ครั้งที่ 73
ผู้ไม่รู้อริยสัจจ์ ย่อมไม่อาจบรรลุสันติสุข
พระศาสดาเสด็จออกไปกับสามเณรติสสะ ตรัสถามสามเณรเนืองๆ ว่า สถานที่นี้ ชื่อไร? สถานที่นี้ชื่อไร? สามเณรทูลตอบว่า สถานที่นี้ชืิ่อนี้ สถานที่นี้ชื่อนี้พระเจ้าข้าฯ
พระศาสดาเสด็จมาถึงที่อยู่ของสามเณรแล้วเสด็จขึ้นภูเขา เมื่อเสด็จขึ้นถึงยอดเขาแล้วทอดพระเนตรเห็นมหาสมุทรอยู่เบื้องพระพักตร์ พระศาสดาตรัสถามสามเณรว่า ยืนอยู่บนยอดเขาเห็นอะไร?
"เห็นมหาสมุทร พระเจ้าข้า" สามเณรทูลตอบ
"เห็นมหาสมุทรแล้วคิดอะไรบ้าง?" พระศาสดาตรัสถาม
"ข้าพระองค์คิดว่า "น้ำตาของสัตว์ผู้มีทุกข์ ร้องไห้อยู่มีมากกว่าน้ำในมหาสมุทร" พระเจ้าข้า"
พระศาสดาทรงสาธุการว่า
"ถูกแล้วติสสะ ข้อนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆ สัตว์ผู้ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ ต้องประสบทุกข์ร้องไห้ แต่ละคนมีน้ำตามากกว่าน้ำในมหาสมุทร" ดังนี้แล้วทรงย้ำว่า
"น้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ยังมีน้อยไปเมื่อเทียบกับน้ำตาของสัตว์ผู้ประสบทุกข์แล้วคร่ำครวญ เมื่อเป็นดังนี้ ทำไมหนอเพื่อนร่วมทุกข์ จึงยังประมาทกันอยู่"
ดูก่อนท่านผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์! คนทั้งหลายยังประมาท เพลิดเพลิน หลงใหลกันอยู่ ก็เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริงว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ โดยเฉพาะสาเหตุขั้นมูลฐาน ไม่รู้ว่าอะไรคือความดับทุกข์ และอะไรคือทางนำไปสู่ความดับทุกข์ ส่วนมากเข้าใจผิดยึดเอาสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ส่วนเหตุแห่งสุขก็เขวไปว่าเป็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อมีความดำริผิดเป็นทางดำเนิน เช่นนี้ก็ไม่อาจบรรลุหรือพบทางแห่งสันติสุขได้ มีแต่ทุกข์เป็นเบื้องหน้า
พระศาสดาตรัสถามสามเณรอีกว่า เธออยู่ที่เงื้อมไหน?
"อยู่ที่เงื้อมนี้ พระเจ้าข้า สามเณรทูลตอบ"
"เมื่ออยู่ที่เงื้อมนั้นเธอคิดอย่างไร?"
"ข้าพระองค์คิดว่า "เมื่อข้าพระองค์เวียนเกิดเวียนตายอยู่ สรีระอันถูกทิ้งแล้ว ณ ที่นี้มีจำนวนมากจนกำหนดไม่ได้" พระเจ้าข้า"
"ถูกแล้วติสสะ" พระศาสดาประทานสาธุการ "ข้อที่เธอกล่าวนั้นชอบแล้ว
ในผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ สถานที่ที่สัตว์ไม่เคยทิ้งสรีระ ไม่เคยนอนตายนั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย" ดังนี้แล้วตรัสเล่าเรื่องในอดีตว่า
"พราหมณ์คนหนึ่งชื่ออุปสาฬหกะ ถูกเผาแล้วตรงนี้หมื่นสี่พันครั้ง สถานที่ที่สัตว์ไม่เคยตายไม่มีในโลก (นตฺถิโลเก อนามตํ) สัจจะ 1 ธรรม 1 ความไม่เบียดเบียน 1 ความสำรวม 1 ความฝึกตน หรือฝึกอินทรีย์ 1 มีอยู่ ณ ที่ใด พระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมพอใจอยู่ ณ ที่นั้น นั่นแหละคือที่ที่สัตว์ไม่เคยตายในโลก"
ดูก่อนท่านผู้แสวงหามรรคาแห่งอมตะ ! เมื่อสัตว์ทั้งหลายท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏอันยาวนานนี้ จะตายในที่ที่สัตว์ไม่เคยตายนั้นไม่มีเลย พื้นที่ทุกส่วนของปฐพีอันกว้างใหญนี้ ล้วนเป็นที่ที่สัตว์เคยทอดทิ้งสรีระทั้งสิ้น สัตว์ทั้งหลายตายแล้วตายเล่าทับถมกันอยู่ในแผ่นดินนี้
สาเหตุอันแท้จริงของความตาย หาใช่สิ่งอื่นไม่ มันคือความเกิดนั่นเอง สาเหตุของความเกิดก็คือภพ หรือความกระหายใคร่เกิด สาเหตุของภพคืออุปาทานความยึดมั่นอยู่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง สาเหตุของอุปาทานคือตัณหา หรือความทะยานอยาก มีประการต่างๆ
ผู้ไม่รู้อริยสัจจ์ ย่อมไม่อาจบรรลุสันติสุข
พระศาสดาเสด็จออกไปกับสามเณรติสสะ ตรัสถามสามเณรเนืองๆ ว่า สถานที่นี้ ชื่อไร? สถานที่นี้ชื่อไร? สามเณรทูลตอบว่า สถานที่นี้ชืิ่อนี้ สถานที่นี้ชื่อนี้พระเจ้าข้าฯ
พระศาสดาเสด็จมาถึงที่อยู่ของสามเณรแล้วเสด็จขึ้นภูเขา เมื่อเสด็จขึ้นถึงยอดเขาแล้วทอดพระเนตรเห็นมหาสมุทรอยู่เบื้องพระพักตร์ พระศาสดาตรัสถามสามเณรว่า ยืนอยู่บนยอดเขาเห็นอะไร?
