โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุการอภิปรายของฝ่ายค้านมุ่งหวังสร้างความสับสนให้สังคม เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการนอกสภา วอร์รูมแฉจับพิรุธปั้นเอกสารเท็จ 6 เรื่อง สั่งเช็คชั้นความลับข้อมูลกรมดีเอสไอ เหตุสำนวนสอบสวนเงินบริจาคหลุดถึงมือไข่แม้ว
วันนี้ (22 มี.ค.) วันนี้ (22 มี.ค.) น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงผลสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความห่วงใยในหลายเรื่อง โดยเฉพาะข้อมูลการอภิปรายของฝ่ายค้านที่จะนำไปสู่การเมืองนอกสภา ทำให้เกิดการแบ่งแยกของสังคม ดังนั้นอยากเรียกร้องให้ฝ่ายค้านและกลุ่มเสื้อแดงทบทวนเพื่อที่จะไม่นำไปสู่ความรุนแรงและทำให้สังคมเกิดความแตกแยก ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักทำอะไรขอให้คิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก
การอภิปรายครั้งนี้พรรคปชป.ตรวจสอบข้อมูลจากฝ่ายค้านสามารถจับเท็จได้ 6 เรื่อง คือ 1. หลักฐานการเป็นส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯในสมัยแรกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคนั้นยืนยันว่า การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของนายอภิสิทธิ์ชัดเจนก่อนที่จะมาลงสมัครส.ส. 2.เรื่องปัญหาเศรษฐกิจปี 40 จนเป็นที่มาของการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟไม่ได้เกิดขึ้นสมัยพรรคปชป.แต่เกิดขึ้นสมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีและมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯที่ดูด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นพรรคปชป.ไม่ได้เป็นผู้กู้เงินดังกล่าว 3.กรณีเขาพระวิหารที่บอกว่ารัฐบาลพรรคปชป.เข้ามาบริหารตลอด 3 เดือน จนเป็นเหตุทำให้ชาติสูญเสียอนาธิปไตยไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วว่า มติครม.ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้ครม.ทั้งคณะมีความผิด อย่างไรก็ตามพรรคปชป.จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรคในวันที่ 24 มี.ค.นี้เพื่อประสานกับกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับชายแดนทั้งเรื่องความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนเสนอข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลนี้ได้ระงับการสร้างถนนขึ้นเขาพระวิหารทางฝั่งเขมร
4. กรณีของนายกษิต ภิรมณ์ รมว.ต่างประเทศ ที่ฝ่ายค้านระบุว่าถูกออกหมายจับก็ไม่เป็นความจริงเพราะทางกระบวนการยุติธรรมพนักงานสอบสวน หากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่มีมูล ก็ไม่สามารถออกหมายจับได้ ดังนั้นนายกษิต เองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปมอบตัว 5.กรณีการรับเงินจากบริษัทเอกชนจำนวน 258 ล้านบาท ยืนยันว่าพรรคปชป.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง 6. กรณีเงินอุดหนุน 23 ล้านบาทที่กล่าวหาว่าไม่ได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และไม่มีการสั่งทำป้ายหาเสียงเรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง ตนขอให้ไปตรวจสอบว่าช่วงการเลือกตั้งปี 48 ว่ามีป้ายหาเสียงของพรรคติดอยู่ทั่วประเทศ จนเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านนำมาร้องเรียนเรื่องการติดป้ายหาเสียง
โฆษกพรรคปชป.กล่าวว่า จะเห็นว่าการบิดเบือนข้อมูลในการอภิปรายถือเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ดังนั้นพรรคปชป.จะเปิดโปงข้อเท็จจริงในทุกเรื่องที่ฝ่ายค้านโจมตีพรรคปชป. หากองค์กรใดสงสัยก็พร้อมให้องค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส. ยโสธร พรรคเพื่อไทย ออกมายืนยันชัดเจนว่าข้อที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยนำไปอภิปรายได้มาจากดีเอสไอนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นกระบวนการที่มีใบสั่งสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชผ่านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรมสมัยนั้น
