xs
xsm
sm
md
lg

มองปัญหาด้วยปัญญา: การรวมจิตกับปราณชำระไขกระดูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปุจฉา
ทำบุญอย่างไร
ถึงได้เกิดเป็นมนุษย์


กราบเรียนถามพระคุณเจ้า หลวงปู่พุทธะอิสระ ดิฉันเป็น คนชอบทำบุญสุนทาน สร้างกุศล ผลบุญ ตายไปจะได้ไม่ลำบาก ชาติหน้าจะได้สบาย แต่ดิฉันก็มี ข้อสงสัยอยากจะขอปุจฉาหลวงปู่ สัก 2 ข้อ คือ

1. ดิฉันทราบว่าการเกิดเป็นมนุษย์ สามารถสร้างบุญกุศลได้มากกว่าเทวดา และยังบรรลุธรรมได้ด้วย ดิฉันคิดว่าชาตินี้ตัวเองคงยังไม่มีโอกาสบรรลุธรรม ดังนั้น หากว่าดิฉันจะต้อง กลับมาเกิดอีก ดิฉันก็อยากเกิดเป็นมนุษย์ เลยอยากทราบว่าจะต้องทำบุญอย่างไรถึงจะได้เกิดเป็นมนุษย์ และข้อ

2. สมมติว่าวันนี้ดิฉันทำบุญด้วย การบริจาคเงินร่วมสร้างโบสถ์ สร้างพระ แต่ยังไม่ได้อุทิศบุญกุศล รุ่งเช้าจะสามารถอุทิศได้หรือไม่คะ และถ้าตอนเย็นอยาก อุทิศอีกจะทำได้ไหม เพราะเคยได้ยินบางคนบอกว่า ไม่จำเป็นต้องอุทิศบ่อยๆ และการอุทิศผลบุญนี้จะได้อานิสงส์อย่างไร ขอความเมตตาหลวงปู่ช่วยวิสัชนาให้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ

วิสัชนา

1. รักษาศีล 5 เจริญภาวนา แผ่เมตตา และปฏิบัติธรรม เหล่านี้เป็นเหตุปัจจัยของการเกิดเป็นคน

2. อุทิศทั้งปีก็ได้ ถ้าคุณนึกขึ้นมาได้ หรือเห็นคนอื่นเขาทำ คุณก็ช่วยเขาอุทิศก็ได้ เพราะการอุทิศผลบุญเป็นเรื่องดี เจริญได้ทุกนาทียิ่งดีใหญ่ เพราะถือเป็น การเจริญเมตตา พระศาสดาทรง สอนให้เราเจริญเมตตาแค่ชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็มีอานิสงส์มากมายมหาศาล เพราะเงินที่ว่าได้มายากแล้ว กว่าที่จะได้มา ต้องเสียหยาดเหงื่อแรงงาน เรายังกล้าสละให้เพื่อแลกมาซึ่งคำว่าบุญ เมื่อได้บุญมาแล้วก็กล้าที่จะสละแบ่งปันบุญที่ได้มายากนั้นให้แก่ผู้คนและสรรพสัตว์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ให้ได้ยาก ทำได้ยาก เมื่อทำได้ก็ถือเป็นเรื่องดี พระพุทธเจ้าทรงยกย่องสรรเสริญ ผู้รู้ทั้งหลายก็นิยมชมชอบ

ผู้ที่เจริญบุญ แบ่งบุญ แล้วก็แผ่เมตตา รวมทั้งอุทิศส่วนบุญ ให้แก่คนทั้งหลาย ผิวหน้าจะผ่องใส แววตาจะสดใส ปัญญาจะเจริญงอกงาม ทำต่อไปก็แล้วกัน ไม่ต้องคิดว่าเราทำน้อย แล้วมาอุทิศทั้งวันทั้งคืน เพราะการมีจิตที่เป็นพื้นฐานในส่วนกุศล เรียกว่ากุศลมูลจิต ดีกว่ามีจิตที่เป็นโลภะ โทสะ โมหะ

