พรรคเดโมแครต เริ่มมีความหวังเมื่อคู่ชิงประธานาธิบดีคนใหม่ นางกมลา แฮร์ริสได้ระดมทุนอย่างรวดเร็วถึง 81 ล้านดอลลาร์ ภายใน 24 ชั่วโมง และยังมีอีก 150 ล้านดอลลาร์ โอนมาจากเงินรณรงค์ของผู้เฒ่าเอ๋อโจ ไบเดน ที่ถอนตัวออกไป
ถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ในการระดมทุนในเวลาสั้นที่สุด เป็นศึกใหญ่สู้กับจอมคลั่งโหด อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเป็นผู้นำทำเนียบขาวอีกหนึ่งสมัย
ถ้าโจ ไบเดนยังเป็นคู่ชิง อาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับทรัมป์ แต่เมื่อเป็นผู้หญิงอดีตอัยการวัย 59 ปีทำให้ทรัมป์กลายเป็นผู้สูงอายุวัย 78 ปี ทันที ความเป็นต่อที่เคยเป็นต่อเรื่องอายุเหนือโจ ไบเดนไม่เหลือ
ยิ่งถ้ากมลา แฮร์ริส เลือกคู่ชิงรองประธานาธิบดีเป็นผู้หญิงด้วยแล้วต้องถือว่าเป็นศึกใหญ่กว่าเดิมของทรัมป์ และคู่ชิงรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นจอมโหดรุ่นน้อง สนับสนุนอิสราเอลเต็มที่
นางกมลา แฮร์ริส ได้เปิดฉากรณรงค์รอบแรกโจมตีทรัมป์แบบไม่เลี้ยง สร้างความคึกคักให้ผู้สนับสนุนทำให้โอกาสชนะการเลือกตั้งมีอยู่มากกว่า โจ ไบเดน
ตามข่าวล่าสุด นางกมลา แฮร์ริส ได้คะแนนคณะกรรมการที่จะตัดสินผู้ชนะ เป็นตัวแทนชื่อตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาวมากกว่า 2,000 คะแนนทั้งที่ความต้องการที่ชนะมีเพียง 1,986 เท่านั้น
นอกจากนั้นยังได้คะแนนเสียงจากประชาชนผิวสีต่างๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รวมทั้งสมาชิกพรรคเดโมแครต ที่เป็นพวกผิวขาวและไม่ชอบขี้หน้าทรัมป์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่รังเกียจพฤติกรรมของทรัมป์ ในคดีอาญาล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงที่คาศาลอยู่
นางกมลา แฮร์ริส อาจจะไม่มีผลงานโดดเด่นช่วงเป็นรองประธานาธิบดีภายใต้โจ ไบเดน แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่รองประธานาธิบดีจะไม่ได้รับมอบหมายงานสำคัญ ถ้าเธอชนะการเลือกตั้งจะมีผลอย่างมาก
นโยบายหลักที่เคยสนับสนุนยูเครนสู้กับรัสเซียอาจจะต้องเปลี่ยนรวมถึงนโยบายสนับสนุนอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ทุกวัน และการทำลายฉนวนกาซาจนไม่อยู่ในสภาพให้คนอยู่อาศัยได้
ความเหี้ยมโหดของกองทัพอิสราเอลและผู้นำรัฐบาลทำให้ชาวโลกรู้สึกรังเกียจ และเกลียดชังความอำมหิตของทหารอิสราเอลและผู้นำรัฐบาล จนถูกโดดเดี่ยวโดยประชาคมโลกร่วมกับสหรัฐฯ
ผู้นำรัฐบาลอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาผู้แทน และวุฒิสภาสหรัฐฯ วันที่ 24 แต่มีผู้ประท้วงบุกเข้าไปและถูกจับกุมประมาณ 200 ราย พวกนี้คือกลุ่มต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยกองทัพอิสราเอลในกาซา
ทรัมป์มีกำหนดพบปะเนทันยาฮู ที่รีสอร์ตส่วนตัวของตนเองในรัฐฟลอริดา เพื่อหารืออนาคตของอิสราเอลและปาเลสไตน์เพราะเป็นตัวสนับสนุนสำคัญและลูกเขยของตัวเองก็เป็นคนยิว
อุปสรรคสำคัญสำหรับอิสราเอลล่าสุดคือการที่รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน นายหวังอี้ ได้ประสบความสำเร็จในการพูดจาชักชวนให้กลุ่มผู้นำฮามาส และฝ่ายฟาตาห์ รวมทั้งหมด 14 กลุ่ม ได้ลงนามความสามัคคีแห่งชาติร่วมกันในกลุ่มปักกิ่งวันอังคารที่ผ่านมา
เป็นการรวมตัวกันครั้งแรกเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวแห่งชาติในการต่อสู้กับอิสราเอลและป้องกันไม่ให้ยึดครองฉนวนกาซาและดินแดนของปาเลสไตน์ จึงถือว่าเป็นความสำเร็จของจีนอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้นายหวัง อี้ได้ประสานรอยร้าวระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียให้คืนดีกันและนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ของกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางให้เป็นหนึ่งเดียวโดยอิสราเอลต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
สหรัฐฯ จะไม่มีอิทธิพลเหนือกลุ่มรัฐอาหรับอีกต่อไปเพราะประเทศเหล่านี้รวมทั้งกลุ่มมุสลิมในแอฟริกาเหนือก็สนับสนุนปาเลสไตน์ นอกจากนั้น คำวินิจฉัยของศาลโลก เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยกองทัพอิสราเอลและให้ถอนตัวจากพื้นที่ปาเลสไตน์จึงมีผลสำคัญต่อมุมมองของประชาคมโลกแม้จะบังคับใช้ไม่ได้
สถานการณ์จะเปลี่ยนไปถ้านางกมลา แฮร์ริส เป็นสตรีและผิวสีคนแรกได้ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพลิกล็อกมหาศาล และทรัมป์อาจถึงขั้นกระอักเลือดตายเหมือนจิวยี่
“ฟ้าส่งข้ามาเกิดแล้ว ทำไมต้องส่งนางแฮร์ริสเชื้อสายอินเดียผสมจาไมกามาเกิดด้วย” ถ้าเป็นอย่างที่ว่า
เนทันยาฮู อาจจะต้องเปลี่ยนสคริปต์สุนทรพจน์ที่เดิมกะไว้ว่าจะเล่นงานโจ ไบเดนเรื่องการลดความช่วยเหลืออิสราเอลในการส่งอาวุธไปฆ่าชาวปาเลสไตน์ เพราะความไม่แน่นอนว่าใครจะเป็นผู้ชนะเก้าอี้ประธานาธิบดี
ผลการเลือกตั้งจะมีต่อองค์กรนาโต ความอยู่รอดของยูเครน สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับไต้หวัน และฐานทัพต่างๆของสหรัฐฯ ทั่วโลกท่ามกลางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ย่ำแย่ รวมถึงอิทธิพลของเงินดอลลาร์ที่ลดลง
ถึงเวลาของกรรมไล่ตามทันสหรัฐฯ ที่ได้ทำสงครามทางตรงและทางอ้อมทั่วโลกหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเรื่องของคนอเมริกันที่ต้องตัดสินใจชะตากรรมของประเทศและอนาคตของตัวเอง
เลือกตั้งครั้งนี้น่าลุ้นมากกว่าโจ ไบเดน และทรัมป์ เมื่อต้องเจอคู่แข่งเป็นผู้หญิงอายุน้อยกว่า และลีลาไม่ธรรมดา สติปัญญาความรู้ความสามารถเป็นอีกเรื่อง
ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นผู้ฉลาดทุกคน