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 26 มี.ค.นั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นการสร้างกระแส เพื่อกดดันให้นิรโทษกรรมต่อพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการยกระดับทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ หวนคืนกลับสู่อำนาจทางการเมือง เพื่อกลับมาทวงผลประโยชน์ของตัวเองกลับคืน ดังนั้นพรรคปชป.ยืนยันว่าเราจะไม่ตอบโต้ทางการเมืองไม่สร้างเงื่อนไขเพื่อเป็นการแบ่งแยก แต่พรรคปชป.จะใช้นโยบายคู่ขนานเพื่อนสนับสนุน แนวนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ยากจน โดยตั้งเป็นกองทุนพอเพียงกระจายไปทั่วประเทศ ไม่แบ่งแยกพื้นที่ว่าเป็นสีแดงหรือสีเหลือง ดังนั้นขอให้ประชนเข้าร่วมนโยบายนี้ นอกจากนี้ขอเชิญบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและทุกฝ่ายเข้ามาร่วมปฏิรูปการเมืองกับกลุ่มบุคคล ที่เป็นกลางและเป็นที่ยอมรับเพื่อทำให้ประเทศชาติ กลับเข้าสู่สภาวะปกติและบริหารบ้านเมืองไปข้างหน้าได้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่าหากพรรคเพื่อไทยยื่นหลักฐานกรณีเงิน 258 ล้านบาทก็จะมีการร้องกกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย น.พ.บุรณัชย์กล่าว่า พรรคปชป.พูดชัดเจนว่าหลักฐานที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ต้องดูข้อมูลที่จะยื่นต่อกกต.ก่อน หลังจากนั้นปชป.ก็พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงและจะดำเนินการฟ้องร้องเพื่อยุบพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าการอภิปรายของร.ต.อ.เฉลิมในสภาเป็นการทำในนามพรรคเพื่อไทยสามารถที่จะยุบพรรคได้ ทั้งนี้กกต.ก็ออกมายืนยันว่าไม่มีข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามเพื่อความถูกต้องขอให้ดีเอสไอและกกต.ไปหารือกันและตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดความชัดเจน
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินโจมตีการบริหารราชการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยบอกว่า ถ้าได้เข้ามาบริหารประเทศจะเสก 78 ล้านบาทโดยไม่ต้องไปกู้เงินมานั้น เป็นการปลุกระดม และบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งนี้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับใช้วิธีการโฟนอินเพื่อล้มล้างรัฐบาล ตนจึงอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามาต่อสู่ทางกฎหมาย อย่าใช้กระบวนการเพื่อให้กลับมามีอำนาจเหนือกฎหมายในประเทศไทย
“หากพ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ ก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้เพราะไม่มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริง เป็นคนที่พูดแล้วก็ไม่สามารถทำตามคำพูดได้ อย่างตอนที่เป็นรองนายกฯบอกจะแก้ไขปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 6 เดือนก็ไม่สามารถทำได้ และในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 ในสมัย พล.อ ชวลิตหากเปรียบพล.อ.ชวลิตเป็นคนขับรถ นำพาประเทศไปลงเหวพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูด้านเศรษฐกิจในสมัยนั้น ก็เสมือนเป็นคนชี้ทางทำให้คนขับๆรถลงเหวประเทศไทยจึงได้เสียหาย จนพรรคปชป.เข้ามากอบกู้วิกฤต จนทำให้มีเงินสะสมในประเทศจนสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณได้และหากพ.ต.ท.ทักษิณจะช่วยกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ควรนำเงินที่ถูกอายัดไว้ในประเทศมามอบให้รัฐบาลจะได้นำเงินไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยที่รัฐบาลนี้ไม่ต้องกู้ต่างประเทศ
ด้านนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเนื้อการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นเนื้อหาที่เก่ามาก จนต้องไปขอข้อมูลจากกรมโบราณคดี ทั้งนี้ รัฐบาลได้รับเสียงสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยเสียงของฝ่ายค้านที่หายไป ก็มาปันใจให้รัฐบาล เพราะอาจจะเห็นว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชน จึงไม่คิดแต่จะเอาชนะเพียงอย่างเดียว
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่จ.ชลบุรีเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) นายสรวุฒิ กล่าวว่า นายกฯ ไปเปิดงานยกช่อฟ้า การที่มีกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมต่อต้าน ถือว่าไม่เหมาะสมเพราะเป็นงานบุญที่ได้มีการจัดเตรียมกันไว้ล่วงหน้านานแล้ว การกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงจึงถือเป็นการทำลายบรรยากาศของบ้านเมือง