มีชาวอเมริกันกลุ่มใหญ่ ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงคะแนนให้กับทรัมป์หรือไบเดน ระหว่างผู้สมัครของพรรครีพับลิกันหรือพรรคเดโมแครต ก็จะรอฟังเหตุผลการ (ชี้) แนะนำจากนักการเมืองที่ตนอาจได้ติดตามการหาเสียงมาบ้าง ซึ่งอาทิตย์นี้มีการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน เพื่อลงคะแนนคัดเลือกตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ
เหตุการณ์ลอบสังหารทรัมป์ น่าจะทำให้เขาได้คะแนนนิยมสูงขึ้นจากเดิมที่ค่อนข้างสูสีและนำไบเดนอยู่เล็กน้อย (แต่อยู่ภายในบวก-ลบ 3% ของความผิดพลาดทางสถิติ-ซึ่งถือว่าคะแนนทั้งทรัมป์และไบเดนได้เท่าๆ กัน)…เพราะเมื่ออดีตปธน.เรแกน ถูกยิงลอบสังหาร ก็ทำให้คะแนนนิยมของเขาเพิ่มขึ้นทันทีถึง 20%
ส่วนหนึ่งคือคะแนนนิยมที่เกิดจากคะแนนสงสาร อย่างที่อดีตปธน.เฉิน สุยเปี่ยน ที่ไต้หวันได้รับตอนถูกลอบยิงเข้าที่ท้อง
อีกส่วนหนึ่งที่ทรัมป์จะได้รับคือ การรอดอย่างปาฏิหาริย์ เพราะพระคุ้มครอง เนื่องจากเป็นบุคคลพิเศษ (หรือวิเศษ) ที่ต้องรอด (ได้รับความคุ้มครอง) เพื่อมา (โปรดสัตว์) ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติและมวลมนุษยชาติ
แม้จะมีการสงสัยกันจากทั้งโลกว่า ทำไมกระสุนไปเฉี่ยวแค่ใบหูขวา; ซึ่งอีกเพียงครึ่งเซนต์ ก็จะทะลุถึงศีรษะ?? และทำไมมือปืนจึงถูกยิงให้ตาย?? เมื่อเทียบกับมือปืนที่ยิงเรแกนหรือที่ยิงชินโซ อาเบะ ถึงไม่ถูกฝ่ายตำรวจยิงให้ตาย…เพราะจะได้มาหาสาเหตุของการลอบยิงได้นั่นเอง
คืนแรกในการประชุมใหญ่ของ RNC อดีตปธน.ทรัมป์ (ซึ่งเป็นตัวเต็งเพียงคนเดียวของพรรคที่จะลงแข่งศึกปธน.) ได้ประกาศชื่อคู่หูเป็น VEEP/หรือ Vice President-รองปธน.) ซึ่งเขาได้เลือกเอา สว.สมัยแรกที่เพิ่งได้รับเลือกเข้ามาได้แค่ 1 ปี 6 เดือน และอายุแค่ 39 ปี ชื่อ JD Vance จากรัฐโอไฮไฮ
พอเข้าใจเหตุผลที่เขาเลือก สว.คนนี้ที่มีพื้นเพมาจากชนชั้นล่าง ที่มาจากหลังเขาชนบทแถบทิวเขาแอปปาเลเชียนที่ผู้คนอยู่แบบยากจน ทั้งสภาพของเศรษฐกิจและสติปัญญา เพราะเป็นเมืองเหมือง (ถ่านหิน, เหล็ก ฯลฯ) เรียกว่า เป็นเมืองสนิมหรือ Rust-Belt States ซึ่งเป็นกลุ่มของชาวอเมริกันผิวขาว ที่ไม่ค่อยเปิดหูเปิดตารับอะไรใหม่ๆ ในโลก รวมถึงการไม่คุ้นชิน (ยอมรับ) กับผู้คนที่มีสีผิวและความเชื่อ, ค่านิยมที่ต่างกับของพวกตน
แต่ที่ต้องอ้าปากค้างกันไปก็คือ สว. JD Vance ได้เคยพูดตำหนิทรัมป์อย่างชนิดไม่น่าจะมาร่วมงานกันได้เลยเช่น ทรัมป์คือฮิตเลอร์ที่เป็นเผด็จการ, ทรัมป์นั้นชอบโกง (Fraud) เป็นต้น
