xs
xsm
sm
md
lg

อิสราเอลไม่เลิกโหดอำมหิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



อิสราเอลเคยถูกมองว่าเป็นประเทศน่าเห็นใจต้องต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางกลุ่มชาติอาหรับที่เป็นปฏิปักษ์นับตั้งแต่ชาวยิวมาตั้งรกรากในพื้นที่ปาเลสไตน์ ในปี 1948 โดยการสนับสนุนของชาติมหาอำนาจเช่นสหรัฐฯ และอังกฤษ

คนยิวจากสารพัดทิศมาแย่งพื้นที่และขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปและมีการต่อสู้แย่งชิงพื้นที่ รวมทั้งทำสงครามขนาดใหญ่ในปี 1967 และปี 1983 กับประเทศอาหรับ ซึ่งอิสราเอลเป็นฝ่ายชนะ

ในปี 1972 นักกีฬาโอลิมปิกของอิสราเอลถูกสังหารในเมืองมิวนิก เยอรมนีในเดือนกันยายนปี 1972 ด้วยกลุ่มกันยายนทมิฬ

ชาวอิสราเอลถูกจับเป็นตัวประกันในเครื่องบินโดยสารแอร์ฟรานซ์ ถูกนำตัวไปที่กรุงแคมปาลา ประเทศยูกันดา และอิสราเอลต้องใช้หน่วยคอมมานโดไปนำตัวกลับมาจากสนามบินเอ็นเทบเบ้

ด้วยโฆษณาชวนเชื่อและการสนับสนุนของโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา อิสราเอลและขบวนการไซออนิสต์ เป็นผู้ได้รับความเห็นใจหลังจากที่ชาวยิว 6 ล้านคน ถูกสังหารในค่ายกักกันนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ด้วยเงินมหาศาลและสามารถควบคุมการเมืองสหรัฐฯ อย่างเด็ดขาด ทำให้อิสราเอลมีอิทธิพลเหนือนักการเมืองสหรัฐฯ ที่ผ่านมาได้รับเงินช่วยเหลือและอาวุธจากสหรัฐฯ มากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์

เป็นเงินภาษีคนอเมริกันทั้งนั้นซึ่งมีความเห็นใจอิสราเอล ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทุกคนต้องอยู่ข้างอิสราเอลไม่ว่าจะเป็นเรื่องถูกหรือผิด

อิสราเอลมีอิทธิพลเหนือศาลโลกและองค์การสหประชาชาติเพราะได้รับการสนับสนุนอย่างแรงจากสหรัฐฯ และยุโรป ดังนั้นการสังหารชาวปาเลสไตน์ที่ผ่านมาจึงไม่มีใครทำอะไรได้

ตัวแทนอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติจึงแสดงความอหังการทุกยุคและเหยียดหยามดูหมิ่นชาติอื่นโดยตลอด

นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้บุกเข้าไปในฉนวนกาซาเพื่อตอบโต้กลุ่มติดอาวุธฮามาส ซึ่งได้บุกเข้าไปในพื้นที่อิสราเอลและสังหารชาวยิว 1,139 คน

อิสราเอลได้ระดมพลกว่า 300,000 นายบุกเข้าไปในฉนวนกาซาและใช้แสนยานุภาพด้านการทหารที่เหนือกว่าทิ้งระเบิดถล่มอาคารบ้านเรือนในฉนวนกาซาและสังหารประชาชนปาเลสไตน์อย่างเหี้ยมโหด

ถึงวันนี้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 35,000 รายและบาดเจ็บพิการมากกว่า 78,000 รายไม่นับผู้สูญหายเสียชีวิตภายใต้อาคารถล่ม

กองทัพอิสราเอลได้สังหารพลเรือนซึ่ง 70% เป็นเด็ก และผู้หญิง ได้ถล่มค่ายผู้ลี้ภัยตลอดพื้นที่ฉนวนกาซาอาคารทุกประเภทถูกทิ้งระเบิดขนาด 2,000 ปอนด์ที่สหรัฐฯ มอบให้
กองทัพอิสราเอลสังหารเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ แพทย์ พยาบาล ผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาทุกข์ และผู้ลี้ภัย พบหลุมฝังศพหมู่ในพื้นที่โรงพยาบาลที่กองทัพอิสราเอลบุกเข้าไป

