นักการเมืองสหรัฐฯ มีธรรมชาติหรือสันดานของความเป็นนักค้าสงครามแท้จริง ผู้นำประเทศทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต จะมีนโยบายต่างกันบ้างแต่เรื่องการรักษาความเป็นผู้นำโลก เป็นภารกิจอันดับหนึ่ง
ประเทศสหรัฐฯ อยู่ได้ด้วยเศรษฐกิจซึ่งอยู่บนพื้นฐานของอุตสาหกรรมอาวุธ เมื่อผลิตแล้วต้องขายให้ได้ การหาลูกค้าก็โดยวิธีการสร้างความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างประเทศ
ทั้งประเทศเพื่อนบ้านหรือห่างไกลด้วยข้ออ้างผลประโยชน์ขัดกันหรือเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างที่สหรัฐฯ มักจะอ้าง ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็จะหาเรื่องทำสงคราม
ถ้าประเทศไหนขัดใจหรือขัดผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะผิดหรือถูกด้านศีลธรรมหรือกฎหมายระหว่างประเทศสหรัฐฯ ไม่สนใจ
วิธีการก็ใช้แบบเดิม เริ่มด้วยการเจรจากล่อมให้เป็นลูกไล่หรือเป็นพวกสมุนบริวาร ถ้ายังไม่ยอมก็ใช้มาตรการทางด้านเศรษฐกิจบีบบังคับด้วยการคว่ำบาตรหรือกีดกันด้วยภาษี
ถ้ายังไม่ยอมก็จะก่อหวอดให้บางกลุ่มเช่นนักศึกษาขบวนการต่อต้านรัฐบาลเดินขบวนประท้วงมีปะทะและความรุนแรง หรือสนับสนุนให้กองทัพทำรัฐประหาร
อีกรูปแบบคือการทำสงครามตัวแทนอย่างเช่นให้ยูเครนเป็นตัวแทนทำสงครามกับรัสเซีย รูปแบบนี้สหรัฐฯ และองค์กรสนธิสัญญานาโตส่งอาวุธและเงินช่วยให้ยูเครนรบกับรัสเซีย
ทหารเป็นชาวยูเครนและอาจมีที่ปรึกษาเป็นทหารสหรัฐฯ หรือจากกลุ่มประเทศนาโตโดยระบบหมาหมู่รุมกัดอย่างที่กระทำกับเวียดนาม อิรัก อัฟกานิสถาน สร้างความวินาศย่อยยับ ประชาชนตายเป็นล้านๆ อย่างเช่นเวียดนามและอิรัก
ดังนั้น สงครามตัวแทนอาจจะต้องตามมาด้วยสงครามโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้มีฐานทัพประมาณ 750 แห่งทั่วโลกและทำศึกนอกประเทศ 14 ครั้ง แต่ไม่เคยรบชนะใครเลยไม่ว่าจะเป็นประเทศขนาดกลางหรือด้อยพัฒนาอย่างเช่นอัฟกานิสถาน เอธิโอเปีย โซมาเลีย และล่าสุดคือเยเมน
ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เป็นผู้ขายอาวุธอันดับหนึ่งของโลกดังนั้นอุตสาหกรรมผลิตอาวุธจึงเป็นฐานสำคัญสำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซา อย่างเช่นสงครามโลกครั้งที่สองที่ช่วยสหรัฐฯ พ้นจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
บางครั้งสหรัฐฯ ก็เล่นกับไฟ อย่างเช่นครั้งล่าสุดไม่กี่วันก่อนที่ขีปนาวุธยิงระยะไกล ถูกยูเครนใช้ถล่มแหลมไครเมียของรัสเซียโดยสหรัฐฯ ใช้โดรนบินเหนือทะเลดำชี้เป้า
ผลที่ตามมาคือรัสเซียสามารถยิงสกัดได้ 4 ลูก ส่วนลูกที่ 5 สกัดได้แต่ชิ้นส่วนแตกกระจายถูกเด็กเสียชีวิต 2 ราย และผู้ใหญ่เสียชีวิต 3 ราย มีบาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย เหตุเกิดบนชายหาดเมืองเซวาสโตโพล
นี่เป็นครั้งแรกที่ยูเครนใช้อาวุธส่งจากสหรัฐฯ ยิงเข้าไปในพื้นที่ของรัสเซียโดยตรง ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจกับรัสเซียถึงขนาดประกาศว่างานนี้ต้องเอาคืน แต่จะเป็นวิธีไหน อย่างไร เมื่อไหร่ รัสเซียไม่บอก
