทราบแล้ว"
**จุฬาราชมนตรีส่งสาสน์ถึงไทยมุสลิม
ขณะที่นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี ได้มีสาสน์ถึงชาวไทยมุสลิมใจความว่า "พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน และความหมายภาษาไทย ฉบับที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริให้จุฬาราชมนตรี ต่วน สุวรรณศาสน์ เป็นผู้ดำเนินการแปลจากฉบับภาษาอาหรับโดยตรง เป็นฉบับที่ผู้สนใจในเรื่องศาสนาทุกศาสนาประสงค์จะนำไปศึกษา สำหรับข้าพเจ้าก็มีผู้มาขอรับไปเพื่อศึกษาหลายรายด้วยกัน ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีจากมูลนิธิต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรี ผู้สืบทอดในการจัดพิมพ์
บัดนี้ บุคคลคณะหนึ่งอันมี ฯพณฯ ท่าน ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา เป็นประธานได้ร่วมใจและกำลังทรัพย์ จัดพิมพ์พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ฉบับพระราชทานขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อพระราชทานแก่พี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้และห้องสมุดต่างๆ เป็นการสนองพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันทุกวิถีทาง เพื่อให้เกิดความสงบสันติ ทั้งยังเป็นวโรกาสมหามงคลฉลองการครองราชย์ ครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเห็นสมควร ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต อัญเชิญพระอักษรพระปรมาภิไธย "ภปร.-สก." พิมพ์หน้าปก และบนกล่อง บรรจุพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน เพื่อเป็นสิริมงคลด้วย
ขอเอกองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงโปรดประทานกุศลแก่ผู้จัดทำทุกท่าน และขอพี่น้องชาวไทยมุสลิม ที่ได้รับไปทุกท่าน จงศึกษาและนำไปปฏิบัติโดยเคร่งครัด เพราะเราทุกคนก็ทราบดีว่า พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอานเป็นธรรมนูญของชีวิตก็จงดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้อง เอกองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็จะทรงโปรดประทานความสงบในจิตใจและเป็นความสงบสันติสุขอย่างถาวร"
**"สุเทพ"ลงใต้กำชับดูแลกลุ่มเสี่ยง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้รับรายงานคนร้ายยิงพระ 2 รูปที่ จ.ยะลาแล้ว แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการแก้แค้น ตอบโต้การกราดยิงมัสยิดอัลกูรกอน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และวันนี้ (13 มิ.ย.) ตนจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อไปพูดคุยรับทราบปัญหาและจะกำชับให้เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มเสี่ยงให้มากขึ้น
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.มีการประเมินว่าสถานการณ์อาจจะรุนแรงขึ้น ที่ประชุมจึงเน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาโดยให้กองกำลังทหารและตำรวจดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเข้มข้น ควบคู่กับการเร่งรัดพัฒนา เพราะมีคนพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยก สำหรับข่าวปล่อยที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ โดยเฉพาะเหตุการณ์ผู้ก่อความไม่สงบยิงมัสยิดนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงจะส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีไปชี้แจงที่องค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) ด้วย
**นายกฯกำชับจนท.ล่าคนร้ายให้ได้
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการวานนี้ว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งหาตัวผู้ก่อเหตุกราดยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านขณะกำลังทำพิธีละหมาด ภายในมัสยิดอัลกูรกอนในพื้นที่บ้านไอปาแย ม.8 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ด้วยความรวดเร็วและโปร่งใส
"หากได้ตัวผู้ก่อเหตุจะเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามที่มีการปล่อยข่าวในพื้นที่ ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าพอสมควรแล้ว รัฐบาลมีความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ลอบยิงพระสงฆ์ว่า เป้นการ เป็นการสร้างสถานการณ์ แต่ยอมรับว่าเราไม่สามารถกระจายกำลังได้ทั่วทั้งหมด ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องลำบาก แต่ก็ต้องทำ
