สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ว่าด้วยรัฐ ภายใต้เจ้าผู้ครองนครแห่งใหม่ ซึ่งยึดครองมาโดยกำลังอำนาจ และคุณธรรมของผู้ยึดครองเอง
มิควรมีผู้ประหลาดใจ มาเคียเวลลีได้ยกตัวอย่างที่สำคัญที่สุด ในการกล่าวถึงรัฐภายใต้เจ้าผู้ครองนครซึ่งเกิดใหม่ทั้งหมด ทั้งตัวเจ้าเองและรัฐ เหตุเพราะมนุษย์แทบจะเดินตามรอยที่ผู้อื่นเบิกทางไว้ และก้าวต่อไปในการปฏิบัติด้วยการเลียนแบบอยู่เสมอ ทั้งที่ไม่สามารถอยู่บนเส้นทางของผู้อื่นได้ทุกประการ และไม่สามารถบรรลุถึงคุณธรรมของบรรดาผู้ที่ท่านเลียนแบบได้
มนุษย์ผู้ชาญฉลาด ควรก้าวไปบนเส้นทางที่แผ้วถางไว้โดยบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เสมอ รวมทั้งเลียนแบบเหล่าผู้เป็นเลิศ เพื่อที่ว่าหากคุณธรรมของเขามีไม่ถึง อย่างน้อยที่สุดก็จะได้อยู่ในกลิ่นอายของคุณธ
รรมเช่นนั้นบ้าง เขาควรกระทำตามแบบอย่างนักธนูผู้สุขุม เมื่อเป้าที่เขาวางแผนจะยิงอยู่ไกลเกินไป และต้องรู้ว่าความแข็งแกร่งของคันธนูสามารถยิงไปได้ไกลเพียงใด พวกเขาต้องวางจุดหมายให้สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ มิใช่เพื่อให้ลูกธนูขึ้นไปถึงความสูงที่เล็ง หากแต่เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยแรงเกื้อหนุนจากความสูงที่เผื่อไว้นั้น
เช่นนี้แล้ว มาเคียเวลลีกล่าวว่า ในบรรดารัฐภายใต้เจ้าผู้ครองนครแห่งใหม่ทั้งหมด อันมีเจ้าผู้ครองนครคนใหม่ด้วยนั้น จะประสบความยากลำบากมากหรือน้อยในการรักษาไว้ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ได้รัฐนั้นมามีคุณธรรมมากหรือน้อยเพียงไร และด้วยเหตุเพราะผลจากการก้าวขึ้นเป็นเจ้าของสามัญชน ไม่ว่าจะด้วยคุณธรรมหรือโชคชะตา ก็มักปรากฏว่าหนึ่งในสองสิ่งนี้ ช่วยบรรเทาความยากลำบากอันมากมายลงได้บางส่วน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้อาศัยโชคชะตาน้อยกว่าย่อมรักษาตนได้มากกว่า การที่เจ้าอยู่ในภาวะถูกบังคับให้พำนักอยู่ ณ รัฐนั้น เพราะไม่มีรัฐในปกครองอื่นใดอีก จะยิ่งทำให้การปกครองง่ายดายยิ่งขึ้น
หากจะกล่าวถึงบรรดาผู้ขึ้นมาเป็นเจ้าผู้ครองนครด้วยคุณธรรมของตน มิใช่ด้วยโชคชะตานั้น มาเคียเวลลีกล่าวว่า ผู้ประเสริฐสุดได้แก่ โมเสส, ไซรัส, ธีซุส, โรมุลุส และคนอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายท่านเหล่านี้
แม้จะมีคนกล่าวว่าไม่เป็นเหตุเป็นผลสำหรับโมเสส ด้วยท่านเพียงปฏิบัติกิจการงานต่างๆ ตามบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า กระนั้นท่านก็เหมาะสมที่จะได้รับการยกย่องสำหรับความสูงส่ง อันทำให้ท่านสมควรแก่การรับพระบัญชาจากพระองค์
