xs
xsm
sm
md
lg

เครมลินย้ำคำขู่ ‘ปูติน’ รัสเซียจะส่งขีปนาวุธให้ ‘ศัตรู’ ของตะวันตกเพื่อยิงใส่มะกัน-ยุโรปเป็นการตอบโต้ที่เปิดไฟเขียวเคียฟถล่มดินแดนรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ขณะพบปะกับคณะบรรณาธิการอาวุโสจากสำนักงานข่าวและสื่อนานาชาติ ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, รัสเซีย ในวันพุธ (5 มิ.ย.)
ทำเนียบเครมลินกล่าวสำทับในวันพฤหัสบดี (6 มิ.ย.) ว่า พวกชาติตะวันตกที่จัดส่งอาวุธให้ยูเครนชนิดซึ่งสามารถโจมตีใส่ดินแดนรัสเซียได้โดยตรงนั้น จะต้องเผชิญกับผลพ่วงต่อเนื่องอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น 1 วัน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพิ่งแถลงว่า เขากำลังพิจารณาที่จะแก้เผ็ดด้วยการติดอาวุธให้แก่บรรดาศัตรูของฝ่ายตะวันตกทั่วโลก ในจุดที่โจมตีไปถึงอเมริกาและพวกชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรป

ขณะพูดกับพวกบรรณาธิการอาวุโสของสำนักข่าวและสื่อนานาชาติ ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซีย เมื่อวันพุธ (5) ปูตินบอกว่า มอสโกกำลังคิดพิจารณาเรื่องการจัดส่งพวกอาวุธรุ่นก้าวหน้าที่มีพิสัยยิงไปได้ไกลๆ –ทำนองเดียวกับพวกอาวุธซึ่งฝ่ายตะวันตกกำลังจัดส่งให้แก่ยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้ — ไปให้แก่เหล่าศัตรูของชาติตะวันตกในตลอดทั่วโลก

ในเวลากล่าวแสดงความคิดเห็นของเขาในวันพุธ ซึ่ง ปูตินได้อ้างอิงถึงพวกขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยไกลที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรกำลังจัดส่งไปให้ยูเครน ผู้นำทำเนียบเครมลินแสดงท่าทีเป็นนัยๆ ว่า เขาอาจจะดำเนินการติดอาวุธให้แก่บรรดากองกำลังต่างๆ ที่กำลังสู้รบเล่นงานผลประโยชน์ในต่างแดนของฝ่ายตะวันตก

“เรากำลังคิดกันว่า ถ้าใครบางคนคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะจัดส่งอาวุธดังกล่าวนี้ไปยังพื้นที่สงคราม ซึ่งจะได้ใช้โจมตีใส่ดินแดนของเรา และสร้างปัญหาให้แก่เรา แล้วทำไมเราจึงไม่มีสิทธิที่จะจัดส่งอาวุธของเราในชั้นเดียวกันนี้ไปให้แก่พวกภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งจะได้ทำการโจมตีใส่บรรดาอาคารสถานที่อ่อนไหวของพวกประเทศที่กำลังกระทำสิ่งเดียวกันนี้ใส่รัสเซีย” ปูติน กล่าว

“ดังนั้น การตอบโต้อาจจะกระทำได้อย่างเป็นระบบทีเดียว เราจะคิดพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้”

สำนักข่าวรอยเตอร์บอกว่า คำพูดเช่นนี้ของปูตินคือการเพิ่มความเป็นไปได้ที่มอสโกจะจัดส่งพวกขีปนาวุธยิงได้ไกลๆ ไปให้แก่กลุ่มต่างๆ ที่คัดค้านมุ่งเล่นงานผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรในพื้นที่ซึ่งเกิดความตึงเครียดทั้งหลาย อย่างเช่น ตะวันออกกลาง

เมื่อถูกสอบถามในวันพฤหัสฯ (6) ว่าทำเนียบเครมลินจะระบุชื่อประเทศหรือภูมิภาคที่รัสเซียอาจจะจัดส่งอาวุธในลักษณะนี้ไปให้หรือไม่ ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินตอบว่า “แน่นอนอยู่แล้วว่าจะไม่มีการระบุ ท่านประธานาธิบดีได้พูดออกมาอย่างที่ท่านต้องการพูดแล้ว และมันเป็นคำแถลงที่มีความสำคัญมาก ซึ่งมีความโปร่งใสมากว่าการจัดส่งพวกอาวุธที่จะถูกยิงมาใส่เรานั้น ไม่สามารถที่จะดำเนินไปโดยปราศจากผลพวงต่อเนื่องหรอก และพวกผลพวงต่อเนื่องเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

แหล่งข่าวหลายรายบอกกับรอยเตอร์ตั้งแต่เดือนที่แล้วว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ให้อำนาจเคียฟไว้แล้วในการนำเอาอาวุธที่สหรัฐฯ จัดส่งให้บางส่วนไปยิงใส่พวกเป้าหมายทางทหารที่อยู่ภายในรัสเซียได้ ถึงแม้วอชิงตันยังคงห้ามเคียฟโจมตีรัสเซียด้วยระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี “อะแทคซิมส์” (ATACMS) ซึ่งมีพิสัยทำการไกล 300 กิโลเมตร ตลอดจนอาวุธพิสัยไกลอย่างอื่นๆ ที่สหรัฐฯ จัดส่งให้

ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศ เดวิด คาเมรอน ของสหราชอาณาจักร ก็ได้กล่าวกับรอยเตอร์ ระหว่างไปเยือนกรุงเคียฟเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมว่า ยูเครนมีสิทธิที่จะใช้พวกอาวุธที่สหราชอาณาจักรจัดส่งให้ไปโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆ ภายในรัสเซียอยู่แล้ว โดยเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเคียฟเองว่าจะทำหรือไม่

ดมิตริ เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ปัจจุบันเป็นรองประธานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และถือเป็นหนึ่งในพวกสายเหยี่ยวของทำเนียบเครมลินซึ่งขยันออกมาให้ข่าวมากที่สุด ได้บอกในวันพฤหัสฯ (6) ว่า คำพูดของปูตินในวันพุธ แสดงให้เห็นถึง “การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาก” ในนโยบายการต่างประเทศของรัสเซีย

“ให้สหรัฐฯ และพันธมิตรของพวกเขาได้รู้สึกกันในเวลานี้เถอะ เรื่องที่จะมีการใช้อาวุธรัสเซียกันโดยตรงโดยพวกฝ่ายที่สาม พวกบุคคลหรือพวกภูมิภาคเหล่านี้เป็นใครเป็นเรื่องที่ตั้งใจที่จะไม่เอ่ยชื่อกันออกมา พวกเขาอาจเป็นใครก็ได้ที่พิจารณาเห็นว่า ปินโดสถาน (Pindostan คำหยาบในภาษารัสเซียที่หมายถึงสหรัฐฯ) และเหล่าสหายของพวกเขา คือศัตรูของพวกเขา” เมดเวเดฟเขียนเช่นนี้ทางช่องทางการของเขาบนแพลตฟอร์มเทเลแกรม

“ไม่ว่าความเชื่อทางการเมืองของพวกเขาจะเป็นยังไง หรือพวกเขาได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติอย่างไรบ้าง แต่ศัตรูของพวกเขาคือสหรัฐฯ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นเพื่อนมิตรของเรา”

ในการพูดคุยเมื่อวันพุธ ปูตินยังกล่าวถึงประเด็นอื่นๆ ตั้งแต่สงครามกาซาจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นปลายปีนี้ โดยบอกว่า อเมริกาไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนหรือต่อสู้เพื่อยูเครน แต่เป้าหมายการต่อสู้ของอเมริกาคือความยิ่งใหญ่ของตัวเอง

ขณะเดียวกัน รัสเซียก็ไม่ได้แคร์ว่า ใครจะได้เป็นผู้นำคนต่อไปของอเมริกา ปูตินสำทับว่า ทั่วโลกต่างประจักษ์ชัดเจนว่า ระบบศาลของอเมริกาถูกใช้เพื่อการต่อสู้ทางการเมืองกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ด้วยการเอาผิดอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ในข้อหาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนและโดยไม่มีการพิสูจน์ทางตรง

เมื่อถามถึงความเสี่ยงของสงครามนิวเคลียร์และความเสี่ยงที่จะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน ปูตินตอบว่า หลักนิยมนิวเคลียร์ของรัสเซียกำหนดว่า หากการกระทำของผู้ใดคุกคามอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และการดำรงอยู่ของรัสเซีย รัสเซียสามารถใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าวได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตะวันตกกลับคิดว่า รัสเซียจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์

ปูตินยังระบุว่า ความขัดแย้งในยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อการดำรงอยู่ของรัสเซีย กับตะวันตกที่กำลังเสื่อมลง และพยายามลูบคมรัสเซียนับจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลายเมื่อปี 1989 ด้วยการรุกล้ำเข้าสู่เขตอิทธิพลของรัสเซียซึ่งรวมถึงยูเครน

ผู้นำรัสเซียเสริมว่า ตะวันตกไม่ยอมพูดถึงต้นเหตุของสงครามในยูเครน ซึ่งตัวเขาระบุว่า เริ่มต้นขึ้นในปี 2014 หลังจากประธานาธิบดีโปรรัสเซียถูกโค่นล้มในการปฏิวัติไมดาน ซึ่งปูตินชี้ว่า เป็นการรัฐประหารที่มีอเมริกาหนุนหลัง

ตะวันตกกลับบอกว่า การรุกรานของรัสเซียเป็นการเข้ายึดดินแดนแบบจักรวรรดินิยม และประกาศช่วยยูเครนเอาชนะกองทัพรัสเซีย ขณะที่เคียฟยืนกรานว่า จะไม่หยุดสู้รบจนกว่าจะขับไล่ทหารรัสเซียพ้นจากดินแดนในการควบคุมของยูเครนและดินแดนที่มอสโกถือเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

ผู้นำตะวันตกและยูเครนเพิกเฉยต่อคำเตือนของรัสเซียเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สงครามจะลุกลามออกไป แต่กลับเตือนว่า ปูตินอาจโจมตีชาติสมาชิกนาโต

ทั้งนี้ ทั้งปูตินและไบเดนต่างระบุว่า ความขัดแย้งโดยตรงระหว่างรัสเซียซึ่งเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์อันดับ 1 กับนาโตจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3

ปูตินทิ้งท้ายว่า ตะวันตกไม่ควรผลักไสและทำให้รัสเซียกลายเป็นศัตรู และสำทับว่า การคิดว่ารัสเซียต้องการโจมตีนาโตเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น