xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณอย่าย่ามใจในอำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



สังคมไทยส่วนหนึ่งคาดหวังว่ารัฐบาลเศรษฐา ภายใต้พรรคเพื่อไทยและพรรคขั้วรัฐบาลเดิมนั้นจะเป็นรัฐบาลที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง และรับมือกับความร้อนแรงของพรรคก้าวไกลที่ท้าทายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

บางคนคาดหวังกระทั่งว่า ความขัดแย้งและความรุนแรงของคนในชาติที่แบ่งออกเป็นสองฝ่ายยาวนานเกือบสองทศวรรษจะจบสิ้นเสียที แม้คลื่นลูกใหม่ที่ก่อตัวในนามของพรรคก้าวไกลกลายมาเป็นปัญหาของความขัดแย้งใหม่ในสังคมไทย แต่ถ้าคนเสื้อแดงและเสื้อเหลืองจับมือกันก็น่าจะรับมือและบรรเทากับความท้าทายใหม่นี้ได้ไม่ยาก อย่างน้อยก็ไม่ยอมให้คลื่นของการเปลี่ยนแปลงมันถั่งโถมรุนแรงจนเกินจะยอมรับได้

การกลับมาประเทศของทักษิณนั้นเป็นความปรารถนาของคนทุกเสื้อสี คนเสื้อเหลืองที่เคยต่อสู้กับทักษิณก็อยากเห็นทักษิณกลับสู่กระบวนการยุติธรรม คนเสื้อแดงที่รักทักษิณก็อยากให้ทักษิณกลับบ้านเกิดและคาดหวังว่าไม่นานทักษิณจะออกมาสู่โลกภายนอก

สำหรับทักษิณแม้เขาจะมีอิสรภาพและโบยบินไปประเทศไหนได้ทั่วโลก สิบกว่าปีที่ล่องลอยอยู่ในต่างแดนก็ไม่มีความสุขเท่ากับได้กลับแผ่นดินเกิดที่เขาลงหลักปักฐานมีครอบครัวและคนที่รักรอเขาอยู่

หลายคนคาดหวังว่าความเจือจางลงของความขัดแย้งและการกลับมารับโทษทัณฑ์ของทักษิณ จะทำให้ความบาดหมางในอดีตลบเลือนไปและจับมือกันเพื่อตั้งรับการความท้าทายใหม่ที่กำลังจุดประเด็นความขัดแย้งใหม่ของสังคมขึ้นมา

แต่ทันทีที่ทักษิณกลับประเทศมันกลับตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันของสังคมเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาเข้าไปจองจำในเรือนจำที่ว่ากันว่ามีการเตรียมห้องจำกัดอิสรภาพของเขาไว้อย่างดีกว่านักโทษทั่วไป แต่อยู่ที่นั่นเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมง เขากลับถูกส่งตัวเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจกลางดึก ในห้องพักฟื้นของคนไข้ที่ดีที่สุดในโรงพยาบาล และการแถลงของนายแพทย์ใหญ่ตำรวจอย่างตะกุกตะกักว่า เขามีอาการสารพัดอย่างไม่เคยปรากฏร่องรอยมาก่อนเมื่อเขาใช้ชีวิตหลบหนีโทษทัณฑ์อยู่เมืองนอก

พูดกันตรงๆ ว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่เชื่อหรอกว่า เขาจะมีอาการหนักหนาขนาดนั้นแม้จะออกจากปากของหมอซึ่งเป็นอาชีพที่มีต้นทุนทางสังคมสูงก็ตาม

มีคำถามว่า ถ้าสิทธิ์เหล่านั้นเป็นสิทธิ์ที่นักโทษพึงจะมีได้ มีใครเคยได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกันแบบนั้นมาก่อนบ้าง แน่นอนล่ะว่า ต้องเคยมีนักโทษที่ได้รับการอนุญาตให้มารักษาตัวในโรงพยาบาลภายนอก เพราะโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ไม่อาจจะรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงได้ แต่คนเหล่านั้นเคยได้สิทธิ์แบบเดียวกับทักษิณไหม แล้วมีคนป่วยในเรือนจำอีกกี่คนที่มีอาการแบบเดียวกับทักษิณแล้วได้รับการปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกันไหม

แล้วทักษิณจะนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานไหม หรือตลอดไป เพราะไม่มีใครรู้เลยว่า อาการทักษิณจะหนักขนาดไหนเพราะหมอก็อมพะนำอ้างไปได้ว่า ไม่อาจเปิดเผยเพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้ป่วย

