ในรายการวิเคราะห์การเมืองอย่างเผ็ดร้อนที่สถานีโทรทัศน์ NBC ในสายของวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา สว.อาวุโสแห่งรัฐเซาท์แคโรไลนา และเป็นสายซูเปอร์เหยี่ยวที่บ้าสงครามคือ ลินด์ซีย์ แกรม (Lindsey Graham) ได้ออกมาประณามการชะลอหยุดส่งระเบิดร้ายแรง (หนัก 907 กก./2,000 ปอนด์ จำนวน 2,000 ลูก) ไปให้กองทัพอิสราเอล เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลสงครามของนายกฯ เนทันยาฮู นำระเบิดเหล่านี้ไปถล่มเมืองราฟาห์ เพื่อตามล่านักรบฮามาสและกำจัดนักรบเหล่านี้ให้สิ้นซาก
สว.ลินด์ซีย์ แกรม ได้ยกเอาเหตุการณ์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจส่งระเบิดปรมาณู 2 ลูกไปถล่ม เมืองแรกคือ ฮิโรชิมา ซึ่งคนตายไปทันทีหลายแสนคน...แล้วยังส่งระเบิดปรมาณูลูกที่สองไปถล่มเมืองนางาซากิ ซึ่งก็ราบเป็นหน้ากลองเช่นเดียวกัน
สว.ลินด์ซีย์ แกรม เขาอธิบายว่า การที่รัฐบาลสงครามของเนทันยาฮู กำลังบุกทำลายฉนวนกาซา เพื่อพิฆาตนักรบฮามาส ก็เหมือนช่วงที่สหรัฐฯ ถูกถล่มโดยกองทัพญี่ปุ่น ที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor) และต้องรีบปกป้องตัวเอง จึงเข้าร่วมสงครามกับพันธมิตร และการต้องใช้ระเบิดปรมาณูทำลาย 2 เมืองของญี่ปุ่น เพื่อปกป้องประเทศสหรัฐฯ จากการรุกรานของฝ่ายอักษะที่มีกองทัพญี่ปุ่นอันเกรียงไกรในภูมิภาคแปซิฟิก
ซึ่งการที่สหรัฐฯ ทำลายเมืองญี่ปุ่นทั้งสองแห่งในครั้งนั้น ทำให้สงครามจบสิ้นลงได้ โดยญี่ปุ่นยอมแพ้โดยดุษฎี
เขาถามว่า ทำไมเรา (สหรัฐฯ) จึงไม่ยอมส่งระเบิดทรงพลังไปให้เนทันยาฮูตอนนี้ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่จะกำจัดฮามาสให้หมดสิ้นไป... สหรัฐฯ เคยทำอย่างถูกต้องในการถล่มระเบิดปรมาณูทำลาย 2 เมืองในประวัติศาสตร์ และตอนนี้เราก็ต้องทำเช่นนั้นอีก มิฉะนั้น อิสราเอลก็จะยังไม่มีทางดำรงอยู่อย่างสงบ ถ้ายังปราบฮามาสไม่ราบคาบ
สว.แกรม กำลังส่งสัญญาณให้กองทัพอิสราเอลปราบฮามาสด้วยทุกวิถีทาง แม้จะใช้ระเบิดปรมาณูก็สมควรทำ...ใช่หรือไม่
ผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ ซึ่งได้ทำการบ้านมาอย่างดี ได้ยกเอาอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีตสมัยปธน.โรนัลด์ เรแกน ช่วง 1980 ได้ยื่นคำขาดต่ออิสราเอลที่สหรัฐฯ จะไม่ยอมส่งอาวุธให้ชั่วคราว เพราะรู้ดีว่า อิสราเอลจะใช้ระเบิดที่สหรัฐฯ ส่งไปให้ในการกราดยิงทำร้ายพลเรือนและบ้านเรือนในเลบานอน ขณะที่อิสราเอลกำลังทำสงครามกับเลบานอน
มันคือเหตุการณ์ที่คล้ายกับขณะนี้ที่ปธน.ไบเดน ระงับ (ชั่วคราว) ที่จะส่งระเบิดร้ายแรงให้กับครม.สงครามของนายกฯ เนทันยาฮู
แต่ สว.แกรม กำลังเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ แต่ตอกย้ำว่า การใช้ปรมาณูถล่มฮิโรชิมากับนางาซากิเป็นเรื่องจำเป็น และถูกต้องที่สุด... ทั้งๆ ที่ขณะนี้มีการรณรงค์ห้ามใช้ระเบิดปรมาณูในการทำสงคราม และชาวญี่ปุ่นก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการรณรงค์ไม่ให้ชาติใดๆ นำระเบิดปรมาณูมาใช้เป็นอาวุธสงครามอีกครั้งหนึ่ง จากความเจ็บปวดหลายชั่วอายุคนที่ชาวญี่ปุ่นต้องประสบมา ไม่เพียงในทันทีที่ระเบิดถูกทิ้งมาทำลายชีวิตและบ้านเรือนของเมืองทั้งเมือง แต่ลูกหลานของผู้รอดชีวิตก็ต้องเป็นเหยื่อของโรคมะเร็งล้มตายกันอีกมากมาย
