xs
xsm
sm
md
lg

อสีติมหาสาวก ; ตอนที่ ๔๖ กลุ่มพระชาวแคว้นสักกะ (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การบรรลุธรรม
พระนันทะ โดยเหตุที่ออกบวชด้วยความไม่เต็มใจ ใจของท่านยังกังวลอยู่กับคู่อภิเษกสมรส คำร้องวิงวอนให้รีบกลับของนางยังคงดังก้องหูอยู่ แม้ว่าบัดนี้จะจากมาอยู่ห่างไกลถึงวัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถีแล้วก็ตาม ก็หาได้ลดความคิดถึงลงไปได้ไม่ ตรงกันข้ามกลับทวีความคิดถึงมากยิ่งขึ้น จนไม่มีแก่ใจที่จะบำเพ็ญสมณธรรม และวันหนึ่งท่านได้บอกแก่เพื่อนพระว่า “ผมจะสึก”
พระพุทธเจ้าทรงทราบความข้อนั้น จึงรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าแล้วตรัสถามถึงเหตุผล ท่านได้กราบทูลโดยไม่ปิดบังว่า
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า วันที่พระองค์ทรงพาข้าพระองค์ออกจากพระตำหนักนั้น นางชนบทกัลยาณีคู่อภิเษกของข้าพระองค์เห็น ทั้งๆที่นางกำลังเกล้าผมได้เพียงครึ่งเดียว แต่ด้วยความห่วงใย จึงรีบวิ่งกลับมาร้องบอกข้าพระองค์ให้รีบกลับ ภาพของนางติดตาตรึงใจของข้าพระองค์มาตลอดเวลา จึงทำให้ข้าพระองค์ไม่สงบพอที่จะบำเพ็ญสมณธรรมได้ ด้วยเหตุนี้แหละพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์จึงอยากสึก”
พระพุทธเจ้าทรงเข้าใจความรู้สึกของท่านได้ดี พระองค์มิได้ตรัสอะไร แต่จับแขนท่านแล้วใช้พลังฤทธิ์นำท่านเหาะไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ระหว่างทางที่เสด็จไปนั้นพระองค์ทรงชี้ให้ท่านดูนางลิงตัวหนึ่ง ซึ่งมีหูแหว่งจมูกวิ่นและหางด้วน กำลังนั่งจับเจ่าอยู่บนตอไม้ที่ถูกไฟไหม้เกรียมอยู่ในนาแห่งหนึ่ง จากนั้นเมื่อเสด็จถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว ก็ทรงชี้ให้ท่านดูนางฟ้า ๕๐๐ นาง ผู้มีเท้าแดงดุจนกพิราบที่กำลัง มาเข้าเฝ้าท้าวสักกะ พระนันทะมองดูนางฟ้าเหล่านั้นด้วยความสนใจ พระพุทธเจ้าทรงตรวจดูความคิดของท่านตลอดเวลา เมื่อทรงเห็นเป็นโอกาสอันเหมาะจึงตรัสถาม
“นันทะ ระหว่างนางชนบทกัลยาณีกับนางฟ้าทั้ง ๕๐๐ นาง ที่เธอเห็นเมื่อสักครูนี้ ใครสวยกว่ากัน”
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า” ท่านกราบทูล “ระหว่างนางชนบทกัลยาณีกับนางฟ้า ๕๐๐ นางเมื่อเทียบกันแล้ว นางชนบทกัลยาณีของข้าพระองค์ก็ไม่ต่างอะไรจากนางลิงบนตอไม้”
คำตอบนี้แสดงให้เห็นว่า บัดนี้พระนันทะคลายความคิดถึงนางชนบทกัลยาณีไปได้แล้ว โดยขณะนี้ความสนใจมาจับอยู่ที่นางฟ้า ๕๐๐ นางแทน พระพุทธเจ้าทรงทราบดีถึงความรู้สึกของท่าน จึงตรัสแบบให้ความหวังว่า
“นันทะ เชิญสำราญให้เต็มที่เถิด ตถาคตขอรับประกันว่า เธอจะได้นางฟ้าเหล่านั้นแน่ แต่ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ได้ก่อน”
ข้อเสนอของพระพุทธเจ้าแม้จะมีเงื่อนไข แต่พระนันทะ ก็เต็มใจรับ ทั้งนี้เป็นด้วยความหวังว่าจะได้นางฟ้ามาเชยชม ดังนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าทรงพาท่านกลับลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท่านจึงขะมักเขม้นบำเพ็ญสมณธรรม
พระในวัดเชตวัน ทราบถึงการบำเพ็ญสมณธรรมอย่างเอาจริงเอาจังของท่านว่ามีเงื่อนไขที่จะได้นางฟ้าเป็นข้อผูกพัน จึงพากันเรียกท่านเชิงสัพยอกว่า “คนรับจ้าง” บ้าง “คนมีค่าไถ่” บ้าง เมื่อถูกเรียกบ่อยๆเข้า ท่านรู้สึกละอายใจ จึงหลีกออกจากหมู่คณะไปอยู่ตามลำพัง
ท่านคิดอยู่เสมอที่จะเปลื้องตนไปจากคำเรียกเป็นเชิงสัพยอกนั้น จึงเร่งบำเพ็ญเพียร และไม่ช้านักก็ได้บรรลุอรหัตผล และทันทีที่ได้บรรลุอรหัตผลนั้นท่านก็รู้แจ้งว่า ท่านได้เปลื้องตนให้พ้นไปจากวาทะว่า “คนรับจ้าง” และ “คนมีค่าไถ่” ได้แล้วโดยสิ้นเชิง
พระราหุล เป็นผู้ที่ใคร่ต่อการศึกษาอย่างมากนับตั้งแต่วันที่บวช ท่านจะลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ กอบทรายมาเต็มกำมือแล้วตั้งจิตปรารถนา ขอให้ได้รับคำแนะนำพร่ำสอนมากเท่าเมล็ดทรายจากพระพุทธเจ้าและจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ตามหลักฐานระบุว่า ก่อนบรรลุอรหัตผล ท่านยังเป็นเด็กชอบพูดเล่น พระพุทธองค์จึงทรงสอนท่านให้สำรวมในการพูด ความว่า
บุคคลผู้ไม่มีความละอายในการพูดเท็จทั้งที่รู้ตัวอยู่
ย่อมทำบาปกรรมได้ทุกอย่าง
ฉะนั้น ต้องสำเหนียกเสมอว่า
จักไม่กล่าวเท็จ แม้เพียงประสงค์จะให้หัวเราะเล่น

