จากการฟื้นฟูไอทีวีถึง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และลามไปถึงบันไดหกขั้นแห่งความวุ่นวายในบ้านเมือง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ไอทีวีมีคดีฟ้องกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คดีจะไปถึงศาลปกครองสูงสุดและมีสิทธิ์กลับมาดำเนินกิจการได้ใหม่ในเดือนสองเดือนนี้

อันนี้ผมอ่านจากโพสต์ของคุณจิรายุ ห่วงทรัพย์

ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นคุณ กับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล

เพราะเมื่อศาลปกครองสูงสุดตัดสินลงมาว่าไอทีวีชนะเมื่อไหร่ก็กลับมาออกอากาศได้อีกครั้งทันที ถ้ามีคนคิดจะเป็นนายทุนและดำเนินการ

ซึ่งทุกวันนี้คนถือหุ้นใหญ่ไอทีวี ก็น่าจะมีศักยภาพและมีความพร้อม อีกทั้งก็โดนก้าวไกลจะเล่นงานค่อนข้างมากในเรื่องพลังงาน

ถ้าเจ้าของตัดสินใจฟื้นฟูกิจการไอทีวีหลังจากศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ไอทีวีชนะภายในเดือนสองเดือนตามที่คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์อธิบายไว้ว่าชนะมาแล้วก่อนชั้นศาลปกครองสูงสุด

หรือแค่ให้ บมจ.อินทัช ออกมาให้ข่าวว่าหากชนะคดีไอทีวีจะกลับมาฟื้นฟูกิจการไอทีวี เท่านี้ก็มีน้ำหนักมากพอที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับฟังใช่หรือไม่ ?

เราก็อาจจะได้เห็นไอทีวีกลับมาเปิดกิจการออกอากาศใหม่

ซึ่งแน่นอนว่าเท่ากับไอทีวียังดำเนินกิจการอยู่และรอวันกลับมาออกอากาศอีกครั้งหากชนะคดีความ

นั่นคือเงื่อนตายของการขาดคุณสมบัติของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และอาจจะเป็นเงื่อนตายที่ทำให้ ส.ส. พรรคก้าวไกลทั้งหมดที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลงนามรับรองไปไม่ได้เป็น ส.ส. สักคนเดียว แล้วต้องเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง 112 เขต

ทั้งนี้ให้อ่านโพสต์ Facebook ล่าสุดของ อาจารย์คมสัน โพธิ์คงที่กล่าวถึง พรป.พรรคการเมือง เอาไว้ดังนี้

“มาตรา 24 พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม”

ดังนั้น ขอฟันธงว่า

หนึ่ง ข้อต่อสู้ที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์จะสู้ว่าไอทีวีไม่ได้ดำเนินกิจการสื่อแล้ว ตามที่ รศ. ดร. ณรงค์เดช สรุโฆษิต เสนอมานั้นน่าจะตก เพราะกำลังจะกลับมาดำเนินกิจการได้ใหม่ในไม่ช้า

สอง คุณพิธา ขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 98 วรรค 3

สาม คุณพิธา ขาดคุณสมบัติในการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ทั้งยังผิดตาม พรป พรรคการเมือง มาตรา 24 อีกด้วย

สี่ ที่คุณพิธา ลงนามไปรับรองว่าที่ผู้สมัคร สส ของพรรคก้าวไกล 500 คน ก็เป็นโมฆะหมดเช่นกัน

ห้า เกิดการเลือกตั้งใหม่ 112 เขต พรรคก้าวไกลน่าจะอ้างความชอบธรรมว่าได้คะแนนเสียงเลือกตั้งมาเป็นที่หนึ่ง ต้องได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น และขนมวลชนลงถนน

หก เมื่อนั้นความวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น อันเป็นไปตามที่ผมพยากรณ์บันไดหกขั้นของความวุ่นวายในบ้านเมืองเอาไว้

รายการอ้างอิง
1.ข้อบังคับพรรคก้าวไกลฉบับเต็ม https://dl.parliament.go.th/handle/20.500.13072/567249
2.ข้อบังคับพรรคก้าวไกล ทำไมเป็นปัญหา https://www.topnews.co.th/news/722483
3.การให้สัมภาษณ์ของ รศ. ดร. ณรงค์เดช สรุโฆษิต กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ถือหุ้นสื่อไอทีวี https://www.youtube.com/watch?v=Y_phu_M2Auo
4.โพสต์ของ อ คมสัน โพธิ์คง ประเด็น พรป. พรรคการเมืองhttps://www.facebook.com/komsarn.pokong/posts/pfbid02JtmTTCnLFfbeb2Hu845JoeNRppV9YTWyGEWyFircFcUWvuRzGWpsGLtoqZcsu3o6l
5.โพสต์ของคุณจิรายุ ห่วงทรัพย์ ว่าด้วยคดีไอทีวีและโอกาสในการฟื้นฟูกิจการ https://www.facebook.com/100044529099878/posts/pfbid0tBiErZWaM9fqH7cJ31LMvPwCFveURxnZdSJUskz5bZBNd2qABtRCyktAaRMKnyzFl/?mibextid=cr9u03