ถ้าผู้นำรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลต้องการความสำเร็จในการยกระดับความโหดเหี้ยมอำมหิตในการสังหารชาวปาเลสไตน์ ต้องถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดวันที่ 8 ที่ผ่านมา
การปฏิบัติการชิงตัวประกันออกมาได้ 4 ราย หนึ่งรายเป็นหญิงสาวในพื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัต บริเวณฉนวนกาซาตอนกลาง กองทัพอิสราเอลแสดงให้ชาวโลกได้เห็นชาวปาเลสไตน์ไม่ใช่ผู้คนตามปกติ
กองทัพอิสราเอลใช้เครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิดในพื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัต ใช้ปืนใหญ่ถล่มไม่ยั้ง รถถังยิงกระหน่ำและกองกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าไปในพื้นที่ ฆ่าคนในโรงพยาบาลซึ่งเป็นพลเรือนและเด็ก
เมื่อชิงตัวประกันออกไปได้ 4 รายในสภาพที่ร่างกายสมบูรณ์ กองทัพอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 264 ราย มีผู้บาดเจ็บ 698 ราย
สภาพที่เจ้าหน้าที่พยาบาล แพทย์ และผู้ปฏิบัติงานของสหประชาชาติบรรยายว่าสภาพของโรงพยาบาลอัล-อักซอ มีสภาพไม่ต่างจากโรงฆ่าสัตว์ ศพผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนอนเกลื่อนทั่วบริเวณ เลือดไหลนองคละคลุ้ง
กลุ่มประชาคมยุโรปซึ่งปกติให้ความเห็นอกเห็นใจอิสราเอลถึงกับประณามว่าเป็นการสังหารหมู่โหดเหี้ยมที่สุด
กระทรวงการต่างประเทศตุรเคียแถลงการณ์ประณามว่าเป็นปฏิบัติการที่ป่าเถื่อน เจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นทำงานให้หน่วยงานสหประชาชาติประณามว่าเป็นความโหดร้าย ไร้จิตสำนึกมนุษยธรรม
พร้อมกล่าวอีกว่ารัฐอิสราเอลไม่แยแสต่อกฎระเบียบและกฎหมายระหว่างประเทศเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ขณะที่ชาวปาเลสไตน์จัดการกับผู้บาดเจ็บและศพผู้เสียชีวิตบริเวณที่อิสราเอลโจมตีในฉนวนกาซา นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู ชื่นชมกับความสำเร็จของกองทัพอิสราเอล
ญาติของตัวประกัน 4 รายก็แสดงความยินดีขณะที่ประชาชนอิสราเอลซึ่งยังมีญาติพี่น้องตัวประกันเหลืออยู่อีก 120 รายแสดงความไม่พอใจเพราะไม่แน่ใจว่าพวกตัวประกัน ที่เหลืออยู่มีความปลอดภัยหรือไม่
กองทัพอิสราเอลอ้างว่ากลุ่มติดอาวุธฮามาส ได้ยิงปืนครกใส่กองทัพอิสราเอลช่วงปฏิบัติการจึงต้องถล่มด้วยปืนใหญ่และเครื่องบินทิ้งระเบิด
นายกรัฐมนตรีกาตาร์ประกาศว่า ปฏิบัติการล่าสุดของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซาได้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอาหรับกับอิสราเอล เพราะการสังหารโหดที่สุด
คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลเคยประกาศหลายครั้งว่าชาวปาเลสไตน์เป็นกลุ่มต่ำชั้นกว่าสัตว์ เป็นพวกต่ำกว่ามนุษย์ชีวิตไม่มีความหมาย และไม่มีสิทธิที่จะตั้งเป็นรัฐอิสระ
สิ่งที่ผู้นำอิสราเอลกระทำกับชาวปาเลสไตน์ปัจจุบันไม่ต่างจากกลุ่มกองทัพนาซีเยอรมนีกระทำต่อชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีคนยิวและคนชาติอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มยิปซีถูกสังหารรวมกันประมาณ 6 ล้านคน
การที่อิสราเอลมีพฤติกรรมอยู่เหนือกฎหมายไม่ใส่ใจต่อคำวินิจฉัยและคำเตือนของศาลโลก มติของคณะมนตรีความมั่นคง และมติของสหประชาชาติ เพราะมีสหรัฐฯ หนุนหลังด้านอาวุธและงบประมาณต่อเนื่อง
