xs
xsm
sm
md
lg

‘โจ ไบเดน’ ถอนตัวศึกชิง ปธน.สหรัฐฯ หนุน ‘กมลา แฮร์ริส’ เป็นผู้แทนเดโมแครตคนใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัดสินใจประกาศถอนตัวไม่ลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ แล้วเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) หลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากคนในพรรคเดโมแครตที่เสื่อมศรัทธาในตัวเขา ขณะเดียวกัน ก็ประกาศสนับสนุนให้รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ถือตั๋วผู้แทนพรรคลงชิงชัยแข่งกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.

ไบเดน วัย 81 ปี ซึ่งถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในตำแหน่งที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบเทอมในวันที่ 20 ม.ค. ปี 2025 และจะมีถ้อยแถลงต่อคนอเมริกันทั้งประเทศภายในสัปดาห์นี้

“แม้ผมจะมีความตั้งใจจริงที่จะลงเลือกตั้งอีกสมัย แต่ผมก็เชื่อว่าการถอนตัวเพื่อมุ่งเน้นทำหน้าที่ประธานาธิบดีให้สมบูรณ์แบบจนครบวาระจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับพรรคของผม และต่อประเทศชาติ” ไบเดน โพสต์ข้อความผ่าน X หลังป่วยโควิด-19 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างกักตัวที่บ้านในเมือง Rehoboth Beach รัฐเดลาแวร์

ความเคลื่อนไหวของ ไบเดน ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในศึกชิงบัลลังก์ผู้นำทำเนียบขาวปีนี้ที่เผชิญความระส่ำระสายมาตลอดหลายสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ศึกดีเบตนัดแรกเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ ไบเดน โชว์ผลงานสุดย่ำแย่จนถูกคนในพรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ลาออก เรื่อยมาจนถึงกรณีที่ ทรัมป์ ถูกมือปืนพยายามลอบสังหารกลางเวทีหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันที่ 13 ก.ค. กระทั่ง ทรัมป์ ประกาศเลือก เจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันสายฮาร์ดไลน์วัย 39 ปี ขึ้นมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่รู้สึกไม่พอใจการรีแมตช์ระหว่างไบเดนและทรัมป์ และหลังจากที่ ไบเดน ประกาศถอนตัวได้ไม่นาน ทรัมป์ ก็ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNN ว่า “แฮร์ริส จะเป็นคู่แข่งที่เอาชนะง่ายยิ่งกว่า โจ ไบเดน”

ไฮมี แฮร์ริสัน ประธานคณะกรรมการพรรคเดโมแครตแห่งชาติ ระบุว่า ชาวอเมริกันจะได้ทราบข่าวในอีกไม่ช้านี้เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้แทนคนใหม่ของพรรค ภายหลังการถอนตัวของ ไบเดน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในตำแหน่งปฏิเสธการเสนอชื่อของพรรคตนเอง

ทั้งนี้ หาก แฮร์ริส วัย 59 ปี ได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนเดโมแครตคนใหม่ ก็จะถือเป็นสตรีผิวสีรายแรกในประวัติศาสตร์ที่ถือตั๋วของพรรคการเมืองหลักลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ

“ดิฉันมีความตั้งใจที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนพรรคในครั้งนี้” แฮร์ริส ระบุในถ้อยแถลง “ดิฉันจะทำทุกสิ่งอย่างเต็มความสามารถเพื่อฟื้นฟูเอกภาพภายในพรรคเดโมแครต และจะสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของชนในชาติเพื่อเอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์”

แหล่งข่าวหลายคนระบุว่า ทีมงานของแฮร์ริส ตลอดจนพันธมิตรและผู้สนับสนุนเริ่มมีการร้องขอไปยังผู้แทนออกเสียง (delegates) ให้โหวตเลือกเธอเป็นผู้แทนคนใหม่ ก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตซึ่งจะจัดขึ้นที่นครชิคาโก ระหว่างวันที่ 19-22 ส.ค.

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ประธานพรรคเดโมแครตจากรัฐต่างๆ ได้มีการหารือทางโทรศัพท์เมื่อบ่ายวานนี้ (21) เกี่ยวกับการเลือก แฮร์ริส เป็นผู้แทนพรรคคนใหม่ ซึ่งหลายคนที่เข้าร่วมประชุมก็ยืนยันว่า แฮร์ริส ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากแกนนำเหล่านี้




อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีแกนนำพรรคอาวุโสคนอื่นๆ ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับ แฮร์ริส หรือไม่ หรือว่าพรรคเดโมแครตจะมีการเปิดให้มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นๆ หรือไม่อย่างไร

เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่พรรคคาดหมายว่าจะขึ้นมาแทนที่ ไบเดน ได้ ล่าสุดออกมาประกาศสนับสนุน แฮร์ริส ในการชิงตำแหน่งผู้แทนพรรคแล้ว

“ด้วยระบอบประชาธิปไตยและอนาคตของเราที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่มีใครที่สามารถจัดการกับวิสัยทัศน์อันดำมืดของ โดนัลด์ ทรัมป์ และนำพาประเทศเราไปสู่ทิศทางที่เหมาะสมยิ่งไปกว่ารองประธานาธิบดี @KamalaHarris” นิวซัม โพสต์ข้อความผ่าน X

ด้าน เกร็ตเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน และแอนดี เบเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี ซึ่งเป็นอีก 2 แกนนำเดโมแครตที่อาจตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับแฮร์ริส ได้ออกคำแถลงชื่นชมการตัดสินใจถอนตัวของ ไบเดน ทว่าไม่ได้มีการเอ่ยถึงรองประธานาธิบดีแต่อย่างใด ส่วน จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย และพีท บุตติเจิจ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ต่างออกคำแถลงประกาศจุดยืนสนับสนุน แฮร์ริส เมื่อวานนี้ (21)

แหล่งข่าวใกล้ชิดให้ข้อมูลว่า เมื่อค่ำวันเสาร์ (20) ไบเดน ยังคงบอกกับพันธมิตรว่าเขายังมีความตั้งใจจะสู้ต่อ ก่อนที่จะเปลี่ยนใจกะทันหันในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (21)

“เมื่อเวลาประมาณ 13.45 น. วันนี้ ประธานาธิบดีได้บอกกับทีมงานอาวุโสว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว” แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ไบเดน ก็ประกาศการตัดสินใจของเขาผ่านโซเชียลมีเดีย

ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่า แฮร์ริส เองไม่ได้มีภาษีดีไปกว่า ไบเดน ในการที่จะเอาชนะ ทรัมป์ โดยถ้าวัดจากการเป็นคู่ชิงโดยสันนิษฐานแล้ว ทั้งสองต่างมีคะแนนนิยมสูสีกันที่ 44% ตามผลสำรวจของรอยเตอร์-อิปซอสที่จัดทำระหว่างวันที่ 15-16 ก.ค. และแม้ว่า ทรัมป์ จะมีคะแนนนำ ไบเดน 43% ต่อ 41% ในโพลฉบับเดียวกัน แต่ส่วนต่างแค่ 2% นั้นไม่ถือว่ามีนัยสำคัญมากนักเมื่อพิจารณาจากการทำโพลซึ่งมีค่าความผิดพลาดบวก-ลบไม่เกิน 3%

ที่มา : รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น