มจร. จับมือ มทร. ธัฐฐบุรี แลกเปลี่ยนวิชาการ
• พระนครศรีอยุธยา : พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และรองศาสตราจารย์นํายุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญญบุรี (มทร.ธัญญบุรี) ได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญญบุรี โดยมีคณะผู้บริหารทั้งสองมหาวิทยาลัย เข้าร่วมในการลงนาม ดังกล่าว
ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนและให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ประกอบด้วย ความร่วมมือเกี่ยวกับการประชุมทางวิชาการทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ ความร่วมมือด้านการวิจัยและแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการวิจัย จัดทำหลักสูตรพระพุทธศาสนากับศาสตร์สมัยใหม่ ร่วมให้บริการวิชาการเพื่อสังคม การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษาเพื่อส่งเสริมประสบการณ์ด้านวิชาการ การให้บริการระหว่างห้องสมุดเทคโนโลยีสารสนเทศ การอบรมอาจารย์และนิสิตนักศึกษาในสาขาวิชาพระพุทธศาสนาและปรัชญา และสาขาอื่นๆ
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดการศึกษาและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของอาจารย์ ให้ความร่วมมือในการระดมทุนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัย ทั้งสองแห่ง ซึ่งทั้งมจร.และมทร.ธัญญบุรี จะมีการให้คำปรึกษาและพัฒนาแผนในการร่วมมือกันในทุกวิธีเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป
“การลงนามความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีโดยเฉพาะแต่ละมหา-วิทยาลัยต่างก็มีความโดดเด่นและความชำนาญเฉพาะทาง ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะเป็นการช่วยกันพัฒนาศักยภาพของมหาวิทยาลัยให้มีความพร้อมทุกด้าน มีความเป็นเอกภาพและคุณภาพพร้อมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของบุคลากรและนิสิตให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นต่อไป” พระธรรมโกศาจารย์กล่าว
พศ.จับมือสธ.ดูแลสุขภาพอนามัย พระ-เณร รร.พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาทั่วประเทศ
• นครปฐม : นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ได้มีการจัดการศึกษาวิชาพระปริยัติธรรม สอนควบคู่กับวิชาสามัญ มีเป้าหมายในการรับเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษาหรือยากจน เน้นให้มีคุณธรรม นำความรู้ สร้างพุทธศาสนทายาทเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา นักเรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนประจำคล้ายนักเรียนของโรงเรียนการศึกษา สงเคราะห์กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ดังนั้น เพื่อให้พระภิกษุสามเณรเหล่านี้มีสุขภาพดี พศ. จึงได้มีหนังสือไปถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ สธ.เข้าไปส่งเสริมและดูแลสุขภาพอนามัยแก่พระภิกษุ-สามเณร ในรร.พระปริยัติธรรมฯ โดยการตรวจสุขภาพประจำปี และให้คำแนะนำด้านสุขภาพอนามัยที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
ซึ่งทางสธ.ได้มีหนังสือตอบรับ พร้อมทั้งแจ้งให้กรมการแพทย์ กรมอนามัย และสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ขอความอนุเคราะห์มา
วท.-สธ.ขยายบริการฝังรากฟันเทียม..ฟรี ให้แก่ผู้สูงอาย
• กรุงเทพฯ : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ขยายบริการฝังรากฟันเทียมฟรีให้ผู้สูงอายุ ในโครงการฟันเทียมพระราชทาน โครงการรากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
อันเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสองกระทรวง คือ ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้วิจัยพัฒนารากฟันเทียมตามมาตรฐานสากล และส่งมอบให้กับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจำนวน 25,000 ชุด
โดยส่งมอบให้ในปีงบประมาณ 2551 จำนวน 12,500 ชุด และในปี 2552 อีกจำนวน 12,500 ชุด ซึ่งสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้คัดเลือกผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสจากโครงการฟันเทียมพระราชทาน จำนวน 10,000 ราย รายละ 2 ราก เพื่อทำการฝังรากฟัน เทียมให้ยึดติดกับฟันเทียมของผู้สูงอายุและผู้ ด้อยโอกาสในโครงการต่อไป
