xs
xsm
sm
md
lg

อสีติมหาสาวก : ตอนที่ ๕๕ กลุ่มพระชาวแคว้นสักกะ (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บั้นปลายชีวิต
พระกาฬุทายี พระนันทะ พระเมฆิยะ พระนาคิตะ พระมหาอุทายี พระภัททิยะ พระภคุ พระกิมพิละ และพระสีวลี ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับบั้นปลายชีวิตของท่าน
พระราหุล นิพพานก่อนพระพุทธเจ้าและก่อนพระอัครสาวกโดยท่านได้ทูลลาพระพุทธเจ้าไปนิพพานในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนพระอุบาลี พระอนุรุทธะ พระอานนท์ และพระปุณณมันตานีบุตร มีกล่าวไว้ชัดเจนว่า นิพพานภายหลังพระพุทธเจ้า
พระอานนท์ นิพพานเมื่ออายุได้ ๑๒๐ ปี หลังพุทธปรินิพพาน ๔๐ ปี มีเรื่องเล่าว่าท่านนิพพานกลางอากาศ ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ โดยเข้าเตโชสมาบัติอธิษฐานจิตให้เกิดไฟลุกไหม้ร่างกายของท่าน แล้วกระดูกแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งไปตกที่เมืองกบิลพัสดุ์ อีกส่วนหนึ่งไปตกที่เมืองเทวทหะ ทั้งนี้เพื่อมิให้พระญาติต้องทะเลาะกันเพราะแย่งกระดูก
พระอนุรุทธะ นิพพานที่ใต้กอไผ่ในหมู่บ้านเวฬุวะ แคว้นวัชชี ขณะนั้นท่านมีอายุใกล้เคียงกับพระอานนท์ จะอ่อนกว่าเพียงเล็กน้อย
พระอุบาลี และพระปุณณมันตานีบุตร ยังไม่พบหลักฐานว่าท่านนิพพานที่ไหน เวลาใด แต่สันนิษฐานว่าขณะนั้นท่านคงมีอายุใกล้เคียงกับพระอนุรุทธะและพระอานนท์

เอตทัคคะ-อดีตชาติ
บรรดาพระสาวกชาวแคว้นสักกะที่กล่าวมานี้ มีที่ได้รับตำแหน่งเอตทัคคะด้วยกัน ๙ รูป คือ พระกาฬุทายี พระนันทะ พระราหุล พระอุบาลี พระภัททิยะ พระอนุรุทธะ พระอานนท์ พระปุณณมันตานีบุตร และพระสีวลี
พระกาฬุทายี พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านทำให้ตระกูลเลื่อมใส
พระนันทะ พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านสำรวมอินทรีย์
พระราหุล พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านสนใจการศึกษา
พระอุบาลี พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านทรงจำพระวินัย
พระภัททิยะ พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านมีตระกูลสูง
พระอนุรุทธะ พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านทิพจักขุ(ตาทิพย์)
พระอานนท์ พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอต ทัคคะ ๕ ด้าน คือ มีสติ ๑ มีคติ ๑ มีความเพียร ๑ เป็นพหูสูตร ๑ เป็นพุทธอุปัฏฐาก ๑
พระปุณณมันตานีบุตร พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านแสดงธรรม
พระสีวลี พระพุทธเจ้าทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ด้านมีลาภมาก
พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระสาวก ๙ รูปนี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะตามความสามารถในชาติปัจจุบัน และตามที่ตั้งจิตปรารถนาไว้แต่อดีตชาติ
พระกาฬุทายี ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นกุลบุตรชาวเมืองหงสวดีวันหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับชาวเมืองเพื่อฟังธรรม ได้เห็นพระพุทธเจ้าทรงตั้งพระสาวกรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านทำตระกูลให้เลื่อมใส แล้วเกิดศรัทธาปรารถนาจะได้เป็นเช่นพระสาวกรูปนั้นบ้าง ท่านแสดงศรัทธาให้ปรากฏ ด้วยการเข้าเฝ้าพระพุธเจ้า แล้วกราบทูลให้ทรงทราบถึงความปรารถนาของตน พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูความเป็นไปในอนาคตของท่านด้วยพระ ญาณแล้วทรงเห็นว่า ความปรารถนาของท่านสำเร็จได้ แน่ จึงทรงพยากรณ์ว่า
“ในอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้เป็นสาวกของพระองค์ จักได้บรรลุอรหัตผลและได้รับตำแหน่งเอตทัคคะด้านทำให้ตระกูลเลื่อมใส”
ท่านฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำบุญอื่นๆสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ท่านมาเกิดเป็นบุตรอำมาตย์ของพระเจ้า สุทโธทนะ ครั้นออกบวชก็ได้บรรลุอรหัตผล อาศัยเหตุ ที่ตั้งจิตปรารถนามาแต่อดีตชาติ ประกอบกับปัจจุบันชาติที่เมื่อบวชแล้วสามารถแสดงฤทธิ์ทำให้พวกศากยะทั้งตระกูลเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านทำให้ตระกูลเลื่อมใส ดังกล่าวมาแล้ว
พระนันทะ ตั้งจิตปรารถนาไว้ตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นกุลบุตรชาวเมืองหงสวดี วันหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับชาวเมืองเพื่อฟังธรรม เห็นพระพุทธเจ้าทรงตั้งพระสาวกรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านสำรวมอินทรีย์ แล้วเกิดศรัทธาปรารถนาจะได้เป็นเช่นพระสาวกรูปนั้นบ้าง ท่านแสดงศรัทธาให้ปรากฏด้วยการถวายมหาทานแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวกติดต่อกัน ๗ วัน วันสุดท้ายได้ถวายผ้าทำจากเปลือกไม้ให้พระพุทธเจ้าและพระสาวกครอง พร้อมทั้งกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบถึงความปรารถนาของท่าน และได้รับพุทธพยากรณ์อย่างพระอสีติมหาสาวกรูปอื่นๆ คือ ในอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัปข้างหน้า พระพุทธเจ้าโคดมจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่านจักได้ออกบวช เป็นสาวกของพระองค์ จักได้บรรลุอรหัตผลและได้รับตำแหน่งเอตทัคคะด้านการสำรวมอินทรีย์
ท่านฟังพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์แล้วเกิดปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ทำบุญอื่นๆสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าอัตถทัสสี
ชาติที่พบพระพุทธเจ้าอัตถทัสสีนั้น ท่านเกิดเป็นเต่าใหญ่อยู่ในแม่น้ำคงคาด้วยผลบาปกรรมเก่าบางอย่าง แต่กรรมดีก็ส่งผลให้เป็นเต่าแสนรู้ วันหนึ่งขณะแหวกว่ายอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เห็นพระพุทธเจ้าประทับยืนอยู่บนฝั่งด้วยทรงมีพระประสงค์จะเสด็จข้ามฝั่ง จึงลอยตัวขึ้นมาให้พระพุทธเจ้าประทับยืน แล้วแหวกว่ายพาพระ พุทธเจ้ามาส่งอีกฝั่งหนึ่ง จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ท่านได้มาเกิดเป็นพระอนุชา ต่างพระมารดา ครั้นออกบวชก็ได้บรรลุอรหัตผล อาศัยเหตุที่ตั้งจิตปรารถนามาแต่อดีตชาติ ประกอบกับเหตุการณ์ในปัจจุบันชาติที่รู้จักสำรวมอินทรีย์จนได้บรรลุอรหัตผล พระพุทธเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านสำรวมอินทรีย์
(อ่านต่อฉบับหน้า)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 103 มิ.ย. 52 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
กำลังโหลดความคิดเห็น