xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมปฏิบัติ : คุณของศีล (ต่อจากฉบับที่แล้ว)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถ้าเข้าใจถูกต้องว่าพระพุทธศาสนาเป็นเหมือนกับหัวใจของเรา เราจะดำรงชีพอยู่ได้ก็เพราะอาศัยคุณของพระศาสนา ฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเราโดยเฉพาะที่จะต้องบำรุงพระศาสนาทุกๆ วิถีทาง ศีลก็เป็นเส้นโลหิตใหญ่เส้นหนึ่ง ซึ่งเราจะงดเว้นไม่รักษาเสียเลยย่อมไม่ได้ เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว บวชอยู่หรือสึกออกไป แม้แต่เป็นฆราวาส อยู่ การที่รักษาศีลตามภูมิของตนๆ ย่อมไม่เป็นของแปลก จรรยามารยาทและคุณธรรมอย่างอื่น อันจะเป็นเครื่องเทอด ทูนพระศาสนาให้ถาวรวัฒนา ย่อมกระทำได้โดยความเต็มใจ สมกับปราชญ์ฝ่ายพม่าเขากล่าวว่า “พระสงฆ์เป็นเหมือนพี่เลี้ยง” คือเลี้ยงรักษาพระศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เจริญถาวรอยู่ได้นั่นเอง
ทาน การสละสิ่งของของตนเพื่อประโยชน์แก่คนอื่น เป็นของมีอยู่ประจำโลก แต่ก่อนพระพุทธเจ้ายังไม่มาตรัสรู้เผยแพร่คำสอนของพระองค์ก็มีอยู่แล้ว ทานจึงไม่เป็นของแปลกอะไรเลย ผู้จะเข้าขอบเขตเป็นพระในพระพุทธศาสนา เริ่มแต่มีศีล ๕ เป็นต้นไป จึงจะเรียกว่าพระ ในที่นี้ผู้มีศีล ๕ เป็นต้นมั่นคงดีแล้ว หากยังไม่ถึงอริยภูมิก็เป็นพระกัลยาณปุถุชนได้ จึงสมกับที่ได้อธิบายมาแล้วในตอนต้นว่า ศีล เป็นเหมือนมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
ถ้าเข้าขั้นอริยภูมิ มีพระโสดาบันเป็นต้น จะไม่ยอมให้ศีลของตนขาดเลย แม้ชีวิตก็ยอมสละแทน ศีลชนิดนี้ท่านจึงเรียกว่าอริยทรัพย์ เพราะศีลเป็นของมีคุณค่ามาก แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อศีลได้ ทรัพย์สินเงินทองของภายนอก แม้แต่ชีวิตร่างกายเป็นของหาได้ง่าย เกือบจะว่าไม่ต้องหาเสีย ด้วยซ้ำไป และเป็นของหาสาระมิได้ด้วย หากบุญกรรมกิเลส ยังมีอยู่แล้ว เกิดได้เสมอ ไม่เสื่อมสูญไปไหน ทรัพย์สมบัติก็มีพร้อมในที่นั้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ของเรา เป็นของสำหรับโลก คนเกิดมาอายุยืนนาน สมบัติข้าวของยิ่งสะสมมาก ก็มีแต่จะเพิ่มทวีความยุ่งยากขึ้นทุกที ถ้าปราศจากศีลอย่างเดียวแล้ว หาความสุขมิได้เลย ศีลมีผลให้เกิดทั้งความสุขด้วยเป็นของถาวรปราศจากเวรภัย ไม่มีใครจะมาลักขโมยเอาไป ด้วยเป็นของจีรังฝังไว้แน่นดีแล้วในกายในใจของใคร ผู้นั้น เกิดมาแม้มีอายุไม่นานมีสมบัติน้อย ก็จะค่อยทวีคูณความดีอันเป็นต้นเหตุให้ผลิตผล มีอายุและสมบัติเป็นต้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าให้เจริญถาวรวัฒนาต่อไป
ผู้รักษาศีลจะมากมายสักปานใด ก็ไม่เคยทำลายและเบียดเบียนศีล ตลอดถึงทรัพย์สมบัติของคนอื่นให้สูญเสียสิ้นเปลืองไปเลย จึงจัดได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่จน
ไม่เหมือนผู้แสวงหาทรัพย์สมบัติภายนอก แม้แต่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันจะถูกหรือแพงก็ยังต้องร้องขอต่อรองกันอยู่เสมอ ถึงผู้ได้ได้ไปด้วยความยินยอม แต่ก็ไม่พ้นจากการข่มขืนเบียดเบียนน้ำใจของผู้ให้ ฉะนั้น ถึงจะมีมากก็นับว่ายังเป็น ผู้จนอยู่ด้วยความพร่อง ความไม่พอ ความหิวกระหาย เราจะเห็นตัวอย่างชัด บางคนมีสมบัติข้าวของเงินทองมากเหลือใช้เหลือกิน แต่ตนเองไม่กล้านำเอาสมบัติเหล่านั้นออกมาใช้จ่าย แม้แต่จะนำเอามาบริโภคใช้สอยส่วนตัวก็ไม่อิ่มไม่พอ แต่การสะสมแสวงหายังเพิ่มทวีขึ้นอยู่เรื่อยๆ