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ได้ที่ โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ สอบ ถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2588-4005-8
6 องค์กรร่วมประกาศเจตนารมณ์ “บุญประเพณีปลอดเหล้า”
• กรุงเทพฯ : นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประกาศเจตนารมณ์ “สานดวงใจสร้างสุข ด้วยบุญประเพณีปลอดเหล้า” ซึ่งร่วม กับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า สำนักงานกองทุน สนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และประชาคมเหล้า 45 จังหวัดว่า การประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้ ถือเป็นต้นแบบให้ประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับงานบุญประเพณีให้เป็นงานที่ปลอดเหล้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างมาก ขณะเดียวกันกระทรวงวัฒนธรรมยังได้รับมอบหมายให้จัดงานเทศกาลสงกรานตทั่วประเทศ
ด้าน นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ประธานองค์กรเครือข่ายงดเหล้า กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลของเครือข่ายงดเหล้าในปี 2551 พบว่า มีงานบุญและงานประเพณีมากถึง 947 งานทั่วประเทศที่กำลังตกอยู่ในภาวะเปื้อนน้ำเมา อีกทั้งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเฉพาะค่าเหล้าในงานบุญและงานศพมีมากถึง 20,000 - 25,000 บาท แต่สิ่งที่น่าตกใจ คือ ในแต่ละครั้งที่จัดงานจะเหลือเป็นเงินทำบุญเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น ซึ่งถือว่าค่าเหล้าสูงกว่างานบุญเป็นเท่าตัว
กผส.ยกย่องท่านผู้หญิงพูนทรัพย์เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติปี 52
• กรุงเทพฯ : นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) มีมติให้ศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2552 ตามที่คณะอนุกรรมการสรรหาผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม ซึ่งมีนพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ได้ดำเนินการสรรหา และเสนอชื่อพร้อมประวัติข้อมูลผลงานให้กผส. พิจารณาผู้สูงอายุซึ่งได้รับการเสนอชื่อในปีนี้จำนวน 18 คน
ปัจจุบันศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา มีอายุ 99 ปี เป็นผู้ที่ดำรงตนและดำเนินชีวิตตามหลักสัปปุริสธรรม เป็นนักบริหารการศึกษา นักวิชาการที่มีความคิดริเริ่ม เป็นผู้ก่อตั้งคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์-มหาวิทยาลัย และเป็นคณบดีหญิงคนแรกของคณะ ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุทิศตนตามอุดมคติของครุฐานิยธรรม มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งในระดับชาติและนานาชาติมายาวนาน
โดยจะมีการประกาศเกียรติคุณ มอบเข็มกลัดทองคำ เกียรติบัตร และเงินสด 100,000 บาท ให้ศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ ในพิธีเปิดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2552 วันที่ 9 เมษายน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
หน้าร้อนเรี่ยไรชุมตำรวจพระเตือนขอดูใบอนุญาตก่อน
• มุกดาหาร : พระครูปริยัติวีราภรณ์ เลขานุการพระวินยาธิการ จ.อำนาจเจริญ เปิดเผยในการประชุมสัมมนาพระวินยาธิการ ส่วนภูมิภาค 10 จังหวัดภาคอีสาน ณ วัดศรีมงคลใต้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ว่า ปัญหาการเรี่ยไรเงินถือว่าเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคม-เมษายน เพราะป็นช่วงที่ตามวัดต่างๆจะมีพิธียกช่อฟ้า ฝังลูกนิมิต บางวัดจึงจำเป็นต้องออกเรี่ยไรเงิน แต่การเรี่ยไรเงินนี้จะต้องมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในพื้นที่นั้น เพื่อออกใบอนุญาต ซึ่งต้องออกในนามวัดเท่านั้น ไม่มีการออกให้เป็นรายบุคคล และสามารถจะออกเรี่ยไรได้ภาย ในจังหวัดเท่านั้น จากนั้นจะมีการทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังสถานีตำรวจและวัดในพื้นที่ได้รับทราบ
“อาตมาขอเตือนว่า เมื่อพบกลุ่มที่มาเรี่ยไรเงิน หากไม่แน่ใจว่าจริงหรือหลอกลวงให้ขอดูใบอนุญาตได้ทันที และสามารถโทรสอบถามไปยังสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดได้ด้วย และหากพบว่าเป็นพระแล้วมาขอเรี่ยไรโดยลำพัง ให้ตั้งสมมติฐานได้เลยว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้มาเรี่ยไรเงินแต่อย่างใด” พระครูปริยัติวีราภรณ์ กล่าว
