ที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเมื่อวันจันทร์ (15 ก.ค.) ต้อนรับทรัมป์ราววีรบุรุษ โดยเหล่าสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนพร้อมใจลุกขึ้นยืนปรบมือกึกก้อง ขณะที่อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกภายหลังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกลอบสังหาร เวลาเดียวกันทรัมป์ยังประกาศเปิดตัว เจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกที่เคยโจมตีตนเองอย่างรุนแรง ให้เป็นคู่แคนดิเดตในตำแหน่งรองประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีผ้าพันแผลขนาดใหญ่ปิดอยู่ที่หู เดินเข้าสู่ ไฟเซิร์ฟ ฟอรัม อารีนา สนามกีฬาในร่มอเนกประสงค์ในเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ท่ามกลางการโห่ร้องต้อนรับอื้ออึง เมื่อวันจันทร์ (15) ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เขาได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการให้เป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งเปิดตัววุฒิสมาชิก เจ.ดี. แวนซ์ วัย 39 ปี ในฐานะผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในทีมของเขา
แวนซ์ถือเป็นหนึ่งในวุฒิสมาชิกที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้ลงสมัครในตำแหน่งนี้ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของอเมริกา
จากที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างรุนแรงในปี 2016 อาทิ บอกว่าทรัมป์เป็น “ฮิตเลอร์ของอเมริกา” วันนี้แวนซ์อ้าแขนรับแนวทางก้าวร้าวหลายๆ อย่างของอดีตประธานาธิบดีผู้นี้อย่างเต็มที่ ทั้งนโยบายให้อเมริกาคำนึงถึงตนเองเป็นสำคัญแม้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว การต่อต้านผู้อพยพ และกระทั่งการกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าเขาถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว รวมทั้งยังไปไกลกว่าทรัมป์ในบางประเด็นซึ่งรวมถึงการต่อต้านการทำแท้งที่อาจทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสายกลางไม่พอใจนัก
ทางด้านทีมรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ออกคำแถลงโจมตีทันทีว่า นโยบายของทรัมป์และแวนซ์ จะลิดรอนสิทธิ์ของคนอเมริกัน ส่งผลกระทบต่อชนชั้นกลาง และทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ขณะที่ผลประโยชน์ไปตกกับเหล่ามหาเศรษฐีและธุรกิจที่โลภโมโทสัน
การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันครั้งนี้เปิดขึ้นหลังจากอเมริกาเพิ่งช็อกกับเหตุการณ์ที่มือปืนคนหนึ่งพยายามลอบสังหารทรัมป์ในระหว่างการหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อค่ำวันเสาร์ (13 ก.ค.) โดยเป็นที่คาดหมายกันว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลอย่างมากต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.
การลอบสังหารที่ไม่ประสบผลคราวนี้ ยังตอกย้ำความแตกแยกร้าวลึกทางการเมืองของอเมริกา รวมทั้งผลักให้ ไบเดน ถอยไปอยู่เบื้องหลังและ ทรัมป์ กลับมาเป็นจุดสนใจ หลังจากช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีแต่การคาดเดาว่า ประธานาธิบดีวัย 81 ปีจากพรรคเดโมแครต จะถอนตัวจากการเลือกตั้งหรือไม่ ภายหลังผลงานการดีเบตสุดเลวร้ายเมื่อปลายเดือนมิถุนายน
ในระหว่างการประชุมใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศของพรรครีพับลิกันวันแรกจากทั้งหมด 4 วันคราวนี้ นอกเหนือจากการเปิดตัวแวนซ์แล้ว ยังมีการเชื้อเชิญประชาชน 6 คนขึ้นพูดบนเวทีเพื่อพูดสะท้อนผลประทบจากภาวะเงินเฟ้อที่มีต่อครอบครัวผู้มีรายได้ปานกลางถึงต่ำ และเป็นโอกาสให้พวกผู้นำรีพับลิกันโจมตีคณะบริหารของไบเดนว่า มองข้ามปัญหาปากท้องประชาชน
ตัวทรัมป์เองที่มีกำหนดขึ้นกล่าวปราศรัยยอมรับการเสนอชื่อของพรรคอย่างเป็นทางการในวันประชุมใหญ่วันสุดท้าย คือวันพฤหัสฯ (18) นั้น โพลหลายสำนักชี้ว่าเขามีคะแนนนำไบเดน โดยเฉพาะในรัฐ “สวิงสเตท” และเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ถึงแม้เขายังมีความมัวหมองจากการถูกศาลในนิวยอร์กตัดสินว่ามีความผิดในคดีจ่ายเงินปิดปากไม่ให้ดาราหนังเอวีเผยสัมพันธ์สวาทฉาวโฉ่กับตัวเอง
ก่อนเดินทางมายังที่ประชุมใหญ่พรรค อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กโพสต์ว่า ก่อนหน้านี้ได้เตรียมคำปราศรัยโจมตี “คณะบริหารน่าขนลุก” ของไบเดนไว้ แต่ตอนนี้ได้ปรับเปลี่ยนใหม่โดยหันมาเน้นย้ำการทำให้อเมริกามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวแทน ซึ่งเท่ากับว่า ทรัมป์ต้องพยายามควบคุมสัญชาติญาณในการแก้แค้นของตัวเองที่เห็นได้จากการที่เขาตะโกนให้ผู้สนับสนุน “สู้” ในเสี้ยววินาทีหลังถูกลอบยิงเมื่อวันเสาร์
ทั้งนี้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ทรัมป์ทุ่มเทเวลาในการแปลงโฉมการเมืองภายในรีพับลิกัน เป็นต้นว่า ด้วยการแต่งตั้งผู้จงรักภักดีที่รวมถึง ลารา ทรัมป์ ลูกสะใภ้ นั่งตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมการแห่งชาติของรีพับลิกัน และทำลายพวกผู้ต่อต้านภายในพรรค
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)