xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารผ่านโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐบาลคุชราตเตรียมสร้างวัดพุทธ
• อินเดีย : นเรนทรา โมดิ นายกรัฐมนตรีรัฐคุชราต เปิดเผยถึงการตัดสิน ใจสร้างวัดพุทธขึ้นในรัฐคุชราต ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนา ที่ยังหลงเหลืออยู่
โดยนายกรัฐมนตรีรัฐคุชราตได้แถลงถึงการตัดสินใจของตนแก่บรรดาตัวแทนที่มาร่วมประชุมสุดยอดนักลงทุน จากทั่วโลก ที่จัดขึ้นในรัฐคุชราต เป็นเวลา 2 วัน และย้ำว่าการก่อสร้างวัดจะมีขึ้นในเร็วๆนี้
นายโมดิยังประกาศด้วยว่า รัฐคุชราต มีเป้าหมายที่จะเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาพุทธศาสนาระดับโลก ที่มหาวิทยาลัยมหาราช สยาจิ ราโอ ในวาโดดารา โดยร่วมกับประเทศอื่นๆ
นายกฯรัฐคุชราตกล่าวว่า ชีวิตและอุดมการณ์ของพระพุทธเจ้ามีความหมาย และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราแสวงหาความหมายของชีวิต และช่วยนำพาให้เราเดินไปในวิถีทางที่ถูกต้อง
(จาก UNI)

ผ้าพระบฏขนาดยักษ์ของทิเบต
• จีน : เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวทิเบตในจีนได้ร่วมกันแขวนผ้าพระบฏขนาด ใหญ่ ซึ่งเรียกว่า “ทังกา” ไว้บนภูเขานอกพระอารามในเมืองตองเรน มณฑลชิงไห่ เพื่อจัดแสดงและเฉลิมฉลองเทศกาล สวดมนต์ครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดในพุทธศาสนาของทิเบต
(Reuters)

เปิดมหาเจดีย์ใหญ่ที่สุดในเอเชียที่มุมไบ
• อินเดีย : เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา นางประติภา ปาติล ประธานาธิบดีของอินเดีย ได้เป็นประธานในพิธีเปิดมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ณ นครมุมไบ เมืองศูนย์กลางการเงินและศูนย์รวมความบันเทิงของประเทศอินเดีย เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาสมาธิ และเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในอนาคต
พระเจดีย์ขนาดใหญ่มหึมาซึ่งตั้งอยู่ในย่านโกไร สูง 325 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 280 ฟุต องค์พระเจดีย์แบ่งเป็นชั้นๆ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ใช้เวลาเกือบ 11 ปีในการก่อสร้างจึงแล้วเสร็จ สิ้นค่าใช้จ่ายราว 750 ล้านรูปี
คินชุคผู้ประสานงานโครงการสร้างพระเจดีย์กล่าวถึงจุดประสงค์ในการสร้างว่า เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนา
“ผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ เพื่อจะได้มีชีวิตที่สงบสุข สามารถมาที่นี่ได้ และจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันวิเศษสุด”
ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารโครงการคาดว่า ทุกๆปีจะมีผู้ที่ศรัทธาและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อย่างน้อย 100,000 คนมาเยี่ยมชมพระเจดีย์องค์นี้
อนึ่ง สถานที่ที่ใช้ปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนามีขนาดกว้างเพียงพอที่จะรองรับคนมากกว่า 8,000 คน
(จาก ANI)