นักการเมืองสหรัฐฯ ทั้งผู้แทนและวุฒิสมาชิกแสดงความโกรธแค้นที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะออกหมายจับผู้นำรัฐบาล และผู้นำกองทัพอิสราเอลข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมสงคราม
นักการเมืองอเมริกันเหล่านี้อาศัยเงินชาวยิวในการหาเสียง ดังนั้นจึงหลับหูหลับตาไม่สนใจชีวิตของชาวปาเลสไตน์ และความเหี้ยมโหดของทหารอิสราเอล
สหรัฐฯ และอิสราเอลจึงถูกเกลียดชังในกลุ่มประเทศโลกที่ 3 และไม่มีประเทศอื่นอยากคบค้าสมาคมด้วยเพราะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมสงครามตามคำวินิจฉัยของศาลโลก
ผู้นำอิสราเอลมีกำหนดที่จะไปกล่าวคำปราศรัยต่อสภาคองเกรส ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. วันที่ 24 กรกฎาคมถือว่าเป็นการรายงานความสำเร็จในการทำสงครามในฉนวนกาซา
กลุ่มนักการเมืองซึ่งพึ่งพาเงินหาเสียงจากชาวยิว คงชื่นชมกับผลงานของกองทัพอิสราเอล ขณะที่หนุ่มสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วประเทศสหรัฐฯ ยังคงชุมนุมประท้วงพฤติกรรมเหี้ยมโหดของทหารอิสราเอลและเรียกร้องให้มีการหยุดยิง
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่าไม่ได้มีประชาธิปไตยตามคำอ้างเพราะปิดกั้นการชุมนุมและการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพภายใต้รัฐธรรมนูญเพราะกระบวนการการศึกษาถูกปราบปรามและถูกจับกุมคุมขังโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
นักศึกษาผู้ชุมนุมมีทั้งชาวยิวเป็นคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 40 ปี มีความเห็นอกเห็นใจกับสภาพของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่มาตั้งแต่การกำเนิดรัฐอิสราเอลในปี 1948
มุมมองของประชาคมโลกซึ่งเคยเห็นใจการดิ้นรนของชาวยิวได้เปลี่ยนไปเมื่อเห็นความเหี้ยมโหดของกองทัพอิสราเอลกระทำต่อชาวปาเลสไตน์ซึ่งไม่ต่างจากกองทัพนาซีกระทำกับชาวยิว
ปัจจุบันข้อกล่าวหาที่รัฐอิสราเอลเผชิญคืออาชญากรรมสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
มีเกือบ 150 ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติได้ลงมติรับรองปาเลสไตน์ให้เป็นสมาชิกและสมควรเป็นรัฐอิสระมีแต่สหรัฐฯ อิสราเอล และกลุ่มประเทศยุโรปไม่กี่แห่งซึ่งคัดค้าน
ผู้นำอิสราเอลประกาศว่าจะยังทำสงครามต่อไปจนกว่ากลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซาถูกกำจัดจนหมดสิ้นและจะไปเริ่มจัดการกับกลุ่มอื่นๆ ในเลบานอนและประเทศใกล้เคียง
นั่นหมายความว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ยังจะมีอยู่ต่อไปอีกหลายปีจนกว่าจะมีอะไรหรือมาตรการอื่นใดที่จะจัดการกับปัญหานี้ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ และอิสราเอล
ความเปลี่ยนแปลงคงจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนซึ่งต้องดูว่าใครจะเป็นผู้นำทำเนียบขาวระหว่างโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ไม่ว่าใครจะมาก็ยังจะสนับสนุนอิสราเอลต่อไป
ความล่มสลายด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อิสราเอล หรือสงครามภูมิภาคตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะเท่านั้นที่อาจจะหยุดยั้งสงครามในปาเลสไตน์ได้