รู้แหละว่าทักษิณก็คือทักษิณ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนที่มีอิทธิพลเหนือพรรคการเมืองที่กำลังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหน่วยงานของรัฐและข้าราชการก็ยากที่จะต้านทานอำนาจทางการเมืองได้ การต้อนรับทักษิณตั้งแต่สนามบินจึงยิ่งใหญ่เหมือนการต้อนรับวีรบุรุษกลับประเทศ มีตำรวจเหมือนจะไปอารักขามากกว่าจะไปควบคุมตัวนักโทษ ภาพที่ออกมาเหล่านั้นก็สะท้อนความผิดปกติของสังคมไทยมากพอแล้ว การปฏิบัติต่อทักษิณเหมือนคนสำคัญที่ไม่ใช่นักโทษยิ่งตอกย้ำความเป็นอภิสิทธิชน ความไม่เท่าเทียม และความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยให้ทรุดหนักลงไปอีก

เมื่อมีคนถามว่านี่เป็นนักโทษหรือเทวดา ไม่แปลกหรอกที่แพทองธาร ลูกสาวสุดรักของทักษิณจะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “เทวดา” ก็ไม่ผิดไปจากสิ่งที่ทักษิณได้รับการปฏิบัติจากฝ่ายอำนาจรัฐนั่นแหละ

น่าแปลกมากพรรคก้าวไกลที่มักจะพูดถึงความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าทียม คนเท่ากันกลับไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย

ผมพยายามไม่เชื่อนะครับว่า มีคนกล่าวหากันว่า การที่ต้องไปอยู่โรงพยาบาลก็เพราะการอยู่เรือนจำนั้นไม่สามารถติดต่อกับใครได้ในขณะที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลกัน แน่นอนว่าคนที่มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยและจะตัดสินใจว่าจะให้ใครเป็นรัฐมนตรีนั่งกระทรวงไหนต้องไม่ใช่ใครอื่น เชื่อเถอะว่าใครๆ ก็เชื่ออย่างนี้กันทั้งนั้น

ลองดูสิว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่โผกำลังปลิวว่อนมีการชักเข้าชักออกคนนั้นคนนี้มาเป็นรัฐมนตรีคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปเดินสายพูดคุยอยู่กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ภูเก็ตพังงาโน่น สะท้อนว่าอำนาจในการจัดการรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในมือของคุณเศรษฐาเลย อาจพูดได้ว่ามอบหมายให้ทีมเจรจาดำเนินการ แต่จะมีใครเชื่อบ้างว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือคนเหล่านี้

และที่กระชากใจคนในสังคมก็คือการแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน ทนายถุงขนมมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงขนาดเขี่ยอาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมือกฎหมายชั้นครูออกจากตำแหน่ง

มีคนบอกว่าทักษิณมีข้อดีคือพร้อมจะตอบแทนคนที่ถวายตัวรับใช้อย่างถึงที่สุด

แต่ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันก็สะท้อนความย่ามใจเมื่อมีอำนาจไม่สนว่าสิ่งที่ทำนั้นมันขยี้หัวใจของคนไทยหรือไม่ เพราะกรณีของพิชิตแม้ไม่ได้เป็นโทษทางอาญา แต่การกระทำนั้นมันสะท้อนถึงความมีจริยธรรมของคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เงินสองล้านที่พิชิตใส่ถุงไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาลนั้นสุดท้ายก็ถูกศาลสั่งจำคุกพร้อมพรรคพวกคนละ 6 เดือน ถ้าหากรักพวกพ้องคนที่เคยช่วยเหลือมาจะตอบแทนด้วยทรัพย์สินส่วนตัวก็ว่าไป แต่การเอาตำแหน่งมาประเคนให้นั้นถามว่า มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ มันดูถูกและเหยียบย่ำสังคมกันเกินไปไหม

รัฐธรรมนูญมาตรา 160 เขียนไว้ชัดว่า รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

แม้จะบอกว่าทักษิณนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้งรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็ฟังได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริง แต่ก็ยากที่จะทำให้คนเชื่อ

น่าสงสัยเหมือนกันว่า การใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนของทักษิณและน้องสาวนั้นไม่ได้ตระหนักหรือได้ทบทวนเลยหรือว่า ล้วนแล้วแต่มาจากการย่ามใจในอำนาจที่มีอยู่ทั้งสิ้น คิดว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ เหมือนที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งแม้จะกลับมาประเทศในฐานะนักโทษ แต่กลับได้รับการดูแลแบบที่ลูกสาวบอกว่าเป็นเทวดา

ไม่มีใครติดใจหรอกว่าทักษิณจะติดคุกกี่วันและจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ หากทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษไปหรือไม่ เพราะสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจก้าวล่วง

แต่สิ่งที่คนในสังคมไทยกำลังจับตาอยู่ก็คือ ทักษิณจะติดคุกจริงๆ แม้แต่วันเดียวหรือไม่ ถ้าไม่จะตอบคำถามเรื่องความยุติธรรมความเท่าเทียมในสังคมนี้อย่างไร
 
 ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น