xs
xsm
sm
md
lg

สงครามโลกขึ้นอยู่กับผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


 โจ ไบเดน———-โดนัลด์ ทรัมป์
วันที่ 5 พฤศจิกายนปีนี้คนอเมริกันจะต้องตัดสินใจเลือกสองผู้เฒ่าว่าใครเป็นผู้นำประเทศ 4 ปี ระหว่างโจ ไบเดน ผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันในวัย 81 ปี และคู่แข่งที่มีคะแนนนำ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวัย 77 ปี

เรียกได้ว่าระหว่างผีเน่ากับโลงผุ มีเรื่องอื้อฉาวพอกัน แต่คนอเมริกันก็ไม่มีทางเลือกเพราะมีคู่ชิงคนสำคัญเพียงสองคน และเป็นคู่แค้นตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

โจ ไบเดนเป็นรองอย่างมากเพราะความเอ๋อ ป้ำๆ เป๋อๆ ที่แสดงออกให้ชาวอเมริกันได้เห็นหลายครั้ง สร้างความสงสัยว่าสติปัญญาและการรับรู้มีเพียงพอสำหรับการเป็นผู้นำอีก 4 ปีหรือไม่

ถ้าอยู่ครบวาระก็จะมีอายุมากถึง 85 ปีเป็นผู้นำประเทศที่แก่ที่สุดเท่าที่สหรัฐฯ เคยมีมา ถ้าสังขารอยู่ไม่ครบวาระคนอเมริกันจะมีหญิงเชื้อสายอินเดียมาเป็นผู้นำ เหมือนกับอังกฤษที่มีชายเชื้อสายอินเดียเป็นนายกรัฐมนตรี

ทรัมป์ มีคดีอาญาที่คณะลูกขุนในเมืองนิวยอร์กตัดสินว่ามีความผิด 34 กระทงเช่นการปกปิดข้อมูลตัวเลขด้านบัญชี ความไม่โปร่งใสในการทำธุรกิจ การจ่ายเงินปิดปากหญิงสองรายที่อ้างว่ามีเพศสัมพันธ์ด้วย

คณะลูกขุนจะใช้เวลากำหนดโทษว่าจะเป็นเท่าไหร่ ถ้าทรัมป์ติดคุกระยะยาวโอกาสที่จะเป็นผู้นำในทำเนียบขาวก็จบลง แต่ถ้าได้รับการอภัยโทษหรือรอการลงอาญาก็อาจมีสิทธิอยู่ต่อได้

โลกจะเป็นอย่างไรด้านการสู้รบทางเศรษฐกิจและอาวุธเกี่ยวโยงกับยุโรป และตะวันออกกลางรวมถึงระหว่างจีนและไต้หวันถ้าใครก็ตามเป็นผู้นำสหรัฐฯ

ทรัมป์ ยังได้รับความนิยมจากคนอเมริกันเมื่อเทียบกับโจ ไบเดนซึ่งอยู่ในสภาพแก่ชราและมีปัญหาเรื่องขีดความสามารถในการรับรู้ เป็นตัวตลกให้สาธารณะได้ชมหลายครั้ง สร้างความอับอายให้กับคนในพรรคและคณะรัฐมนตรีหลายครั้ง

แม้ทรัมป์จะต้องอยู่ในห้องขัง คนอเมริกันก็ยังจะต้องเลือกเพราะไม่มีกฎหมายห้ามเว้นแต่ว่าจะติดคุกถาวรหลายปี ไม่สามารถทำงานในตำแหน่งประธานาธิบดีได้เท่านั้น 

ชะตากรรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ยังต้องเสี่ยงคุกตะรางเพราะมีคดีเอาเอกสารลับไปเก็บไว้ที่บ้านในรัฐฟลอริดา และกรณียุยงปลุกปั่นให้ม็อบบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาวันที่ตัวเองรู้ว่าแพ้การเลือกตั้ง

โจ ไบเดนยังอยู่ในขบวนการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยสมาชิกสภาของ รัฐสภา นำโดยพรรคเดโมแครตและคดียังไม่สิ้นสุด 

นอกจากนั้นการสนับสนุนอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ และอาชญากรรมสงครามทำให้โจ ไบเดนถูกตั้งฉายาว่าเป็นโจ genocide หรือโจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งจะทำให้ตัวเองอาจมีข้อกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรสงครามอีกด้วย 