ปฏิกิริยาของครม.สงครามซูเปอร์เหยี่ยวที่เมืองเทลอาวีฟ ได้มีการประกาศในเอ็กซ์ (หรือทวิตเตอร์เดิม) ทันที นำโดยรมต.เบนกาวีร์ แห่งกระทรวงความมั่นคงว่า Hamas Love Biden หรือกลุ่มฮามาสจะรู้สึกรักปธน.ไบเดนอย่างเต็มที่ ที่ปธน.ไบเดนหยุดส่งระเบิดทรงพลังไปให้กองทัพอิสราเอล...และเป็นการยืดอายุของกองกำลังฮามาสให้สามารถยังกบดานอยู่ได้นานต่อไป
ทั้งๆ ที่ปธน.ไบเดน และรมต.กลาโหม ลอยด์ ออสติน รวมทั้งรมต.ต่างประเทศบลิงเคน ต่างออกมาอธิบายว่า จำเป็นต้องหยุดส่งระเบิดส่งอันทรงพลังให้เนทันยาฮู เพราะครม.สงครามของเนทันยาฮูไม่มีแผนสำหรับการอพยพพลเรือนปาเลสไตน์จำนวนเป็นล้านๆ คนออกจากราฟาห์ ก่อนที่จะยิงถล่มบุกภาคพื้นดินเข้าไปถึงใจกลางราฟาห์…ซึ่งปธน.สหรัฐฯ ได้ยอมรับว่า กองทัพอิสราเอลได้ทำลายชีวิตพลเรือนปาเลสไตน์ รวมทั้งบ้านเรือน, โรงพยาบาล, โรงเรียน, โบสถ์ทางศาสนาจนราบคาบ ซึ่งสหรัฐฯ ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีกที่ราฟาห์...ส่วนหนึ่งคือ สหรัฐฯ จะตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่รัฐบาลเนทันยาฮูกำลังเป็นจำเลยอยู่ที่ศาล ICJ และ ICC...แต่อีกส่วนหนึ่งคือ ไบเดนย้ำว่า อาวุธร้ายแรงที่ได้ทยอยส่งให้เนทันยาฮูมาตลอด ตั้งแต่ 7 ตุลาคม (จริงๆ แล้วรัฐบาลสหรัฐฯ มีหน้าที่ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และความช่วยเหลือให้แก่อิสราเอลมาตั้งแต่ 1948!!) ก็เพื่อป้องกันประเทศอิสราเอลจากการถูกโจมตีจากต่างประเทศ ไม่ใช่ใช้อาวุธที่ส่งมาให้เพื่อไปโจมตีประเทศอื่นๆ...และไบเดนก็ย้ำแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนเคียงข้างค้ำจุนรัฐอิสราเอลให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการที่อิสราเอลถูกโจมตีในวันที่ 7 ตุลาคมนั้น ทำให้อิสราเอลมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะตามไล่พิฆาตฮามาสไปที่ฉนวนกาซา เพียงแต่การไล่ล่าฮามาสนั้นจะต้องไม่ไปฆ่าฟัน (โดยไม่เลือกหน้า) ชาวปาเลสไตน์ที่เป็นพลเรือน จนตายและบาดเจ็บเกินกว่า 1 แสนคนแล้ว และ 70% ของการตายและบาดเจ็บนี้เป็นเด็กๆ และผู้หญิงที่ไม่มีอาวุธ ไม่ใช่นักรบฮามาส!
เนทันยาฮูตอบโต้ต่อปธน.ไบเดนอย่างเจ็บแสบว่า เขาและครม.สงครามและชาวอิสราเอล (ยกเอาประชาชนชาวอิสราเอลมาแอบอ้าง) จะต่อสู้กับฮามาสแม้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ หรือจากรัฐอื่นๆ...จะสู้อย่างโดดๆ.. .แม้ไม่เหลืออาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว แม้จะมีอาวุธคู่กายคือ เล็บมือของเราเท่านั้น ก็จะสู้กับฮามาส!! เป็นการตอกกลับไบเดน ที่อาจทำให้ชาวยิวในสหรัฐฯ ที่ทรงอิทธิพลทางด้านการเงิน จะได้งดให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้สมัคร สส., สว.ของเดโมแครต รวมทั้งตัวไบเดนเอง ในการแข่งขันตำแหน่งปธน.ที่สหรัฐฯ ด้วย!