เอเอฟพี – ปูตินเดินทางถึงเทียนจินในวันอาทิตย์ (31 ส.ค.) เพื่อร่วมซัมมิตกับผู้นำ 20 ประเทศทั่วโลกที่ สี จิ้นผิง เป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีเป้าหมายในการกระชับความร่วมมือในยูเรเซีย และส่งเสริมระเบียบโลกแบบหลายขั้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดปูตินเล็งใช้ทริปนี้ระดมการสนับสนุนจากปักกิ่ง และเอาชนะใจอินเดียที่กำลังขัดแย้งทางการค้าอย่างรุนแรงกับอเมริกา
การประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) มีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองเทียนจินในวันจันทร์ (1 ก.ย.) หรือก่อนที่ปักกิ่งจะจัดพิธีสวนสนามใหญ่เพื่อรำลึกวาระครบรอบ 80 ปีชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่สองเพียงสองวัน
เอสซีโอประกอบด้วยจีน อินเดีย รัสเซีย ปากีสถาน อิหร่าน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และเบลารุส และอีก 16 ประเทศที่ร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์หรือประเทศคู่เจรจา โดยสื่อรัสเซียและจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินทางถึงเมืองเทียนจินเมื่อเวลาราว 9.30 น. ของวันอาทิตย์
ในการสัมภาษณ์ที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนนำออกเผยแพร่เมื่อวันเสาร์ (30 ส.ค.) ปูตินกล่าวว่า ซัมมิตครั้งนี้จะส่งเสริมความสามารถของเอสซีโอในการรับมือความท้าทายและภัยคุกคามร่วมสมัย และกระชับความสามัคคีในภูมิภาคยูเรเซีย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยกำหนดระเบียบโลกหลายขั้วที่เป็นธรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ บางครั้งจีนและรัสเซียระบุว่า เอสซีโอเป็นทางเลือกสำหรับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารของตะวันตก
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การที่จีนอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวันและการที่รัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้ทั้งสองประเทศงัดข้อกับอเมริกาและยุโรป ดังนั้น ปักกิ่งและมอสโกจึงกระตือรือร้นใช้กลุ่มความร่วมมืออย่างเอสซีโอเพื่อระดมการสนับสนุน
ดีแลน โลห์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางในสิงคโปร์ ระบุว่า จีนพยายามมานานแล้วในการนำเสนอเอสซีโอในฐานะกลุ่มความร่วมมือที่ไม่ได้นำโดยตะวันตกและมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือ การนำเสนอระเบียบโลกแบบหลายขั้วที่จีนผลักดันซึ่งต่างจากระเบียบโลกที่ตะวันตกครอบงำในการเมืองระหว่างประเทศ
ผู้นำกว่า 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดี มาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่าน และประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี จะเข้าร่วมหารือในซัมมิตครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่เอสซีโอก่อตั้งขึ้นในปี 2001
โลห์สำทับว่า การประชุมขนาดใหญ่ระดับนี้บ่งชี้อิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของจีน และแรงดึงดูดของเอสซีโอในฐานะกลุ่มความร่วมมือที่ไม่ใช่ของชาติตะวันตก
ลิซซี ลี จากสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย ขานรับว่า ปักกิ่งจะใช้เอสซีโอในการพยายามขยายอิทธิพล และส่งสัญญาณว่า ยูเรเซียมีสถาบันและกฎกติกาของตัวเอง และก่อตั้งขึ้นโดยคำนึงถึงอธิปไตย ไม่แทรกแซงกิจการของชาติอื่น และยึดถือระเบียบโลกแบบหลายขั้ว
ระหว่างซัมมิตเอสซีโอยังมีการหารือนอกรอบ เช่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบกับนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา มัดบูลีของอียิปต์ และนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชาเมื่อวันเสาร์
ขณะที่คาดว่า ปูตินจะพบกับแอร์โดอัน และเปเซชเคียนเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครนและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านตามลำดับในวันจันทร์
ลิม ไท่เหวย ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกของมหาวิทยาลัยโซกะของญี่ปุ่น มองว่า ปูตินต้องการใช้ประโยชน์จากเอสซีโอในฐานะผู้เล่นในเวทีโลก และต้องการการสนับสนุนของจีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก อีกทั้งยังคาดหวังชนะใจอินเดียที่กำลังขัดแย้งทางการค้าอย่างรุนแรงกับอเมริกา
ซัมมิตครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากอเมริกาบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากร 50% กับอินเดียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 ส.ค.) เพื่อลงโทษที่นิวเดลียังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิของอินเดีย เดินทางถึงเทียนจินเมื่อคืนวันเสาร์ หลังเยือนญี่ปุ่น และถือเป็นการเยือนจีนครั้งแรกนับจากปี 2018
จีนและอินเดีย ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก แข่งกันขยายอิทธิพลทั่วเอเชียใต้ และสู้รบกันบริเวณชายแดนในปี 2020
อย่างไรก็ดี ความร้าวฉานเริ่มบรรเทาลงหลังจากโมดิพบสีครั้งแรกในรอบ 5 ปีเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ถึงกระนั้น โมดิก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้ร่วมชมพิธีสวนสนามในปักกิ่งที่สื่อของทางการจีนเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (28 ส.ค.) ซึ่งรวมถึงพลเอกมิน อ่อง หล่ายของพม่า และคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