กาชาดไทยเชิญชวน ปชช.เข้าโครงการสร้างกุศลส่งบุญ
ด้วยการบริจาคโลหิต
• กรุงเทพฯ : สภากาชาดไทยเชิญชวนประชาชน ทั่วประเทศร่วมโครงการ “สร้างกุศล ส่งบุญ ด้วยการบริจาคโลหิต” ตลอดปี 2552 เพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่บริจาคโลหิตเพียงปีละ 1 ครั้ง เปลี่ยนเป็นการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน รวมทั้งผู้ที่เคยบริจาคโลหิตทดแทนให้ญาติ ก็ให้มาบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วย เพราะการบริจาคโลหิตเป็นบุญ กุศลอันยิ่งใหญ่ และสามารถอุทิศบุญหรือส่งบุญให้ผู้ที่ ยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ บุคคลที่รักและเคารพ เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว รวมทั้งส่งบุญให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ หน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิต และสาขา บริการโลหิตในกรุงเทพฯ ในส่วนภูมิภาคบริจาคโลหิตได้ที่เหล่ากาชาดจังหวัด สาขาบริการโลหิต โรงพยาบาล ประจำจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่บริจาคเป็นครั้งที่ 2 ในโครงการทั่วประเทศ ตั้งแต่เมษายน 2552 เป็นต้นไป จะได้รับ “บันทึกบุญ” หนังสือขนาดพกพา สีสันสวยงาม เนื้อหาประกอบด้วย พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระ- บรมราชูปถัมภก สภากาชาดไทย, สมเด็จพระนางเจ้าฯ-พระบรมราชินีนาถ สภานายิกา สภากาชาดไทย และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย อันเกี่ยวเนื่อง กับงานบริการโลหิต นอกจากนี้ยังมีเกร็ดความรู้ที่จำเป็น สำหรับผู้บริจาคโลหิต สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-2256-4300, และ 0-2 263-9600 ต่อ 1760
อุดรฯ เร่งส่งเสริม วัดปลอดเหล้าทั้งจังหวัด
• อุดรธานี : นายวีระพงษ์ สารบรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี เผยว่า จังหวัดอุดรธานี โดยนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้มีดำริและมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี ดำเนินโครงการส่งเสริมวัดเป็นเขตปลอดเหล้าโดยใช้งบประมาณจากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2552 จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมวัดเป็นเขตปลอดเหล้า เพื่อถวายวัดและสำนักสงฆ์ในจังหวัดอุดรธานี 1,000 ป้าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายความรู้แก่เจ้าคณะพระสังฆาธิการให้มีความรู้ความเข้าใจในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้และตระหนักถึงพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัญหาสืบเนื่องทั้งปัญหาสังคม และเศรษฐกิจ เพื่อลดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนในการจัดกิจกรรมในวัด โดยปราศจาก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอบายมุข และเพื่อสร้างเครือข่าย ในการรณรงค์และป้องกันภัยจากผลของการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
มส.ตั้งคณะทำงานติดตามร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ใหม่ หวั่นกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
• นครปฐม : นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(สถ.) สำนักงานพระ- พุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม มหาเถรสมาคม(มส.) เมื่อวันที่ 20 มี.ค.52 ว่าพระธรรม- กิตติเมธี กรรมการมส.ซึ่งได้รับมอบหมายให้ติดตามเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธ-ศาสนา ได้นำเสนอเรื่องที่นายประกอบ จิรกิติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะจำนวน 24 คน ได้เสนอร่างพระพราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่...) พ.ศ...โดยเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ในมาตรา 29
พระธรรมกิตติเมธีเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ อันอาจจะทำให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์โดยรวม จึงขอให้มหา-เถรสมาคมมีมติแต่งตั้งพระเถระกรรมการมหาเถร-สมาคม ได้ร่วมกันพิจารณา ศึกษา ติดตามสถานการณ์ ข้อดี ข้อบกพร่อง ตามร่างดังกล่าว โดยให้เป็นไปตามแนวพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่ว่าด้วย กฎหมายแผ่นดิน พระวินัย และจารีตประเพณี อันดีงาม ที่จะปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง
นายอำนาจกล่าวต่อไปว่า จารีตประเพณีคือสงฆ์ต้องปกครองสงฆ์ ดังนั้นมส.จึงมีมติตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณา โดยมีพระพรหมเวที พระธรรม-กิตติเมธี และพระธรรมวรเมธี เป็นผู้ศึกษาติดตามอย่างใกล้ชิด และให้พระราชาคณะชั้นรองสมเด็จฯ ทุกรูปเป็นที่ปรึกษา รวมทั้งให้อำนาจคณะทำงานว่า หากมีประเด็นที่จะต้องดำเนินการอย่างไร ก็ให้ดำเนินการได้เลย แล้วจึงค่อยมารายงาน มส.ทราบในภายหลัง
ด้านพระธรรมกิตติเมธีกล่าวว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ. คณะสงฆ์ที่เสนอขอแก้ไขมานี้ มีการแก้ไขมาตรา 29 ซึ่งเพิ่มอำนาจให้นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตสามารถสึกพระได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะจะกระทบต่อคณะสงฆ์อย่างมาก เนื่องจากพ.ร.บ.คณะ-สงฆ์ฉบับเดิม ก็ให้อำนาจเจ้าพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการสามารถดำเนินการให้พระภิกษุที่ต้อง หาว่ากระทำความผิดอาญา สละสมณเพศได้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะสงฆ์ก็ไม่เห็นด้วย แต่กลับมาขอแก้ไข และเพิ่มอำนาจให้นายอำเภออีก
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ในมาตรา 29 ระบุไว้ว่า
“พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัด ไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงานสอบสวน ไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้”
ส่วนร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขอเสนอแก้ไขดังกล่าว ในมาตรา 29 ระบุว่า
“พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือเมื่อพนักงานสอบสวนโดยความเห็นชอบของนายอำเภอ ในพื้นที่เกิดเหตุ หรือผู้อำนวยการเขตสำหรับพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสวอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้”
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 101 เม.ย. 52 โดยมรรคา)
• พระนครศรีอยุธยา : พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และรองศาสตราจารย์นํายุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญญบุรี (มทร.ธัญญบุรี) ได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญญบุรี โดยมีคณะผู้บริหารทั้งสองมหาวิทยาลัย เข้าร่วมในการลงนาม ดังกล่าว
ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนและให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ประกอบด้วย ความร่วมมือเกี่ยวกับการประชุมทางวิชาการทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ ความร่วมมือด้านการวิจัยและแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการวิจัย จัดทำหลักสูตรพระพุทธศาสนากับศาสตร์สมัยใหม่ ร่วมให้บริการวิชาการเพื่อสังคม การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษาเพื่อส่งเสริมประสบการณ์ด้านวิชาการ การให้บริการระหว่างห้องสมุดเทคโนโลยีสารสนเทศ การอบรมอาจารย์และนิสิตนักศึกษาในสาขาวิชาพระพุทธศาสนาและปรัชญา และสาขาอื่นๆ
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดการศึกษาและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของอาจารย์ ให้ความร่วมมือในการระดมทุนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัย ทั้งสองแห่ง ซึ่งทั้งมจร.และมทร.ธัญญบุรี จะมีการให้คำปรึกษาและพัฒนาแผนในการร่วมมือกันในทุกวิธีเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป
“การลงนามความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีโดยเฉพาะแต่ละมหา-วิทยาลัยต่างก็มีความโดดเด่นและความชำนาญเฉพาะทาง ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะเป็นการช่วยกันพัฒนาศักยภาพของมหาวิทยาลัยให้มีความพร้อมทุกด้าน มีความเป็นเอกภาพและคุณภาพพร้อมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของบุคลากรและนิสิตให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นต่อไป” พระธรรมโกศาจารย์กล่าว
พศ.จับมือสธ.ดูแลสุขภาพอนามัย พระ-เณร รร.พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาทั่วประเทศ
