xs
xsm
sm
md
lg

TANGO หรือ TROIKA

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย, นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน พบปะกันระหว่างการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่เมืองเทียนจิน ของจีน
หลังจากซัมมิตนัดหยุดโลกที่อะแลสการะหว่างปูตินและทรัมป์ ซึ่งกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว เพราะไม่ได้ทำให้เกิดผลพวงอย่างที่ทรัมป์ได้ตั้งความหวังว่าจะนำไปสู่การประกาศหยุดยิงของปูติน (ในสงครามยูเครน)...เพียงแต่ทำให้บทบาทของปูตินดูสูงเด่นยิ่งนัก เนื่องจากได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิทรัมป์ ทั้งๆ ที่มวลพันธมิตรของสหรัฐฯ ต่างเบือนหน้าหนีไม่ยอมทำสังฆกรรมกับปูติน หลังปูตินทำวีรกรรมบุกเข้ายึดครองดินแดนด้านตะวันออกของยูเครน โดยยกเอาเหตุผลเพื่อความอยู่รอดของรัสเซียที่ไม่ยอมทนอีกต่อไปจากการขยายอิทธิพลของนาโตมาคุกคามรัสเซีย

ท่ามกลางความไม่พอใจของจักรพรรดิทรัมป์ที่กำลังลุ้นรางวัลสันติภาพโนเบลจากกรณีถ้าเขาสามารถทำให้เกิดการหยุดยิง (จะชั่วคราวหรืออาจเลยไปถึงขนาดทำสัญญาสันติภาพถาวร) ที่ยูเครน ซึ่งดูริบหรี่สำหรับความหวังกับรางวัลนี้ที่ดูจะกำลังหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา

พลันเกิดการประชุมสุดยอด SCO เป็นงานช้างที่เมืองเทียนจินของจีน ฉลองครบรอบ 25 ปีการก่อตั้งกลุ่มความร่วมมือเซี่ยงไฮ้...เดิมมีอยู่ 5 ประเทศ-จีน, รัสเซีย, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน, ทาจิกิสถาน-เริ่มพูดคุยกันตั้งแต่ 1996 สมัยของปธน.เจียง เจ๋อหมินและปธน.เยลต์ซิน-ที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อรวบรวมประเทศในเอเชียกลางมาร่วมมือด้านความมั่นคง-ต่อมาก่อตั้งเป็น SCO ปี 2001 ได้เพิ่มสมาชิกเป็น 10 ประเทศคือ อุซเบกิสถาน, อินเดีย, ปากีสถาน, อิหร่าน และเบลารุส-น่าสังเกตเรื่องประเทศคู่ปรปักษ์คือ อินเดียและปากีสถานได้เข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่ม SCO นี้พร้อมๆ กัน พิสูจน์ฝีมือของฝ่ายผู้ก่อตั้งทั้งจีนและรัสเซีย ที่สามารถนำคู่ปรปักษ์มานั่งโต๊ะร่วมมือกันได้!!

ในปีที่ 25 ของ SCO นี้ ได้ขยายพันธมิตรเพิ่มขึ้นมากมายเป็น SCO+ โดยในปีนี้มีประเทศคู่เจรจา (ที่จ่อจะเข้าเป็นสมาชิก) ถึง 14 ประเทศ-มีถึง 6 ประเทศในอาเซียนคือ CLMV, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ยังมีประเทศในยุโรปและแอฟริการ่วมด้วย

จุดสนใจของสื่อตะวันตกไปรวมอยู่ที่การเดินทางมาจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีของนายกฯ อินเดีย-นเรนทรา โมดี-หลังจากความสัมพันธ์ที่เสื่อมลงระหว่างจีนและอินเดีย ในเรื่องข้อพิพาทพรมแดนติดต่อกัน โดยเฉพาะบริเวณภูเขาหิมาลัย (พรมแดนร่วมสองประเทศยาวมากถึงประมาณ 3,500 กม.-หรือ 2,200 ไมล์) ซึ่งปะทะกันรุนแรงในปี 2020 (5 ปีที่แล้ว)