แต่ขอให้เราพิจารณาถึงไซรัสและเจ้าองค์อื่นๆ ผู้ซึ่งได้มาหรือก่อตั้งอาณาจักรขึ้น ท่านจะพบว่าเจ้าเหล่านี้เป็นที่น่ายกย่องชื่นชม และหากนำการปฏิบัติและระเบียบแบบแผนเฉพาะของแต่ละท่านมาไตร่ตรองแล้ว จะปรากฏให้เห็นว่าบรรดาเจ้าเหล่านี้มิได้ผิดแผกไปจากโมเสส ผู้มีครูผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดแต่อย่างใด และเมื่อเราสำรวจดูการปฏิบัติและการดำรงตนของทุกท่าน เราจะไม่พบว่าเจ้าเหล่านี้มีสิ่งใดที่ได้รับจากโชคชะตามากไปกว่าโอกาส ซึ่งได้มอบภารกิจอันพาให้แต่ละท่านสามารถนำคุณธรรมออกมาใช้ในแบบของตน หากปราศจากโอกาสเช่นนี้ จิตวิญญาณแห่งคุณธรรมของเจ้าเหล่านี้ก็จะสูญไป และหากปราศจากคุณธรรม โอกาสเหล่านี้ก็จะเปล่าประโยชน์
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่โมเสสจะเสาะหาผู้คนชาวอิสราเอลในอียิปต์ ผู้เป็นทาสและถูกชาวอียิปต์กดขี่ เพื่อให้พวกเขาสมัครใจติดตามท่านไป และได้หลุดพ้นจากการเป็นทาส เป็นการเหมาะสมที่โรมุลุสไม่ได้รับการยอมรับในอัลบา ซึ่งเขาควรประสบเหตุนี้ตั้งแต่เกิด หากเขาจะได้กลายเป็นกษัตริย์แห่งโรม และปฐมกษัตริย์แห่งดินแดนปิตุภูมิ ไซรัสจำเป็นต้องพบกับความไม่พอใจของชาวเปอร์เซียที่มีต่ออาณาจักรมีดส์ และมีดส์อ่อนแอราวสตรีเพศก็เพราะความสงบสุขอันยาวนาน ธีซุสจะไม่สามารถแสดงถึงคุณธรรมของตนเอง หากไม่พบว่าชาวเอเธนส์แตกกระจัดพลัดพราย
ดังนั้นโอกาสต่างๆ ดังกล่าวจึงทำให้บุรุษเหล่านี้ประสบโชคดี และคุณธรรมสูงส่งของแต่ละท่าน เผยให้ได้ประจักษ์โอกาสเหล่านี้ เป็นเหตุให้ดินแดนปิตุภูมิของท่านโดดเด่นเป็นปึกแผ่นมั่นคง และประสบความสงบสุขอย่างยิ่ง
บุคคลเฉกเช่นท่านเหล่านี้ ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครขึ้นมาด้วยวิถีแห่งคุณธรรม ได้รัฐภายใต้การปกครองมาด้วยความยากลำบาก ทว่าถือครองไว้ได้โดยง่าย และความยากลำบากนานาที่ต้องเผชิญในการได้มาซึ่งรัฐเหล่านี้ บางส่วนเกิดจากระเบียบแบบแผนและรูปแบบใหม่ในการปกครอง ซึ่งถูกบีบบังคับให้นำมาใช้เพื่อรากฐานอันมั่นคง และการดำรงอยู่อย่างมีสวัสดิภาพของรัฐ สิ่งที่ควรนำมาไตร่ตรองก็คือ ไม่มีสิ่งใดยากลำบากเกินจัดการ หรือควรวิตกในผลสำเร็จ หรือเป็นอันตรายต่อการจัดการ มากไปกว่าการวางตนเป็นผู้นำในการริเริ่มใช้แบบแผนใหม่ๆ
เหตุเพราะผู้ที่นำมาใช้ จะมีบรรดาผู้ได้ประโยชน์จากระเบียบแบบแผนเก่าทั้งปวงเป็นศัตรู และจะมีผู้เป็นกองหนุนปกป้องอย่างไม่เต็มใจนัก คือหมู่ผู้ได้ผลประโยชน์จากระเบียบแบบแผนใหม่ทั้งปวง ความไม่เต็มใจนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากความหวาดกลัวฝ่ายตรงกันข้ามที่มีกฎหมายอยู่ในมือ และส่วนหนึ่งเกิดจากความกังขาของมนุษย์ ผู้ไม่เชื่ออย่างหมดจดในสิ่งใหม่ จนกว่าจะก้าวมาถึงจุดที่พวกเขาได้มีประสบการณ์อย่างเด่นชัด