เจดีย์ดินสร้างสถิติ รวมของแปลก
• เวียดนาม : เจดีย์ดินเหนียวซึ่งสร้างถวายเป็นพุทธบูชาในจังหวัดซ็อกตรังของเวียดนาม ซึ่งมีชนกลุ่มน้อย หลายกลุ่มอาศัยอยู่นั้น อาจจะเป็นเจดีย์ ที่แปลกประหลาดที่สุดของเวียดนาม เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำให้เจดีย์ดินเหนียวนี้แตกต่างจากเจดีย์อื่นๆก็คือ ไม่เพียงแต่ตัวเจดีย์จะทำจากดินเท่านั้น แต่ทุกสิ่งที่อยู่ข้างใน ก็ทำมาจากดินเช่นกัน
เจดีย์องค์นี้เดิมทำด้วยไม้ สร้างมานานกว่า 2 ศตวรรษ โดยตระกูลโง้ว ซึ่งเป็นชาวจีนโดยกำเนิด ได้มีการบูรณะซ่อมแซมมาตลอด จนกระทั่งปี 1928 เมื่อทายาทรุ่นต่อมาที่ชื่อโง้ว คิม ตอง ตัดสินใจบูรณะเจดีย์ขึ้นใหม่โดยใช้ดิน เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย
เขาใช้เวลา 42 ปีในการบูรณะจนแล้วเสร็จ โดยเริ่มจากการขุดดินกองใหญ่ขึ้นมาตากแดดให้แห้ง แล้วบดด้วย มือจนเป็นผง นำมาร่อนเอาเศษตะกอนทิ้ง ก็จะเหลือผงดินบริสุทธิ์ จากนั้นนำมาผสมกับน้ำยาพิเศษ ซึ่งทำมาจากผงต้นว่าน และยางต้นอบเชย
นอกจากนั้น เขายังปั้นรูปปั้นมาก กว่า 1,900 ชิ้น หลากหลายรูปแบบ ทั้งใหญ่และเล็ก เช่น พระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ 100 กร 1,000 ตา รวมทั้ง รูปปั้นเทวดานางฟ้า เทพเจ้า และรูปปั้นขงจื่อ
ยิ่งไปกว่านั้น ตองได้สร้างเจดีย์ 13 ชั้น สูง 4 เมตร ตกแต่งด้วยมังกร 156 ตัว มีประตู 208 บาน แต่ละบานมีพระพุทธรูปองค์เล็กติดอยู่ เจดีย์องค์นี้มีชื่อเรียกว่า เทพ ดา บาว และเขายังสร้างเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม สูง 2 เมตร ชื่อเทพ บาว เต๋า
ส่วนเจดีย์ดินที่แปลกอีกองค์หนึ่ง คือ เจดีย์ที่ตกแต่งด้วยดอกบัว 1,000 กลีบ ซึ่งแต่ละกลีบมีพระพุทธรูปขนาดเล็กประดิษฐานอยู่
สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาเที่ยวชมเจดีย์ดินก็ คือ เทียนยักษ์ 8 เล่ม ที่ทำขึ้นในปี 1940 โดยมี 6 เล่มที่สูง 2.6 เมตร หนัก 200 กก. แม้ว่าจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพราะไม่เคยใช้ แต่เชื่อกันว่าสามารถจุดได้นาน 70 ปี ส่วนอีก 2 เล่มแม้จะเล็กกว่า เพราะหนักเพียงเล่มละ 100 กก. แต่ก็จุดให้แสงสว่างมานานเกือบ 40 ปีแล้ว โดยเริ่มจุดครั้งแรกในปี 1970 เมื่อตองเสียชีวิต และเทียนก็ยังส่องสว่างมาจนปัจจุบัน
อีกสิ่งหนึ่งซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจก็คือธูปยักษ์ 3 ดอก แต่ละดอกสูง 1.5 เมตร หนัก 50 กก. ซึ่งจุดมาจน ถึงปัจจุบัน
สิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์เหล่านี้ ทำให้เจดีย์ดินกลายเป็นสถานที่น่าไปเยือนมากที่สุดในจังหวัดซ็อกตรัง ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีเจดีย์และวัดมากกว่า 130 แห่ง ที่สร้างโดยชนกลุ่มน้อย 3 กลุ่มในจังหวัด
สำนักงานวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยวของจังหวัด รายงานว่า ในแต่ ละวันมีนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญราว 200 คนมาเยี่ยมชมพระเจดีย์แห่งนี้
ทั้งนี้ พุทธศาสนาได้เข้ามามีบทบาทในเวียดนามมากกว่า 2,000 ปี มีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธราว 10 ล้านคนจากประชากรทั้งสิ้น 85 ล้านคน
(จาก VNA)

สิงคโปร์จัดนิทรรศการพระพุทธรูปอายุกว่า 1,400 ปี
• สิงคโปร์ : พิพิธภัณฑ์อารยธรรมแห่งเอเชีย ซึ่งตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ได้จัดนิทรรศการประติมากรรมพระโพธิสัตว์และพระพุทธรูปก่าแก่ที่ แกะสลักจากหินปูน อายุราว 1,400 ปี
ในปี1996 นักโบราณคดีได้ค้นพบโบราณวัตถุสำคัญโดยบังเอิญ ที่เมืองชิงซูในมณฑลชานตงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ขณะที่คนงานก่อสร้างกำลังปรับระดับพื้นดินเพื่อสร้างสนามกีฬาโรงเรียนนั้น ต่างก็พากันประหลาดใจเมื่อพบหลุมซึ่งเต็มไป ด้วยประติมากรรมที่ทำมาจากหินมากกว่า 400 ชิ้น
ประติมากรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์และพระพุทธรูปซึ่งแกะสล้กจากหินปูน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 ช่วงระหว่างราชวงศ์เว่ยเหนือ เว่ยตะวันออก และฉีเหนือ โดยคาดว่าเหล่าพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนในท้องถิ่นร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อเป็นการสร้างกุศลไว้สำหรับชาติหน้า
นักโบราณคดีได้ค้นพบว่า บรรดาพระพุทธรูปที่แตกชำรุดถูกวางไว้อย่างดีในหลุม ตามแนวทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ส่วนขององค์พระถูกรักษาไว้อย่างดีตรงกลางหลุม ขณะที่ส่วนพระเศียรถูกวาง ไว้ตามขอบหลุม และชิ้นส่วนอื่นๆบรรจุไว้ในภาชนะดินเผา โดยก้นหลุมนั้นเป็นดินเหนียวและไม้ เมื่อดูจากวันที่บนเหรียญกษาปณ์ที่พบในหลุม บ่งบอกได้ว่าพระพุทธรูปเหล่านี้ถูกฝังไว้ในราวศตวรรษที่12 โดยไม่ทราบสาเหตุ
แม้พระพุทธรูปเหล่านี้ถูกฝังไว้ใต้ดินมานานกว่า 800 ปี แต่หลายองค์ยังคงมีร่องรอยของการทาสีและชุบทอง บ่งบอกให้เห็นถึงความงดงามดั้งเดิม ซึ่งแตกต่างจากพระพุทธรูปอื่นๆในสมัยเดียวกันของจีน
พระพุทธรูปทั้ง 35 องค์ที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ ถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความวิจิตรงดงามมากที่สุดใน บรรดาพระพุทธรูปซึ่งพบที่เมืองชิงซู
นิทรรศการนี้จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์เปรานากัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์อารยธรรมแห่งเอเชียในสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 16 มกราคมถึง 26 เมษายน 2009
(จาก Peranakan Museum)