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ และกลุ่มนาโตที่ส่งอาวุธให้ยูเครนกำชับว่าห้ามใช้อาวุธที่มอบให้ยิงเข้าไปในดินแดนของรัสเซียเด็ดขาดเพราะไม่ต้องการให้เกิดสงครามโดยตรงระหว่างนาโตนำโดยสหรัฐฯ กับรัสเซีย
เมื่อยูเครนยิงเข้าไปในแหลมไครเมียและมีสหรัฐฯ ช่วยชี้เป้าให้ ก็นำไปสู่สภาพของการสู้รบโดยตรงระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ซึ่งได้สร้างความวิตกกังวลว่าจะเกิดสงครามใหญ่
เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ยอมรับว่านี่เป็นวิกฤตที่อาจนำไปสู่สงครามขนาดใหญ่ลามออกนอกยูเครน ซึ่งทุกวันนี้อยู่ในสภาพพินาศย่อยยับจากการทำสงครามนานกว่าสองปีกับรัสเซีย
ยูเครนต้องการลากสหรัฐฯ และนาโตเข้ามาทำสงครามโดยตรงกับรัสเซีย ดังนั้นจึงพยายามกระทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดผลดังกล่าว และนี่เป็นความสำเร็จครั้งแรกเมื่อใช้อาวุธสหรัฐฯ โจมตีแหลมไครเมีย
ทำให้รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน ร้อนตัวหนัก เร่งโทรศัพท์คุยกับรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของรัสเซีย นายอังเดร เบลูซอฟ เพื่อคุยกันให้รู้เรื่องว่าจะเอาอย่างไรถ้าสถานการณ์ลุกลามต่อไป
ฝ่ายนายเบลูซอฟ เตือนสหรัฐฯ ว่าอาวุธต่างๆ ที่ฝ่ายนาโตส่งไปให้ยูเครนนั้นจะไม่เปลี่ยนผลของสงครามเพราะยูเครนจะไม่สามารถเอาชนะรัสเซียได้ และยังบอกอีกว่าการโจมตีแหลมไครเมียนั้นใครอยู่เบื้องหลัง
นี่เป็นครั้งแรกที่คนระดับรัฐมนตรีมีการเจรจากันโดยตรง เพราะนับตั้งแต่สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ไม่เคยเจรจากันเรื่องนี้
รัฐบาลโจ ไบเดนไม่ใช้วิธีการทูตแต่มักใช้กำลัง แต่คราวนี้สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นชาติมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว มีรัสเซียและจีนซึ่งมีแสนยานุภาพไม่ด้อยกว่าโดยเฉพาะอาวุธไฮเปอร์โซนิกติดหัวรบนิวเคลียร์ ซึ่งสหรัฐฯ ยังไม่สามารถผลิตได้
รัสเซียเคยเตือนสหรัฐฯ และกลุ่มนาโตว่าอย่าเล่นกับไฟและการช่วยเหลือยูเครนจะไม่มีการเปลี่ยนผลของสงคราม ยูเครนไม่สามารถสู้ได้ทุกด้าน
แต่สหรัฐฯ คงอยากลองของว่ารัสเซียจะมีปฏิกิริยาอย่างไร และเป็นไปตามคาดว่ารัสเซียไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำและประกาศว่าจะเอาคืน
นั่นทำให้โลกร้อนขึ้นมาทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างรัสเซียและนาโตนำโดยสหรัฐฯ สถานการณ์ย้อนรอยไปถึงการเผชิญหน้าระหว่างช่วงที่สหรัฐฯ ปิดล้อมคิวบา ให้รัสเซียถอนขีปนาวุธโดยแลกกับการที่สหรัฐฯ ถอนขีปนาวุธนิวเคลียร์ออกจากตุรกีในปี 1962
โลกอาจจะเบาใจเมื่อรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ และรัสเซียได้คุยกัน แต่นายออสตินยังทำท่าผยอง และไม่รับผิดชอบ ว่าสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังการโจมตีแหลมไครเมีย
ดังนั้น ต้องรอดูว่าจะเกิดสภาวะช้างสารชนกัน หญ้าแพรกจะแหลกลาญหรือไม่ แต่ขั้นสุดท้ายคือการสู้กันด้วยนิวเคลียร์ล้างโลก ถ้าเกิดขึ้นก็ไม่ต้องกังวลเพราะจะไม่มีอะไรเหลือ