ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเหมือนจะเคราะห์กรรมไม่สิ้นสุด เกือบจะครบ 4 ปีของการดำรงตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว แต่อนาคตของชายวัย 80 ปีดูมืดมน
โอกาสจะแพ้เลือกตั้งชิงเก้าอี้สมัยที่สองปลายปีนี้ก็เป็นไปได้มาก แม้ว่าคู่แข่งอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีคดีอาญาคาศาลอยู่พร้อมโอกาสติดคุกมีอยู่มากก็ตาม
โจ ไบเดนมีแต่ความล้มเหลวในช่วงการเป็นผู้นำประเทศ ดูเหมือนเป็นผู้นำที่คนอเมริกันไม่มีทางเลือกเพราะโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความเสียหายมากมายในสมัยแรกด้วยการทำสงครามเศรษฐกิจกับจีน
วิกฤตที่โจ ไบเดนเผชิญอยู่คือความพ่ายแพ้ในสงครามยูเครนกับรัสเซียซึ่งสหรัฐฯ ได้ทุ่มเงินไปกว่า 1.04 แสนล้านดอลลาร์ เป็นการประเมินผิดพลาดอย่างมากโดยคาดว่ามาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซียจะทำให้สหรัฐฯ และนาโตชนะสงครามได้
เป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญในสงคราม 20 ปีในอัฟกานิสถานที่กองทัพสหรัฐฯ ต้อง หนีจากกรุงคาบูล อย่างทุลักทุเลในเดือนสิงหาคมสองปีก่อนไม่ต่างจากการหนีออกจากกรุงไซง่อนเมื่อแพ้สงครามเวียดนามในปี 1975
ล่าสุดโจ ไบเดนกำลังจะพบกับความท้าทายกับผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ซึ่งประกาศว่าจะไม่ยอมเปิดพรมแดนให้ผู้ลี้ภัยจากอเมริกาใต้เข้าประเทศอย่างเด็ดขาด
ผู้การเกร็ก แอบบอตต์ ได้วางกองกำลังป้องกันชาติ ตามพรมแดนซึ่งมีลวดหนามติดใบมีดโกนวางยาวแนวตลอดไม่ให้ผู้ลี้ภัยจากอเมริกาใต้ข้ามแดน
โจ ไบเดนมีนโยบายผ่อนปรนปล่อยผู้ลี้ภัยจากชายแดนภาคใต้เข้าประเทศมากถึง 7.2 ล้านคน และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมามีผู้หนีภัยเข้ามาถึง 3 แสนคน สร้างปัญหาในการดูแลอย่างมาก
มลรัฐในภาคใต้ มีพรมแดนติดกับเม็กซิโกมีปัญหาโดยตลอดเพราะไม่สามารถกั้นผู้ลี้ภัยได้แม้ในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีการสร้างกำแพงเป็นแนวยาวก็ตาม แต่ก็ยังสกัดได้ไม่หมดเพราะมีปัญหางบประมาณและคำสั่งศาลสูง
วิกฤตระหว่างรัฐเท็กซัสกับรัฐบาลกลางใกล้ถึงจุดระเบิดเมื่อเท็กซัสประกาศว่าจะเป็นรัฐอิสระขอแยกตัวจากสหรัฐอเมริกา และที่ผ่านมามีผู้ว่าการรัฐซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกันสนับสนุนอยู่ถึง 25 คน
รัฐเท็กซัสมีกำหนดจะฉลองวันประกาศอิสรภาพจากเม็กซิโกซึ่งเกิดขึ้นวันที่ 2 มีนาคมปี 1837 ดังนั้น ถ้าสถานการณ์เลวร้ายลงรัฐเท็กซัสอาจฉวยโอกาสเอาวันเดียวกันนี้แยกตัวจากสหรัฐฯ ได้
เท็กซัสมีประชากร 34 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองรองจากรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งมีประชากร 40 ล้านคน แต่เท็กซัสมีพื้นที่ใหญ่กว่าพร้อมทรัพยากรเช่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
นี่เป็นวิกฤตภายในประเทศซึ่งอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ถ้าเท็กซัสประกาศแยกตัวออกจากสหรัฐฯ อาจจะทำให้มลรัฐอื่นเช่นแคลิฟอร์เนียหรือฟลอริดาเอาอย่างด้วย
ในแผ่นดินสหรัฐฯ ถือว่ามี 48 ประเทศอยู่บนพื้นที่เดียวกันรวมกันเป็นสหรัฐอเมริกาโดยมีรัฐฮาวายและอะแลสกาอยู่ห่างออกไป ซึ่งอาจมีปัญหาเช่นกันโดยอะแลสกากำลังถูกทวงคืนโดยรัสเซียซึ่งขายพื้นที่ให้สหรัฐฯ ในราคาถูก ก่อนหน้านี้
ถ้าเท็กซัสประกาศแยกตัวออกไปจริงและรัฐอื่นซึ่งมีความสำคัญด้านเศรษฐกิจทำตามจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างแรงต่อสหรัฐฯ อำนาจเศรษฐกิจและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติก็น้อยลง
การเมืองสหรัฐฯ บริหารโดยสองพรรคคือรีพับลิกันและเดโมแครต ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงผู้ว่าการรัฐทำให้เกิดบรรยากาศของความแข่งขันและแตกแยกด้วยปัญหาการกระจุกตัวของชนมีสีผิวเช่นกลุ่มนิโกรและลาติโนจากอเมริกาใต้
สหรัฐฯ เป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลมีพลเมืองต่ำกว่า 350 ล้านคน หรือประมาณ 4% ของประชาคมโลกแต่เป็นชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งด้านเศรษฐกิจและแสนยานุภาพด้านอาวุธสงคราม โดยมีเงินสกุลดอลลาร์ควบคุมเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม อำนาจและสถานภาพความเป็นหนึ่งของสหรัฐฯ กำลังเสื่อมโทรมเพราะถูกท้าทายหรือกลุ่มประเทศต่างๆ ซึ่งหันไปคบกับรัสเซียและจีน
การสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ทำให้สถานภาพของสหรัฐฯ ถูกโดดเดี่ยว ความพ่ายแพ้ในสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียทำให้ความน่าเชื่อถือในกลุ่มนาโตและยุโรปลดลง
ถ้าผลสุดท้ายรัฐเท็กซัสแยกตัวไปจริงสหรัฐฯ ต้องตอบคำถามให้ชาวโลกว่าความเป็นผู้นำสิ้นสุดแล้วโดยไม่มีโอกาสหวนคืนหรือไม่
ที่สำคัญผู้นำประเทศหลังเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็น โจ ไบเดนหรือ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็จะเป็นตัวเร่งให้สหรัฐฯ ดีขึ้นหรือแย่ลงเช่นเดียวกัน
หรือจะเป็นวาระของการล่มสลายของอาณาจักรเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับกรุงโรมก่อนหน้านี้