ปุจฉา
การชำระไขกระดูก


กราบนมัสการหลวงปู่ครับ ผมได้ฝึกหัดดูลมหายใจของหลวงปู่โดยสูดลมหายใจ แล้วอัดไว้ให้เต็มอกจนกระทั่งทั่วอก แล้วผ่อนออกมา ทำมา 5 เดือน จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งทำเช่นเดิมไปจน 15 นาที เกิดลมออกแล้วไม่ต้องเอาเข้าก็แปลกใจทำไมเป็นเช่นนั้น แต่ก็ปล่อย ตามเรื่อง และตามดูต่อไป วันถัดไปก็มีความหวั่นว่าลมออกจนแฟบ ไม่ต้องหายใจเข้า แต่มี ลมออกตลอด ตามดูมีความรู้สึกว่า สิ่งที่ออกมาเป็นลมที่เก็บกดอยู่ภายในจากความ เครียดเรื่องต่างๆ รู้สึกเป็นลมปราณอีกชั้นหนึ่งที่จะต้อง ขับออกให้หมดไป ทำเช่นนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าสิ่งที่ คั่งค้างหมดไป ทั้งลมที่คั่งค้างตามส่วนต่างๆ และเสมหะ ก้อนโตๆ

ประมาณหนึ่งอาทิตย์ เริ่มจับความรู้สึกว่าลมที่เข้าทางปกตินั้น ได้เข้าทางรูขุมขนบนศีรษะด้วย เพราะรู้สึกว่าเส้นผม ขยับเขยื้อนในขณะลมค่อยๆ เข้าอย่างช้าๆ ลมที่เข้าตามรูขุมขน จะช้ามากกว่าลมหายใจเข้าตามปกติแต่ไม่อึดอัด กลับรู้สึกอิ่มแน่นสบาย มีพละกำลังอยู่ที่หน้าอกเต็มเปี่ยม แต่นุ่มนวลเหมือนพร้อมจะทำอะไรก็ได้ จากนั้น ทำมาตลอด 9 เดือน จึงได้ไปบวชช่วง 73 พรรษากับทางวัดถวายเป็นพระราชกุศล เสร็จแล้วกลับมาทำต่อที่บ้าน พร้อมกับสวดมนต์ เช้า-เย็น และรู้สึกลมหายใจที่ออกมากับการสวดมนต์นี้จะโล่งโปร่งในหน้าอก โดยเฉพาะช่วงสวดบทสหัสนัย ก็ทำมาเรื่อย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ใช้วิธีที่ไม่ต้องสูดลมหายใจเข้านี้ (ลมเข้าทางส่วนอื่นคือศีรษะ รักแร้ รูทวาร หรือหน้าอก) เป็นวิธีปรับภายในให้สะอาดแล้วลองเอาจิตไปตั้งอยู่ที่กลางสมอง รู้สึกเหมือนอิสระ และรู้สึกแนบแน่นกว่าสมัยก่อนที่ไม่เคยฝึกลมหายใจของหลวงปู่

กราบขอคำแนะนำในวิธีปฏิบัติ เพราะรู้สึกว่าการทำฐานที่ 1 นี้ยังไม่ถึงที่สุด อยากจะปฏิบัติให้ก้าวหน้า และถูกต้อง

อยากถามว่า มีอะไรที่ต้องแก้ไข หรือเพิ่มเติม ขอหลวงปู่โปรดเมตตาชี้แนะด้วยครับ

วิสัชนา

ดีใจด้วยที่คุณมีความสำเร็จในการรวมจิตกับปราณเข้าด้วยกัน อาการที่คุณเป็นเขาเรียกตามภาษาผู้ฝึกปราณว่า ชำระไขกระดูก เป็นสภาวะการขับไล่สิ่งที่เป็นมลพิษภายใน

ส่วนที่คุณถามฉันว่า จะทำ อย่างไรต่อไป จนถึงขั้นเข้าสู่ฐานที่ 1 ของวิชาลมเจ็ดฐาน ฉันเคยบอกกับคุณแล้วว่า ฉันมิใช่คนชอบสอน แต่เป็นคนชอบทำ โดยเฉพาะวิชาลมเจ็ดฐาน คนอยู่กับฉันมา 20 ปีฉันยังไม่สอนเลย มีแต่ว่าคอยจับใจความ เอาตามโอกาสต่างๆ ที่ฉันพูดออกมาแล้วแต่โอกาส

แต่ไม่ให้เสียน้ำใจ ฉันบอกใบ้ให้บ้างก็ได้ว่า ขอให้คุณพยายามรวบรวมใจและปราณให้เป็นหนึ่ง และดำรงสมดุลของสองสิ่งให้กลายเป็นหนึ่งสิ่งโดยที่คุณรู้สึกได้ว่า มันไม่ แตกต่างกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วคุณจะมีคำตอบด้วยคุณเอง ขอให้สำเร็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น