ครั้งที่ ๒ เมื่อท่านอายุได้ ๑๘ ปี พระพุทธเจ้าทรงมีพระประสงค์จะบ่มปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ของท่านให้แก่กล้า จึงตรัสสอน ความว่า
รูปทุกชนิดทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน
ทั้งที่มีอยู่ภายในหรือภายนอก ทั้งที่หยาบหรือละเอียด
ทั้งที่ทรามหรือประณีต ทั้งที่อยู่ใกล้หรือไกล
เธอพึงพิจารณารูปทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญาชอบ
ตามความเป็นจริงว่า นั่นไม่ใช่ของเรา
เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา

ครั้งที่ ๓ เมื่อท่านมีอายุ ๒๐ ปี พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า ปัญญาของท่านแก่กล้าแล้ว จึงตรัสเตือนให้ท่านทำทุกข์ให้หมดสิ้นให้ได้ ความว่า
เธอละกามคุณ ๕ ที่น่ารักใคร่ชอบใจ
ออกจากเรือนมาด้วยศรัทธา จงทำทุกข์ให้สิ้นไปให้ได้
จงคบกัลยาณมิตร จงอยู่ในเสนาสนะที่สงบสงัด
ปราศจากเสียงอึกทึกครึกโครม
จงรู้จักฉันอาหารแต่พอประมาณ
อย่าติดใจในจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
จงอย่ากลับมาสู่โลกนี้อีก
จงสำรวมในพระปาฏิโมกข์และในอินทรีย์ ๕
จงมีสติอยู่กับตัว จงมากด้วยความเบื่อหน่าย
จงเว้นนิมิตรอันสวยงามที่ประกอบด้วยราคะ
จงอบรมจิตให้มั่นคง
แน่วแน่ในความสำคัญว่าไม่สวยไม่งาม
จงอบรมจิตให้ไม่มีนิมิตร
จงถอนความถือตัว อันเป็นกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานให้ได้

เพราะเมื่อละความถือตัวได้แล้ว เธอจักจาริกไปอย่างสงบ
พระราหุลฟังพระพุทธเจ้าสอนพลางพิจารณาตามพลาง เมื่อจบพระธรรมเทศนา ท่านก็ได้บรรลุอรหัตผล
(อ่านต่อฉบับหน้า)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 94 ก.ย. 51 โดย ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ)
กำลังโหลดความคิดเห็น