ช่วงสองวันที่ผ่านมา อิสราเอลได้สั่งให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ราฟาห์ มากกว่า 400,000 คนและทิ้งระเบิดไล่จากด้านเหนือจนถึงด้านใต้ของฉนวนกาซา

กองทัพอิสราเอลได้แสดงความเลือดเย็นอำมหิตด้วยการสังหารเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ เผารถบรรทุกที่ส่งเสบียงอาหารและสิ่งของจำเป็นให้ชาวปาเลสไตน์

นี่เป็นการปิดล้อมสังหารหมู่และใช้อาวุธทุกประเภทสังหารชาวปาเลสไตน์โดยไม่สนใจต่อคำเตือนของสหประชาชาติ ศาลโลกและศาลอาญาระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ประกาศห้ามเตือนอย่างเสียไม่ได้

อิสราเอลได้ละเมิดกฎหมายทุกอย่างด้วยความสนับสนุนของสหรัฐฯ เป็นพฤติกรรมอาชญากรรมสงคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เหยียดผิวและเชื้อชาติ

เป็นการกระทำที่ไร้ความเมตตาปรานีต่อเพื่อนมนุษย์เพราะอิสราเอลมองชาวปาเลสไตน์ว่าต่ำชั้นกว่าสัตว์และไม่ได้เป็นมนุษย์

นี่เป็นอิสราเอลซึ่งรับรู้ว่าชาวยิวเคยถูกฆ่าโหดโดยกองทัพนาซีแต่ปัจจุบันอิสราเอลซึ่งถือว่าเป็นชาติที่เจริญมีนักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าระดับอัจฉริยะมากมาย แต่ใครจะนึกว่ามีธาตุแท้ของความโหดเหี้ยมเกินบรรยาย

การทำลายรถเสบียงอาหารและสิ่งของจำเป็นสำหรับชาวปาเลสไตน์ถือว่าเป็นความเลือดเย็น และชั่วร้ายอาจจะต่ำกว่าสัตว์ที่อิสราเอลจัดลำดับให้ชาวปาเลสไตน์

ผู้นำรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลทำให้ประเทศถูกรังเกียจโดยประชาคมโลกและสหรัฐฯ เองก็ยอมรับว่าสิ่งที่กองทัพอิสราเอลทำนั้นเข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

แต่อาศัยความเป็นชาติมหาอำนาจสหรัฐฯ จึงขัดขวางไม่ให้ปาเลสไตน์ได้เป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ขององค์การสหประชาชาติ สะท้อนให้เห็นสภาพของปิศาจคาบคัมภีร์ของสหรัฐฯ และความอำมหิตเช่นกัน

ในการลงมติการประชุมของสหประชาชาติมี 143 ประเทศรับรองปาเลสไตน์ แต่มี 9 ประเทศคัดค้านซึ่งรวมทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลมี 25 ประเทศ งดออกเสียง

ทุกวันนี้ชาวปาเลสไตน์ต้องเสียชีวิตแต่ละวันหลาย 10 คนและส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง โดยที่กองทัพอิสราเอลกว่า 300,000 นายไม่สามารถจัดการกับกลุ่มติดอาวุธที่มีกว่า 30,000 นาย

ความขี้ขลาด อำมหิตเลือดเย็นของกองทัพอิสราเอลจึงได้รับความเห็นใจจากประชาคมโลกเหมือนยุคก่อนที่ทำสงครามกับอาหรับ

อิสราเอลและสหรัฐฯ จึงไม่ต่างจากสภาพหมาหัวเน่าในประชาคมโลก และยังไม่สนใจต่อเสียงประณาม ทำให้เห็นว่าประเทศที่พัฒนาด้านวัตถุแต่ต่ำชั้นด้านจิตใจเกินประเมิน


กำลังโหลดความคิดเห็น