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่บรรดาผู้เป็นปฏิปักษ์มีโอกาสเข้าโจมตี พวกเขาจะกระทำด้วยความกระตือรือร้นอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และฝ่ายปกป้องก็ปฏิบัติอย่างไม่เต็มใจ อันจะทำให้เจ้าตกอยู่ในภยันตรายไปพร้อมกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม นี่คือความจำเป็น หากใครต้องการอภิปรายในประเด็นนี้อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบว่า บรรดาผู้นำสิ่งใหม่เข้ามาใช้ ยืนหยัดได้ด้วยตนเองหรือต้องอาศัยผู้อื่น จักต้องพิจารณาว่า ในการดำเนินกิจการงานนั้น พวกเขาต้องร้องขอ หรือสามารถใช้อำนาจบังคับ
ในกรณีแรก พวกเขามักต้องก้าวเข้าไปเผชิญสิ่งเลวร้าย และไม่ประสบความสำเร็จใดๆ แต่เมื่อพวกเขาหันมาพึ่งตนเอง และสามารถใช้อำนาจบังคับ เมื่อนั้นพวกเขาก็แทบจะไม่ต้องเผชิญภยันตราย จากกรณีเช่นนี้จึงปรากฏให้เห็นว่า ผู้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าและติดอาวุธ ทุกคนจะได้ชัยชนะ ส่วนผู้ไร้อาวุธทั้งหลายจะถูกทำลายพินาศ
เหตุเพราะนอกเหนือจากสิ่งต่างๆที่กล่าวมาแล้ว ธรรมชาติของประชาชนนั้นมีความปรวนแปรง่ายที่จะโน้มน้าวในบางสิ่ง ทว่ายากที่จะทำให้พวกเขามั่นคงกับสิ่งที่โน้มน้าวนั้น และเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งนั้นต้องเป็นระเบียบแบบแผนในรูปแบบที่หากประชาชนหมดความเชื่อถือแล้ว เจ้าผู้ครองนครสามารถทำให้พวกเขาเชื่อถือได้ด้วยการบังคับ
โมเสส ไซรัส ธีซุส และโรมุลุส จะไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือในธรรมนูญของท่านได้ยาวนาน หากพวกท่านไม่ติดอาวุธ ดังที่ได้บังเกิดขึ้นกับภราดาจีโรลาโม ซาโวนาโรลาในยุคของมาเคียเวลลี ระเบียบแบบแผนใหม่ของเขาถูกทำลายพินาศในทันทีที่คนหมู่มากเริ่มไม่เชื่อถือ และเขาไม่มีรูปแบบการจัดการให้ผู้คนยึดมั่นในความเชื่อถือ หรือทำให้ผู้ที่ไม่เชื่อถือหันมาเชื่อถือได้
ดังนั้น บุคคลเช่นนี้จึงต้องพบกับความยากลำบากแสนสาหัส ในการควบคุมกิจการงานของตน ด้วยภยันตรายทั้งปวงมีเรียงรายตลอดหนทาง และพวกเขาต้องเอาชนะภยันตรายเหล่านั้นด้วยคุณธรรม
ทว่า ในทันทีที่ได้รับชัยชนะ และเริ่มได้รับความเคารพนับถือ รวมทั้งได้ขจัดสิ้นเหล่าผู้ริษยาในคุณสมบัติของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะทรงอำนาจ มีสวัสดิภาพมั่นคง ทรงเกียรติ และเป็นสุข
ว้าว! ก่อนจบบทที่หก “มาเคียเวลลี” ก็ได้เผยความลับว่า “จะได้อำนาจรัฐและจะรักษามันได้อย่างไร?” แต่ต้องไม่ลืมเรื่อง “คุณธรรม” ด้วยนะโว้ย?