• นครปฐม : นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ได้มีการจัดการศึกษาวิชาพระปริยัติธรรม สอนควบคู่กับวิชาสามัญ มีเป้าหมายในการรับเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษาหรือยากจน เน้นให้มีคุณธรรม นำความรู้ สร้างพุทธศาสนทายาทเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา นักเรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนประจำคล้ายนักเรียนของโรงเรียนการศึกษา สงเคราะห์กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ดังนั้น เพื่อให้พระภิกษุสามเณรเหล่านี้มีสุขภาพดี พศ. จึงได้มีหนังสือไปถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ สธ.เข้าไปส่งเสริมและดูแลสุขภาพอนามัยแก่พระภิกษุ-สามเณร ในรร.พระปริยัติธรรมฯ โดยการตรวจสุขภาพประจำปี และให้คำแนะนำด้านสุขภาพอนามัยที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
ซึ่งทางสธ.ได้มีหนังสือตอบรับ พร้อมทั้งแจ้งให้กรมการแพทย์ กรมอนามัย และสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ขอความอนุเคราะห์มา
วท.-สธ.ขยายบริการฝังรากฟันเทียม..ฟรี ให้แก่ผู้สูงอาย
• กรุงเทพฯ : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ขยายบริการฝังรากฟันเทียมฟรีให้ผู้สูงอายุ ในโครงการฟันเทียมพระราชทาน โครงการรากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
อันเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสองกระทรวง คือ ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้วิจัยพัฒนารากฟันเทียมตามมาตรฐานสากล และส่งมอบให้กับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจำนวน 25,000 ชุด
โดยส่งมอบให้ในปีงบประมาณ 2551 จำนวน 12,500 ชุด และในปี 2552 อีกจำนวน 12,500 ชุด ซึ่งสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้คัดเลือกผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสจากโครงการฟันเทียมพระราชทาน จำนวน 10,000 ราย รายละ 2 ราก เพื่อทำการฝังรากฟัน เทียมให้ยึดติดกับฟันเทียมของผู้สูงอายุและผู้ ด้อยโอกาสในโครงการต่อไป
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ได้ที่ โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ สอบ ถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2588-4005-8
6 องค์กรร่วมประกาศเจตนารมณ์ “บุญประเพณีปลอดเหล้า”
• กรุงเทพฯ : นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประกาศเจตนารมณ์ “สานดวงใจสร้างสุข ด้วยบุญประเพณีปลอดเหล้า” ซึ่งร่วม กับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า สำนักงานกองทุน สนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และประชาคมเหล้า 45 จังหวัดว่า การประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้ ถือเป็นต้นแบบให้ประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับงานบุญประเพณีให้เป็นงานที่ปลอดเหล้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างมาก ขณะเดียวกันกระทรวงวัฒนธรรมยังได้รับมอบหมายให้จัดงานเทศกาลสงกรานตทั่วประเทศ
ด้าน นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ประธานองค์กรเครือข่ายงดเหล้า กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลของเครือข่ายงดเหล้าในปี 2551 พบว่า มีงานบุญและงานประเพณีมากถึง 947 งานทั่วประเทศที่กำลังตกอยู่ในภาวะเปื้อนน้ำเมา อีกทั้งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเฉพาะค่าเหล้าในงานบุญและงานศพมีมากถึง 20,000 - 25,000 บาท แต่สิ่งที่น่าตกใจ คือ ในแต่ละครั้งที่จัดงานจะเหลือเป็นเงินทำบุญเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น ซึ่งถือว่าค่าเหล้าสูงกว่างานบุญเป็นเท่าตัว
กผส.ยกย่องท่านผู้หญิงพูนทรัพย์เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติปี 52
• กรุงเทพฯ : นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) มีมติให้ศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2552 ตามที่คณะอนุกรรมการสรรหาผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม ซึ่งมีนพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ได้ดำเนินการสรรหา และเสนอชื่อพร้อมประวัติข้อมูลผลงานให้กผส. พิจารณาผู้สูงอายุซึ่งได้รับการเสนอชื่อในปีนี้จำนวน 18 คน
ปัจจุบันศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา มีอายุ 99 ปี เป็นผู้ที่ดำรงตนและดำเนินชีวิตตามหลักสัปปุริสธรรม เป็นนักบริหารการศึกษา นักวิชาการที่มีความคิดริเริ่ม เป็นผู้ก่อตั้งคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์-มหาวิทยาลัย และเป็นคณบดีหญิงคนแรกของคณะ ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุทิศตนตามอุดมคติของครุฐานิยธรรม มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งในระดับชาติและนานาชาติมายาวนาน
โดยจะมีการประกาศเกียรติคุณ มอบเข็มกลัดทองคำ เกียรติบัตร และเงินสด 100,000 บาท ให้ศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ ในพิธีเปิดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2552 วันที่ 9 เมษายน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
หน้าร้อนเรี่ยไรชุมตำรวจพระเตือนขอดูใบอนุญาตก่อน
• มุกดาหาร : พระครูปริยัติวีราภรณ์ เลขานุการพระวินยาธิการ จ.อำนาจเจริญ เปิดเผยในการประชุมสัมมนาพระวินยาธิการ ส่วนภูมิภาค 10 จังหวัดภาคอีสาน ณ วัดศรีมงคลใต้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ว่า ปัญหาการเรี่ยไรเงินถือว่าเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคม-เมษายน เพราะป็นช่วงที่ตามวัดต่างๆจะมีพิธียกช่อฟ้า ฝังลูกนิมิต บางวัดจึงจำเป็นต้องออกเรี่ยไรเงิน แต่การเรี่ยไรเงินนี้จะต้องมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในพื้นที่นั้น เพื่อออกใบอนุญาต ซึ่งต้องออกในนามวัดเท่านั้น ไม่มีการออกให้เป็นรายบุคคล และสามารถจะออกเรี่ยไรได้ภาย ในจังหวัดเท่านั้น จากนั้นจะมีการทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังสถานีตำรวจและวัดในพื้นที่ได้รับทราบ
“อาตมาขอเตือนว่า เมื่อพบกลุ่มที่มาเรี่ยไรเงิน หากไม่แน่ใจว่าจริงหรือหลอกลวงให้ขอดูใบอนุญาตได้ทันที และสามารถโทรสอบถามไปยังสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดได้ด้วย และหากพบว่าเป็นพระแล้วมาขอเรี่ยไรโดยลำพัง ให้ตั้งสมมติฐานได้เลยว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้มาเรี่ยไรเงินแต่อย่างใด” พระครูปริยัติวีราภรณ์ กล่าว
กาชาดไทยเชิญชวน ปชช.เข้าโครงการสร้างกุศลส่งบุญ
ด้วยการบริจาคโลหิต
• กรุงเทพฯ : สภากาชาดไทยเชิญชวนประชาชน ทั่วประเทศร่วมโครงการ “สร้างกุศล ส่งบุญ ด้วยการบริจาคโลหิต” ตลอดปี 2552 เพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่บริจาคโลหิตเพียงปีละ 1 ครั้ง เปลี่ยนเป็นการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน รวมทั้งผู้ที่เคยบริจาคโลหิตทดแทนให้ญาติ ก็ให้มาบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วย เพราะการบริจาคโลหิตเป็นบุญ กุศลอันยิ่งใหญ่ และสามารถอุทิศบุญหรือส่งบุญให้ผู้ที่ ยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ บุคคลที่รักและเคารพ เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว รวมทั้งส่งบุญให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ หน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิต และสาขา บริการโลหิตในกรุงเทพฯ ในส่วนภูมิภาคบริจาคโลหิตได้ที่เหล่ากาชาดจังหวัด สาขาบริการโลหิต โรงพยาบาล ประจำจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่บริจาคเป็นครั้งที่ 2 ในโครงการทั่วประเทศ ตั้งแต่เมษายน 2552 เป็นต้นไป จะได้รับ “บันทึกบุญ” หนังสือขนาดพกพา สีสันสวยงาม เนื้อหาประกอบด้วย พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระ- บรมราชูปถัมภก สภากาชาดไทย, สมเด็จพระนางเจ้าฯ-พระบรมราชินีนาถ สภานายิกา สภากาชาดไทย และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย อันเกี่ยวเนื่อง กับงานบริการโลหิต นอกจากนี้ยังมีเกร็ดความรู้ที่จำเป็น สำหรับผู้บริจาคโลหิต สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-2256-4300, และ 0-2 263-9600 ต่อ 1760
อุดรฯ เร่งส่งเสริม วัดปลอดเหล้าทั้งจังหวัด
