หลังจากการเจรจากันหลายรอบในที่สุดรัฐบาลอิสราเอลก็ยอมตกลงที่จะให้กองทัพหยุดยิง 4 วันเพื่อแลกตัวประกัน 50 รายเป็นผู้หญิงและเด็กจากการจับตัวโดยกลุ่มฮามาส
ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าคณะรัฐมนตรียิว จะตกลงเพราะถกกันถึงสว่าง ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้ประกาศว่าสงครามจะยังมีต่อไป แม้จะมีการส่งตัวประกันให้
ข้อตกลงนี้คาดว่าฝ่ายอิสราเอลจะส่งตัวนักโทษ 150 รายชาวปาเลสไตน์ให้กับกลุ่มฮามาส โดยที่ยังไม่ได้ระบุตัวว่ามีใครบ้าง แต่ฝ่ายอิสราเอลจะมีหญิงและเด็ก 50 ราย
ภายใต้ข้อตกลงนี้ฝ่ายอิสราเอลจะหยุดยิง 4 วัน นั่นคือถ้าฝ่ายฮามาสส่งตัวประกัน 10 รายก็จะหยุดยิงวันต่อไปหนึ่งวัน เป็นเหตุจูงใจที่จะให้มีการแลกตัวประกันเพิ่ม
รัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าจะมีตัวประกันของสหรัฐฯ ได้รับการปล่อยตัวต่อไปซึ่งกลุ่มแรกนี้จะมีชาวอิสราเอลสัญชาติเดียวหรืออาจจะมีคนสองสัญชาติก็เป็นได้
แต่ความสำคัญอยู่ที่ว่ากลุ่มแรกเป็นอิสราเอลก่อนเท่านั้น ส่วนจะมีชาติอื่นอย่างเช่นไทยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายผู้จับตัวประกัน
และยังไม่แน่นอนว่าหลังจากการปล่อยตัวแล้วอิสราเอลจะเริ่มโจมตีที่มั่นของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาและทำลายบ้านเมืองต่อไปหรือไม่
ที่ผ่านมา การรายงานของฝ่ายสาธารณสุขในฉนวนกาซาบอกว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 14,000 รายและกว่า 5,000 รายเป็นเด็กโดยการโจมตีของกองทัพอากาศอิสราเอลและรถถัง
เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารหมู่ และการเกลียดชังสีผิวรวมถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่างโดยขาดศีลธรรมและมนุษยธรรม
กองทัพอิสราเอลได้ทำลายโรงพยาบาลในกาซาไปแล้ว 18 แห่งรวมทั้งโรงพยาบาลอินโดนีเซียและโรงพยาบาลอัล ชิฟา ซึ่งทันสมัยและใหญ่ที่สุด ขับไล่ผู้ป่วยและคณะแพทย์ออกจากโรงพยาบาลเพื่อจะทำลายให้สิ้นซาก
นอกจากนั้นยังขยายการโจมตีไปยังค่ายผู้ลี้ภัยโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศและหลักการแห่งมนุษยธรรมเป็นอาชญากรรมสงคราม
นอกจากโรงพยาบาลและโรงเรียนแล้ว เป้าหมายที่กองทัพอิสราเอลโจมตีคือค่ายผู้ลี้ภัยต่างๆ โดยเฉพาะจาบาเลียซึ่งฝ่ายอิสราเอลอ้างว่ามีกลุ่มติดอาวุธปะปนอยู่แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้
เป้าหมายที่แท้จริงของอิสราเอลคือการทำลายทุกอย่างในพื้นที่กาซาให้ย่อยยับไม่ให้อยู่ในสภาพที่ชาวปาเลสไตน์จะอาศัยได้ เพราะไม่เหลือโครงสร้างของสาธารณูปโภคที่จำเป็นไว้เลยแม้แต่อ่างเก็บน้ำ
เป้าหมายที่ไม่ประกาศของอิสราเอลคือการยึดครองพื้นที่กาซาอย่างถาวรเป็นการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ให้ออกจากพื้นที่ด้วยการฆ่าให้มากที่สุดเพื่อสร้างความหวาดกลัวและลดจำนวนประชากรปาเลสไตน์