"เห็นมหาสมุทร พระเจ้าข้า" สามเณรทูลตอบ
"เห็นมหาสมุทรแล้วคิดอะไรบ้าง?" พระศาสดาตรัสถาม
"ข้าพระองค์คิดว่า "น้ำตาของสัตว์ผู้มีทุกข์ ร้องไห้อยู่มีมากกว่าน้ำในมหาสมุทร" พระเจ้าข้า"
พระศาสดาทรงสาธุการว่า
"ถูกแล้วติสสะ ข้อนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆ สัตว์ผู้ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ ต้องประสบทุกข์ร้องไห้ แต่ละคนมีน้ำตามากกว่าน้ำในมหาสมุทร" ดังนี้แล้วทรงย้ำว่า
"น้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 ยังมีน้อยไปเมื่อเทียบกับน้ำตาของสัตว์ผู้ประสบทุกข์แล้วคร่ำครวญ เมื่อเป็นดังนี้ ทำไมหนอเพื่อนร่วมทุกข์ จึงยังประมาทกันอยู่"
ดูก่อนท่านผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์! คนทั้งหลายยังประมาท เพลิดเพลิน หลงใหลกันอยู่ ก็เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริงว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ โดยเฉพาะสาเหตุขั้นมูลฐาน ไม่รู้ว่าอะไรคือความดับทุกข์ และอะไรคือทางนำไปสู่ความดับทุกข์ ส่วนมากเข้าใจผิดยึดเอาสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ส่วนเหตุแห่งสุขก็เขวไปว่าเป็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อมีความดำริผิดเป็นทางดำเนิน เช่นนี้ก็ไม่อาจบรรลุหรือพบทางแห่งสันติสุขได้ มีแต่ทุกข์เป็นเบื้องหน้า
พระศาสดาตรัสถามสามเณรอีกว่า เธออยู่ที่เงื้อมไหน?
"อยู่ที่เงื้อมนี้ พระเจ้าข้า สามเณรทูลตอบ"
"เมื่ออยู่ที่เงื้อมนั้นเธอคิดอย่างไร?"
"ข้าพระองค์คิดว่า "เมื่อข้าพระองค์เวียนเกิดเวียนตายอยู่ สรีระอันถูกทิ้งแล้ว ณ ที่นี้มีจำนวนมากจนกำหนดไม่ได้" พระเจ้าข้า"
"ถูกแล้วติสสะ" พระศาสดาประทานสาธุการ "ข้อที่เธอกล่าวนั้นชอบแล้ว
ในผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ สถานที่ที่สัตว์ไม่เคยทิ้งสรีระ ไม่เคยนอนตายนั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย" ดังนี้แล้วตรัสเล่าเรื่องในอดีตว่า
"พราหมณ์คนหนึ่งชื่ออุปสาฬหกะ ถูกเผาแล้วตรงนี้หมื่นสี่พันครั้ง สถานที่ที่สัตว์ไม่เคยตายไม่มีในโลก (นตฺถิโลเก อนามตํ) สัจจะ 1 ธรรม 1 ความไม่เบียดเบียน 1 ความสำรวม 1 ความฝึกตน หรือฝึกอินทรีย์ 1 มีอยู่ ณ ที่ใด พระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมพอใจอยู่ ณ ที่นั้น นั่นแหละคือที่ที่สัตว์ไม่เคยตายในโลก"
ดูก่อนท่านผู้แสวงหามรรคาแห่งอมตะ ! เมื่อสัตว์ทั้งหลายท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏอันยาวนานนี้ จะตายในที่ที่สัตว์ไม่เคยตายนั้นไม่มีเลย พื้นที่ทุกส่วนของปฐพีอันกว้างใหญนี้ ล้วนเป็นที่ที่สัตว์เคยทอดทิ้งสรีระทั้งสิ้น สัตว์ทั้งหลายตายแล้วตายเล่าทับถมกันอยู่ในแผ่นดินนี้
สาเหตุอันแท้จริงของความตาย หาใช่สิ่งอื่นไม่ มันคือความเกิดนั่นเอง สาเหตุของความเกิดก็คือภพ หรือความกระหายใคร่เกิด สาเหตุของภพคืออุปาทานความยึดมั่นอยู่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง สาเหตุของอุปาทานคือตัณหา หรือความทะยานอยาก มีประการต่างๆ