• อุดรธานี : นายวีระพงษ์ สารบรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี เผยว่า จังหวัดอุดรธานี โดยนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้มีดำริและมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี ดำเนินโครงการส่งเสริมวัดเป็นเขตปลอดเหล้าโดยใช้งบประมาณจากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2552 จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมวัดเป็นเขตปลอดเหล้า เพื่อถวายวัดและสำนักสงฆ์ในจังหวัดอุดรธานี 1,000 ป้าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายความรู้แก่เจ้าคณะพระสังฆาธิการให้มีความรู้ความเข้าใจในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้และตระหนักถึงพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัญหาสืบเนื่องทั้งปัญหาสังคม และเศรษฐกิจ เพื่อลดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนในการจัดกิจกรรมในวัด โดยปราศจาก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอบายมุข และเพื่อสร้างเครือข่าย ในการรณรงค์และป้องกันภัยจากผลของการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
มส.ตั้งคณะทำงานติดตามร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ใหม่ หวั่นกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
• นครปฐม : นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(สถ.) สำนักงานพระ- พุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม มหาเถรสมาคม(มส.) เมื่อวันที่ 20 มี.ค.52 ว่าพระธรรม- กิตติเมธี กรรมการมส.ซึ่งได้รับมอบหมายให้ติดตามเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธ-ศาสนา ได้นำเสนอเรื่องที่นายประกอบ จิรกิติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะจำนวน 24 คน ได้เสนอร่างพระพราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่...) พ.ศ...โดยเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ในมาตรา 29
พระธรรมกิตติเมธีเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ อันอาจจะทำให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์โดยรวม จึงขอให้มหา-เถรสมาคมมีมติแต่งตั้งพระเถระกรรมการมหาเถร-สมาคม ได้ร่วมกันพิจารณา ศึกษา ติดตามสถานการณ์ ข้อดี ข้อบกพร่อง ตามร่างดังกล่าว โดยให้เป็นไปตามแนวพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่ว่าด้วย กฎหมายแผ่นดิน พระวินัย และจารีตประเพณี อันดีงาม ที่จะปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง
นายอำนาจกล่าวต่อไปว่า จารีตประเพณีคือสงฆ์ต้องปกครองสงฆ์ ดังนั้นมส.จึงมีมติตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณา โดยมีพระพรหมเวที พระธรรม-กิตติเมธี และพระธรรมวรเมธี เป็นผู้ศึกษาติดตามอย่างใกล้ชิด และให้พระราชาคณะชั้นรองสมเด็จฯ ทุกรูปเป็นที่ปรึกษา รวมทั้งให้อำนาจคณะทำงานว่า หากมีประเด็นที่จะต้องดำเนินการอย่างไร ก็ให้ดำเนินการได้เลย แล้วจึงค่อยมารายงาน มส.ทราบในภายหลัง
ด้านพระธรรมกิตติเมธีกล่าวว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ. คณะสงฆ์ที่เสนอขอแก้ไขมานี้ มีการแก้ไขมาตรา 29 ซึ่งเพิ่มอำนาจให้นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตสามารถสึกพระได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะจะกระทบต่อคณะสงฆ์อย่างมาก เนื่องจากพ.ร.บ.คณะ-สงฆ์ฉบับเดิม ก็ให้อำนาจเจ้าพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการสามารถดำเนินการให้พระภิกษุที่ต้อง หาว่ากระทำความผิดอาญา สละสมณเพศได้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะสงฆ์ก็ไม่เห็นด้วย แต่กลับมาขอแก้ไข และเพิ่มอำนาจให้นายอำเภออีก
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ในมาตรา 29 ระบุไว้ว่า
“พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัด ไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงานสอบสวน ไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้”
ส่วนร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขอเสนอแก้ไขดังกล่าว ในมาตรา 29 ระบุว่า
“พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือเมื่อพนักงานสอบสวนโดยความเห็นชอบของนายอำเภอ ในพื้นที่เกิดเหตุ หรือผู้อำนวยการเขตสำหรับพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสวอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้”
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 101 เม.ย. 52 โดยมรรคา)