วานนี้ (12 มิ.ย.) เวลา 06.20 น.ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในพื้นที่โดยมีคนร้ายคาดว่าประมาณ 2 คนใช้อาวุธสงครามปืนอาก้ากราดยิงพระสงฆ์ 2 รูป ขณะกำลังเดินบิณฑบาตอยู่บริเวณชุมชนบนถนนสาย 418 คลองขุด-ท่าสาป หมู่ที่ 5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีพระสงฆ์มรณภาพในที่เกิดเหตุทันที 1 รูป และอีก 1 รูปได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
พระทั้ง 2 รูปถูกคมกระสุนตามร่างกายหลายจุด โดยพระที่มรณภาพในที่เกิดเหตุคือ พระสมบัติ ศรีสุวรรณวิชัย อายุ 60 ปี บวชได้ 1 พรรษา ส่วนพระที่บาดเจ็บสาหัสคือ พระธวัชชัย ไชยหมาน อายุ 24 ปี บวชได้ 15 วัน ทั้งนี้ พระทั้ง 2 รูปเป็นพระลูกพระวัดวาลุการาม หรือวัดคลองทรายใน บ้านคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นวัดในชุมชนประจำหมู่บ้านและบริเวณที่เกิดเหตุก็ถือว่าเป็นชุมชนไทยพุทธ
สอบสวนทราบว่า ขณะที่พระทั้ง 2 รูปกำลังเดินออกรับบิณฑบาตตามปกติทุกวัน เมื่อเดินมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุมีคนร้ายจำนวน 2 คนแต่งกายชุดวอร์มคล้ายชุดพละของนักศึกษา ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 ซีซี สีบรอนซ์เงินไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนมาจอด หลังจากนั้นคนที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนสงคราม อาก้า และปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าใส่ทันทีทำให้มีพระถูกยิงจนมรณภาพและได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้อาศัยความชุลมุนขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
**เผยไม่มีแม้เงา จนท.ดูแลรปภ.พระ
พระสมุห์คล่อง สุทธิปภาโส เจ้าอาวาสวัดวาลุการาม หรือวัดคลองทรายใน กล่าวว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นต่อชาวบ้านหรือพระสงฆ์ โดยบ้านคลองทรายอยู่ในความในสงบดีมาตลอด เมื่อเช้ามีพระออกบินทบาตร 6 รูป แยกเป็น 3 สายภายในหมู่บ้าน 2 สายและบนถนน 4 เลนอีก 1 สาย สำหรับพระสมบัติ ที่มรณภาพเพิ่งบวชเมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุพระทั้ง 2 รูปก็ออกบิณฑบาตตามปกติ ซึ่งก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ แต่ในช่วงหลังที่ผ่านมาไม่มีกำลังมาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยพระที่ออกมาบิณฑบาต ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด หลังจากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แล้ว อยากให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายออกมาช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้เข้มกว่าเดิม
**"มทภ.4" วอนให้เชื่อมั่นเจ้าหน้าที่
พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะนี้ถูกสร้างกระแสให้เกิดความไม่เข้าใจและสับสนมาสู่ประชาชน ด้วยวิธีก่อเหตุรุนแรง จึงขอวอนประชาชนอย่างตกเป็นเครื่องมือที่ผู้ไม่หวังดีใช้เหตุการณ์มาทำลายความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะขณะนี้การแก้ปัญหาใช้แนวทางที่ถูกต้องแล้ว และจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้กระบวนการยุติธรรมหาข้อเท็จจริงมาชี้แจงประชาชนได้ทราบโดยเร็ว
"ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะทุกฝ่ายมุ่งมั่นทุ่มเทเต็มที่เพื่อนำสันติสุขกลับมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งรัฐบาลและกองทัพมีนโยบายที่จะพัฒนานำความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาสู่ประชาชน พร้อมกันนี้ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างมากกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ"
**เตือนพระในพื้นที่เสี่ยงงดบิณฑบาต
นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีพระสงฆ์ในพื้นที่ จ.ยะลา ถูกลอบยิงจนมรณภาพว่า เจ้าคณะจังหวัดยะลาและทางจังหวัดยะลาได้ประชุมหารือถึงแนวทางการป้องกันเหตุกับพระสงฆ์แล้ว ในเบื้องต้นสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลาจะประกาศเตือนไปยังเจ้าอาวาสทุกวัดให้ระมัดระวังความปลอดภัยระหว่างบิณฑบาตมากขึ้น หากเห็นว่าพื้นที่วัดไหนไม่ปลอดภัยควรงดออกบิณฑบาต ทาง พศ.จะนำข้าวสารอาหารแห้งไปถวายและอยากให้พุทธศาสนิกชนช่วยนำอาหารไปถวายที่วัดแทน แต่ถ้าวัดไหนเห็นว่ายังสามารถออกบิณฑบาตได้ ก็ให้แจ้งเส้นทาง เวลา ที่จะออกบิณฑบาตกับอาสาสมัครรักหมู่บ้าน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พระสงฆ์ด้วย
"ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกาศเตือนพระสงฆ์ที่จะออกบิณฑบาตประสานกับเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดูแลความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของพระสงฆ์แล้ว ส่วนพระสงฆ์ที่มรณภาพทาง พศ.จะนำค่าทำศพไปมอบให้จำนวน 1 แสนบาท พระที่บาดเจ็บก็จะดูแลเป็นอย่างดี และดิฉันได้นำเรื่องนี้รายงานด้วยวาจาต่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รับทราบแล้ว"