คยาจัดขบวนแห่พระบรมสาริริกธาตุ
• อินเดีย : เมื่อต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา พระสงฆ์ พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยว ได้ร่วมในพิธีแห่พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก 2 องค์ คือพระโมคคัลลาน์และพระสารีบุตร ไปทั่วเมืองคยาใน อินเดีย
ขบวนแห่ประจำปีนี้ถือเป็นการเฉลิม ฉลองครบรอบ 2 ปีของการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศศรีลังกา โดยองค์ดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณ ของทิเบต มาประดิษฐานที่วัดสร้างใหม่ คือวัดชัยศรีมหาโพธิวิหาร ในเมืองคยา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นเวลา 3 วัน
“เราจัดขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าสักการะปีละครั้ง และนี่ถือเป็นปีที่ 2 แล้ว” พี เชวาลี เถโร ผู้ดูแลสมาคมมหาโพธิแห่งอินเดีย กล่าว
ทั้งนี้ นักโบราณคดีได้พิสูจน์แล้วว่า พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ล้วนเป็นองค์จริง
(จาก ANI)

พระผู้ทรงอิทธิพลของไต้หวันมรณภาพ
• ไต้หวัน : วัดนุงชาน ซึ่งอยู่ชานกรุงไทเปของไต้หวันแจ้งว่า พระอาจารย์ เช็งเย็น หนึ่งในพระเถระชื่อดังของไต้หวัน ได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคไตวาย เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ธัมมดรัม เมาท์เทน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงไทเป สิริรวมอายุได้ 80 ปี
ประธานาธิบดีหม่า หยิ่ง โจว ของไต้หวันกล่าวว่า ตนรู้สึกช็อคและเศร้าเสียใจเมื่อทราบข่าวการจากไปของพระอาจารย์เช็งเย็น พระเถระที่สามารถใช้ภาษาได้จับใจคนฟัง
“ท่านเป็นผู้สนับสนุนแนวคิดในการดูแลจิตวิญญาณ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องทางศาสนา แต่มันเป็นปรัชญาและทัศนคติในการใช้ชีวิต” หม่ากล่าวถึงความพยายามอย่างหนักของพระอาจารย์เช็งเย็นในการรณรงค์เรื่องการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสงบสุข
ปี 1988 พระอาจารย์เช็งเย็นได้รับการยกย่องจากนิตยสารชื่อดัง “Common Weath” ให้เป็น 1 ใน 50 คนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของไต้หวันในช่วง 400 ปีที่ผ่านมา
ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนพุทธศาสนา นิกายเซน ท่านมีลูกศิษย์เป็นคนมีชื่อเสียงมากมาย ในจำนวนนี้มี เจ็ต ลี นักแสดงศิลปะการต่อสู้แบบจีน และหลิน ไว มิน ผู้ก่อตั้งและผู้กำกับศิลป์ของโรงละครคลาวด์เกท รวมอยู่ด้วย
พระอาจารย์เช็งเย็นเกิดในมณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน บวชเป็นพระเมื่ออายุ 14 ปี ในปี 1949 ท่านได้เข้าร่วมรบกับกองทัพก๊กมินตั๋ง และได้ลี้ภัยพร้อมกับกองทัพไปอยู่ที่ไต้หวัน หลังจากพ่ายแพ้แก่กองกำลังจีนคอมมวนิสต์ในช่วงท้ายของสงครามกลางเมือง
พระอาจารย์เช็งเย็นบวชอีกครั้งในปี 1959 และออกจาริกไปทางตอนใต้ของไต้หวันเป็นเวลา 6 ปี ในปี 1971 ท่านสำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาโท และได้รับปริญญาเอกทางวรรณคดีพุทธศาสนาที่ญี่ปุ่นในปี 1975
ปี 1979 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดนุงชาน และในปี 1989 ได้ก่อตั้งมูลนิธิธัมมดรัม เมาท์เทน ซึ่งเป็นมูลนิธิทางด้านวัฒนธรรมและการศึกษาระหว่างประเทศ
(AFP)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 100 มี.ค. 52 โดยเภตรา)
กำลังโหลดความคิดเห็น