โจ ไบเดนและครอบครัวยังถูกกล่าวหาว่าเป็นครอบครัวอาชญากรรมเพราะคดีความไม่โปร่งใสในการให้ลูกชายคนเล็กคือนายฮันเตอร์ ไบเดน ได้เป็นประธานบริษัทพลังงานของยูเครน อาศัยอิทธิพลพ่อแสวงหาผลประโยชน์

และมีหลักฐานว่าโจ ไบเดน ก็ได้รับผลประโยชน์จากลูกชายด้วย ล่าสุดนายฮันเตอร์ถูกคณะลูกขุนตัดสินว่ามีความผิดข้อหาครอบครองอาวุธปืนช่วงเวลาที่เสพยาเสพติด และอยู่ในระหว่างรอการตัดสินโทษว่าจะถึงขั้นจำคุกหรือรอลงอาญาเพราะถือว่าเป็นคดีลหุโทษ

อย่างไรก็ตาม ทั้งโจ ไบเดน และทรัมป์ ถือว่าเป็นผู้สมัครที่มีมลทินไม่เหมาะสมเป็นผู้นำประเทศซึ่งเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกแต่คนอเมริกันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะเลือกผู้สมัครอิสระ 

นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมแต่การเป็นผู้สมัครอิสระดูจะยากที่จะได้ใจคนอเมริกัน มีเฉพาะเดโมแครต และรีพับลิกันเท่านั้น

โจ ไบเดนดูเหมือนจะเป็นรองมากเพราะคนรุ่นใหม่ที่มีความเห็นใจชาวปาเลสไตน์ ไม่เอาด้วยแม้จะมีความพยายามให้เกิดข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ก็ตาม แต่ยังยากที่จะบรรลุผล

โจ ไบเดนต้องการปิดเกมทั้งยูเครนและฉนวนกาซาเพราะเป็นผลต่อความนิยม ถ้าสงครามทั้งสองไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นชัยชนะของฝ่ายโจ ไบเดนที่สนับสนุนโอกาสพ่ายแพ้ถือว่ามีมาก เว้นแต่คู่แข่งจะติดคุก

ทั้งคู่ได้ระดมทุนมหาศาลเพื่อหาเสียงและแต่ละฝ่ายก็ยังมีเงินมากพอที่จะสู้ต่างจากคนอื่นซึ่งพ่ายแพ้ไปด้วยความนิยมไม่ถึงจุดและประสบประสบการณ์น้อย

การเมืองสหรัฐฯ ซึ่งยังมุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำโลกจะต้องเผชิญกับความท้าทายและความเสื่อมความนิยมจากกลุ่มโลกที่สาม เพราะต่างหันเข้าไปอยู่ร่วมกับองค์กรที่จัดตั้งโดยจีนและรัสเซีย 

นอกจากนั้นค่าเงินดอลลาร์ยังมีปัญหาเพราะคนนิยมซื้อขายเรื่องเงินสกุลของแต่ละประเทศ แม้กระทั่งในกลุ่มอาเซียนก็ยังจะลดใช้เงินดอลลาร์และเงินสกุลอื่นเพื่อไม่ต้องการมีความเสี่ยงในกรณีมีปัญหากับสหรัฐฯ

ในอดีต จักรวรรดินิยมโรมัน สเปน อังกฤษ และชาตินักล่าเมืองขึ้นอื่นๆ ที่เคยรุ่งเรืองต่างก็ล่มสลายเพราะเกิดความเสื่อมด้านความนิยมและอิทธิพลลดลง

ต้องดูว่าสหรัฐฯ จะเป็นจักรวรรดิที่จะต้องเผชิญกับความเสื่อมทั้งค่าเงินและความนิยมในอิทธิพลต่อชาวโลก เพราะบทบาทที่ได้สร้างวิกฤตในหลายประเทศด้วยสงครามและการทำลายชาติอื่นที่ไม่ยอมก้มหัวให้

นั่นคือคำถามว่าถ้าสหรัฐฯ ถึงวาระจนตรอกจะหาทางออกด้วยการทำสงครามหรือไม่ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะกอบกู้สภาวะเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นการผลิตอาวุธสร้างรายได้อย่างที่เคยกระทำช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง

สภาวะการสู้รบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และระหว่างยูเครนซึ่งสหรัฐฯ และนาโตสนับสนุนในการทำสงครามกับรัสเซียจะเป็นตัวตัดสินว่าโลกจะเสี่ยงกับสงครามครั้งใหญ่หรือไม่

แต่ตัวตัดสินคือประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ว่าเป็นใคร แต่ไม่ว่าจะเป็นใครสหรัฐฯ ก็ยังเป็นชาติกระหายสงครามอยู่เสมอ


กำลังโหลดความคิดเห็น