**จุฬาราชมนตรีส่งสาสน์ถึงไทยมุสลิม
ขณะที่นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี ได้มีสาสน์ถึงชาวไทยมุสลิมใจความว่า "พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน และความหมายภาษาไทย ฉบับที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริให้จุฬาราชมนตรี ต่วน สุวรรณศาสน์ เป็นผู้ดำเนินการแปลจากฉบับภาษาอาหรับโดยตรง เป็นฉบับที่ผู้สนใจในเรื่องศาสนาทุกศาสนาประสงค์จะนำไปศึกษา สำหรับข้าพเจ้าก็มีผู้มาขอรับไปเพื่อศึกษาหลายรายด้วยกัน ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีจากมูลนิธิต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรี ผู้สืบทอดในการจัดพิมพ์
บัดนี้ บุคคลคณะหนึ่งอันมี ฯพณฯ ท่าน ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา เป็นประธานได้ร่วมใจและกำลังทรัพย์ จัดพิมพ์พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ฉบับพระราชทานขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อพระราชทานแก่พี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้และห้องสมุดต่างๆ เป็นการสนองพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันทุกวิถีทาง เพื่อให้เกิดความสงบสันติ ทั้งยังเป็นวโรกาสมหามงคลฉลองการครองราชย์ ครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเห็นสมควร ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต อัญเชิญพระอักษรพระปรมาภิไธย "ภปร.-สก." พิมพ์หน้าปก และบนกล่อง บรรจุพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน เพื่อเป็นสิริมงคลด้วย
ขอเอกองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงโปรดประทานกุศลแก่ผู้จัดทำทุกท่าน และขอพี่น้องชาวไทยมุสลิม ที่ได้รับไปทุกท่าน จงศึกษาและนำไปปฏิบัติโดยเคร่งครัด เพราะเราทุกคนก็ทราบดีว่า พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอานเป็นธรรมนูญของชีวิตก็จงดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้อง เอกองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็จะทรงโปรดประทานความสงบในจิตใจและเป็นความสงบสันติสุขอย่างถาวร"
**"สุเทพ"ลงใต้กำชับดูแลกลุ่มเสี่ยง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้รับรายงานคนร้ายยิงพระ 2 รูปที่ จ.ยะลาแล้ว แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการแก้แค้น ตอบโต้การกราดยิงมัสยิดอัลกูรกอน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และวันนี้ (13 มิ.ย.) ตนจะเดินทางลงพื้นที่เพื่อไปพูดคุยรับทราบปัญหาและจะกำชับให้เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มเสี่ยงให้มากขึ้น
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.มีการประเมินว่าสถานการณ์อาจจะรุนแรงขึ้น ที่ประชุมจึงเน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาโดยให้กองกำลังทหารและตำรวจดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเข้มข้น ควบคู่กับการเร่งรัดพัฒนา เพราะมีคนพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยก สำหรับข่าวปล่อยที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ โดยเฉพาะเหตุการณ์ผู้ก่อความไม่สงบยิงมัสยิดนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงจะส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีไปชี้แจงที่องค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) ด้วย
**นายกฯกำชับจนท.ล่าคนร้ายให้ได้
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการวานนี้ว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งหาตัวผู้ก่อเหตุกราดยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านขณะกำลังทำพิธีละหมาด ภายในมัสยิดอัลกูรกอนในพื้นที่บ้านไอปาแย ม.8 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ด้วยความรวดเร็วและโปร่งใส
"หากได้ตัวผู้ก่อเหตุจะเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามที่มีการปล่อยข่าวในพื้นที่ ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าพอสมควรแล้ว รัฐบาลมีความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ลอบยิงพระสงฆ์ว่า เป้นการ เป็นการสร้างสถานการณ์ แต่ยอมรับว่าเราไม่สามารถกระจายกำลังได้ทั่วทั้งหมด ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องลำบาก แต่ก็ต้องทำ