ขณะที่อินเดียได้รับการสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่น (ที่ชนะประมูลแข่งกับบริษัทจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูงสายแรกของอินเดีย) จนนำมาสู่การตั้งกลุ่มอินโด-แปซิฟิก ที่เริ่มสมัยทรัมป์ 1 และมาขยายเป็นกลุ่ม 4 พันธมิตรคือ Quad ที่มีอินเดียร่วมกับสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย (ในสมัยไบเดน) ทำให้อินเดียแนบแน่นกับฝ่ายตะวันตก โดยเฉพาะกับอังกฤษ-เจ้าอาณานิคมเก่าของอินเดีย ที่ผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอินเดีย หลังจากอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป

นายกฯ โมดีมาร่วมประชุม SCO ครั้งนี้ มาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดจากการที่ทรัมป์เคาะกำแพงภาษีแก่สินค้าอินเดียสูงถึง 50%-ดังที่ดร.เฮนรี คิสซิงเจอร์ ได้เคยพูดเตือนไว้นานแล้วว่า ใครที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ คงต้องร้อนๆ หนาวๆ แน่ แต่ยิ่งถ้าเป็น (มหา)มิตรกับสหรัฐฯ อันนี้ยิ่งจะร้อนๆ หนาวๆ มากกว่า หรือถึงขั้นถึงตายได้-เพราะอินเดียได้กลายเป็นมหามิตรและหมากสำคัญของสหรัฐฯ ในการปิดล้อมและบอนไซจีน-แต่ถูกทรัมป์เคาะกำแพงภาษีอย่างหฤโหด เพื่อลงโทษอินเดียที่ไม่ยอมหยุดซื้อพลังงานจากรัสเซียเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้รัสเซีย ยังคงมีความเข้มแข็งในการทำสงครามยูเครนต่อไป

สื่อนำของตะวันตกเช่น NBC เปรียบการเดินทางมาปรับสัมพันธ์ของโมดีต่อปธน.สี ว่าเป็นการเต้นรำจังหวะแทงโก้ที่ร้อนแรงและหันซ้ายขวาที่ดุดันไปพร้อมๆ กัน ทั้งวงแขนและขา โดยยกเอาสัญลักษณ์ของทั้งคู่ว่าเป็นพญามังกรเต้นแทงโก้กับพญาช้างสาร ที่น่าจะทำให้ปธน.ทรัมป์-พญาอินทรีย์ต้องจับตาว่า ตนได้ทำพลาดไปแล้วหรือไม่ ที่ผลักอินเดียให้วิ่งไปใกล้ชิดกับจีนทีเดียว แทนที่จะปิดล้อมจีน

ก่อนที่นายกฯ โมดีจะไปเยือนจีนครั้งนี้ รมต.ต่างประเทศจีนนายหวังอี้ ได้เดินทางมากรุยทางเปิดไฟเขียว ที่จีนกับอินเดียจะต้องเจรจาข้อพิพาทดินแดนให้สำเร็จให้ได้-รวมทั้งยอมเปิดให้ส่งออกสินค้าตัวสำคัญๆ ที่อินเดียต้องการ; ซึ่งจีนได้เคยปิดกั้นไม่ส่งให้อินเดียคือ แร่ธาตุหายาก, แม่เหล็ก, ปุ๋ย, และเครื่องจักรขุดอุโมงค์ใต้ภูเขา; โดยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศอีกครั้ง

ขณะที่ NYT เรียกการพบปะ 3 ประสานข้างๆ การประชุม SCO นี้ว่า TROIKA คือ สามสหาย (หรือม้า 3 ตัวแบบรัสเซียที่เทียมรถลาก) ที่กำลังผนึกกำลังกันเพื่อสร้างขั้วอำนาจใหม่ที่มีพลังมหาศาลที่จะถ่วงดุลเจ้าพ่ออำนาจบาตรใหญ่อย่างสหรัฐฯ ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น