ความหวังที่จะให้มีสองรัฐ คือปาเลสไตน์และอิสราเอลอยู่ร่วมกันนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะผู้นำการเมืองอิสราเอลไม่ยอมโดยอ้างความปลอดภัย
อย่างมากที่สุดถ้าชาวปาเลสไตน์จะมีพื้นที่ในกาซาก็จะต้องไม่มีกลุ่มติดอาวุธหรือกลุ่มหัวรุนแรง และจะต้องอยู่ภายใต้กฎเหล็กของยิวต่อไปอย่างที่เป็นมา 16 ปีภายใต้การปิดล้อมให้กาซาเป็นเหมือนคุก
ความอำมหิตโหดเหี้ยมของผู้นำรัฐบาลและกองทัพยิวทำให้มีการเดินขบวนประท้วงทั่วโลกทั้งในยุโรป สหรัฐฯ และในชาติอาหรับมุสลิมซึ่งได้สร้างความเกลียดชังชาวยิวทำให้รัฐอิสราเอลถูกโดดเดี่ยว
หลายชาติได้เรียกทูตกลับจากอิสราเอลและมีบางประเทศประกาศตัดความสัมพันธ์แต่อิสราเอลไม่สนใจเพราะมีสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนหลักและยุโรป
สถานการณ์ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าจะนำไปสู่อะไร หลังจากการลดตัวประกันจบสิ้นลง เพราะผู้นำอิสราเอลคงจะต้องสั่งให้กองทัพฆ่าชาวปาเลสไตน์ต่อไป โดยอ้างว่าต้องกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธให้หมดสิ้น
นั่นหมายถึงจะต้องสังหารประชาชนปาเลสไตน์อีกหลายหมื่นหรือหลายแสนคน ซึ่งต้องดูว่าประชาคมโลกและกลุ่มประเทศอาหรับมุสลิมจะยอมอยู่นิ่งหรือไม่
โอกาสที่สงครามจะขยายตัวโดยที่อิสราเอลพยายามดึงสหรัฐฯ เข้ามาร่วมเพื่อจัดการกับอิหร่านก็มีความเป็นไปได้ เพราะตอนนี้อิสราเอลพยายามโจมตีกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน และมีการยิงโต้ตอบกันไปมา
นั่นต้องดูว่าการขยายตัวของการสู้รบจะเกิดขึ้นหรือไม่และอิสราเอลจะสามารถรับมือกับการถูกโจมตีโดยฝ่ายกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในอิรักและซีเรียรวมถึงกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ซึ่งใช้จรวดยิงโจมตีอิสราเอลหลายครั้ง
สงครามระหว่างยิวกับปาเลสไตน์ ยังจะมีต่อไปถ้าอิสราเอลยังครอบครองพื้นที่กาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนโดยสมบูรณ์ และเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าคนสอง เผ่าพันธุ์นี้อยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันไม่ได้
กองทัพอิสราเอลได้ถูกตราหน้าว่าเป็นกองทัพก่อการร้ายไปแล้วเพราะพฤติกรรมเหี้ยมโหดซึ่งได้กระทำกับชาวปาเลสไตน์เกินกว่ากลุ่มก่อการร้ายกระทำเพราะไม่เว้นแม้แต่เด็กในโรงพยาบาล
หลายประเทศได้นำเรื่องขึ้นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศโดยมีผู้นำอิสราเอลเป็นผู้ถูกกล่าวหา แม้ว่าอิสราเอลจะไม่เป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศก็ตาม
อย่างน้อยที่สุดก็เป็นครั้งแรกที่อิสราเอลถูกโดดเดี่ยวโดยประชาคมโลก และจะนำไปสู่การคว่ำบาตรทางการเมืองหรือไม่ต้องรอดูผลสุดท้าย