เมื่อรู้จักคุณค่าและประโยชน์ของศีลดังแสดงมาแล้ว ขอให้พวกเราทั้งหลายจงพากันชำระศีลของตนให้บริสุทธิ์ อย่าให้ขาดวิ่นและด่างพร้อย จนเป็นอริยกันตศีล ตัวของเรา ผู้อันอริยกันตศีลบำรุงรักษาแล้ว ก็จะกลายเป็นอริยกันตบุคคล ไปด้วย
ศีลเป็นเบื้องต้น ก้าวแรกแห่งการทำความดีของพุทธมามกะ เข้ากับหลักที่ว่า อาทิกัลยาณัง ศีลงามในเบื้องต้น ใครจะเป็นองค์พระเณร อุบาสกอุบาสิกาได้ ก็จะมีศีลเป็นเครื่องวัด
ศีลเป็นบ่อเกิดแห่งกัลยาณธรรมทั้งหลาย เมื่อศีลมี ศีลตั้งมั่นลงในกาย วาจา ใจ ของใครแล้ว กาย วาจา ใจ ของผู้นั้นเบื้องต้นมีกัลยาณธรรม คือความสงบเสงี่ยม เรียบร้อย น่าคบค้าสมาคม พูดจาน่ารักเป็นสุภาษิตควรคิดและควรนำไปปฏิบัติตามเป็นต้น ต่อนั้นไปธรรมทั้งหลาย มีพรหมวิหารเป็นต้น ก็จะพอกพูนไหลเข้ามานอนเนื่องปรากฏอยู่ใน ใจของผู้มีศีล ศีลไม่สักแต่ว่าเป็นบ่อเกิดแห่งกัลยาณธรรม เท่านั้น แต่ยังคุ้มครองรักษากัลยาณธรรมนั้นๆ ไว้ได้อีกด้วย เหมือนแม่ไก่กับลูกไก่ฉะนั้น ศีลเป็นหัวหน้าพาธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลทั้งปวงให้เดินถูกทาง คือผู้มีศีลเป็นพื้นอยู่แล้ว ธรรมทั้งหลาย เช่น ความละอายบาป ความกลัวบาป ความสละ เป็นต้น ก็ตามมา สนับสนุนเป็นกำลังเป็นบริวารห้อมล้อมในศีล ศีลก็สมบูรณ์บริบูรณ์เพิ่มพูนกำลังขึ้น
เมื่อเรารู้คุณค่าของศีล ซึ่งเกิดมีขึ้นในตนของตนจนหาย สงสัยแล้ว ก็จะไม่แสวงหาศีลในที่อื่น เพิ่มพูนบำรุงศีลที่มีอยู่ในตัวของตน จนเป็นอริยกันตศีล ก็จะเกิดความอิ่มใจ ภูมิใจในศีลของตน ต่อจากนั้นความสงบภายในใจก็จะเกิด ขึ้น แล้วจิตก็แน่วแน่ตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมนั้น จิตที่ตั้งมั่น ดีแล้ว ย่อมมองเห็นสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าตามเป็นจริง จนหายความสงสัยอันเป็นเหตุให้อุทานว่า อะไรหนอๆ เป็นอันว่าเราเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้ว เราจะอยู่ไหน ไปไหน ทำอะไรอยู่ พระธรรมย่อมติดตามตัวของเราไปในที่ทุกสถาน เราบริโภคอาหารก็บริโภคเพื่อพระธรรม จะนุ่งห่มก็หุ้มห่อพระธรรม ผู้ที่มามีความรู้สึกมีสติระลึกได้อย่างนี้แล้ว ย่อมไม่สามารถปล่อยตัวให้กิเลสบาปธรรม นำเอาพระธรรมคำสอนอันนี้ไปหมกตม (คืออกุศลธรรม)ได้ สมกับพุทธภาษิตว่า
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี
ธรรมที่ปฏิบัติอยู่นั่นแล ย่อมเป็นเครื่องปกป้องรักษาผู้ปฏิบัติเอง
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ
ผู้ปฏิบัติธรรมถูกต้องดีแล้วให้เกิดสุข

เมื่อเราได้รับความสุขในปัจจุบันเพราะปฏิบัติชอบในปรายภพข้างหน้าเราก็ไม่ต้องสงสัย

(แสดงธรรม ณ วัดเจริญสมณกิจ จ.ภูเก็ต วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๖)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 94 ก.ย. 51 โดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย)
กำลังโหลดความคิดเห็น