แต่เพื่อจะได้ไต่บันไดแห่งอำนาจทางการเมืองได้อย่างรวดเร็ว เขายอมเปลี่ยนจุดยืน 180 องศา ขนาดยอมขึ้นบนเวทีเพื่อถวายชีวิตให้กับทรัมป์ โดยบิดอย่างหน้าตาเฉยว่า เขาเคยมองผิดไปเพราะหลังจากทรัมป์เป็นปธน. เขากลับมีมุมมองใหม่ที่ศรัทธาทรัมป์อย่างจะกลืนกิน
เช่นเดียวกัน สว.เท็ด ครูซ, สว.มาร์โก รูบิโอ และผู้ว่าฯ รอน เดอแซนทิส ที่เคยขึ้นเวทีแข่งกับทรัมป์ (ในการคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน) ว่า ทรัมป์เป็นมนุษย์ตลบตะแลง, เป็นนักต้มตุ๋น เป็นต้น
โดยเฉพาะคือ อดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา ที่มีเสียงสนับสนุนในพรรคค่อนข้างแน่นหนาคือ Nikki Haley ที่ได้บดขยี้นโยบายของทรัมป์ในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะนโยบายเป็นมิตรกับปูติน ซึ่งเป็นมหาอันตรายต่อประเทศสหรัฐฯ
เธอยืนกระต่ายขาเดียวอยู่ฝั่งตรงข้ามทรัมป์มาตลอดปีที่แล้ว ขณะกำลังหาเสียงแข่งกับทรัมป์ที่จะเป็นตัวแทนพรรค และหลังจากเธอแพ้ทรัมป์ในการลงคะแนน Super Tuesday แล้ว เธอก็แค่ถอยจากการเป็นผู้สมัครแข่ง แต่ไม่ยอมยกคะแนน Delegates ที่เธอได้มา ที่จะมอบให้แก่ทรัมป์ และไม่ยอมเปล่งวาจาว่าจะสนับสนุนทรัมป์ให้เป็นตัวแทนพรรคด้วยซ้ำ (ต่างกับผู้สมัครคนอื่นๆ ที่เมื่อแพ้ทรัมป์แล้ว ก็ออกมากล่าวสนับสนุนทรัมป์…เพื่อหวังได้เข้าร่วม ครม.ของทรัมป์นั่นเอง)
กลุ่มที่ให้การสนับสนุนเธอ ต่างชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวไม่เปลี่ยนจุดยืนของเธอ รวมทั้งฝ่ายธุรกิจที่ถือหางเธอ โดยยังคงบริจาคเงินให้เธอจนถึงนาทีที่เธอถอนตัว (ต่างกับผู้สมัครคนอื่นๆ ที่ผู้บริจาคได้หยุดให้เงินสนับสนุน จนพวกเขาต้องถอนตัวจากการแข่งขันเพราะเงินบริจาคหยุดไหลเข้านั่นเอง)
คืนที่สองในการประชุมใหญ่ของ RNC ผู้สนับสนุนเธอคงต้องอ้าปากค้างเช่นกัน ที่เธอออกมายืนบนเวทีและประกาศสนับสนุนทรัมป์อย่างหมดหัวใจ…แต่เธอก็ยังสงวนไว้เล็กน้อยว่า คงมีบางคนที่ไม่ได้สนับสนุนทรัมป์ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนเราย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเธอเองนั่นแหละ แต่นาทีนี้ต้องสนับสนุนทรัมป์ เพราะจะทนให้ไบเดนบริหารต่อไปอีก 4 ปีไม่ได้แล้ว
แต่เธอกลับบิดประเด็นที่สำคัญที่สุดเธอเคยมองว่า ทรัมป์กำลังเป็นอันตรายต่อสหรัฐฯ โดยเป็นมิตรกับปูติน...คืนนี้ เธอกลับมองว่าปูตินกลับเกรงใจทรัมป์ เพราะทรัมป์เป็น Strong Man ทรัมป์เข้มแข็งกว่าปูติน และทำให้ปูตินต้องยอมให้ทรัมป์
เป็นการบิดแบบ 180 องศา อย่างหน้าตาเฉย โดยยอมกลืนน้ำลายตัวเอง และน่าจะทำลายโอกาสที่เธอจะกลับมาลงสมัครใน 4 ปีข้างหน้าหรือไม่ น่าติดตามยิ่ง