xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อดอลลาร์กลายเป็นสากกะเบือไม่ใช่อาวุธอันทรงประสิทธิภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตไปว่ากันเรื่อง “เงินๆ-ทองๆ” น่าจะเหมาะกว่า เพราะเรื่อง “การเมือง-การทหาร” ในช่วงระหว่างนี้ ออกจะเป็นอะไรที่น่าเหน็ดเหนื่อย น่าเบื่อ แถมชักหนักไปทาง “น่าเกลียด” เอามากๆ อย่างที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติคนปัจจุบัน “นายDmitry Medvedev” ท่านอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาดังๆ ว่าการป่าวประกาศว่าจะโจมตี-ตอบโต้รัสเซีย เพื่อยึดดินแดนคืน หรือกระทั่งยึดแหลมไครเมียไปโน่น ของกองทัพยูเครนและตัวตลก “Zelensky” เอาไป-เอามาแล้ว...มันชักไม่ได้ออกไปทางการสู้รบ การทำสงคราม แต่อย่างใด แต่หนักไปทาง “การก่อการร้าย” ซะมากกว่า!!!

แต่สำหรับเรื่องเงินๆ-ทองๆ...โดยเฉพาะ “เงินยูเอสดอลลาร์” ที่เคยมีอานุภาพ มีศักยภาพ ไม่ต่างอะไรไปจาก “อาวุธอันทรงประสิทธิภาพ” ของคุณพ่ออเมริกา ที่สามารถนำมาใช้ข่มขู่ คุกคาม บีบบังคับใครต่อใครได้แทบจะทั่วทั้งโลก หรือถือเป็น “Weaponization” ไม่ใช่แค่ “Dollarization” ธรรมดาๆ มาโดยตลอด มาถึงบัดนี้...จากที่เคยมีฐานะเป็นเงินทุนสำรองกว่า 78 เปอร์เซ็นต์ของโลก แต่ตามตัวเลขสถิติเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ดันลดฮวบๆ ฮาบๆ เหลือเพียงแค่ 58 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิดสะกิดใจ น่าจับตาสังเกตเอามากๆ ว่าโอกาสที่มันจะกลายสภาพเป็น “สากกะเบือ” เป็น “ไม้ตีพริก” ไม่ใช่ “อาวุธ” ที่น่าเกลียด น่ากลัว อีกต่อไปแล้ว หรือไม่? อย่างไร? อันอาจส่งผลให้ “อวสานอเมริกา” กับ “อวสานเงินดอลลาร์”กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันเอาเลยก็ไม่แน่...

คือถ้าฟังจากรายงานของบริษัทจัดอันดับเครดิตที่มีชื่อเสียงเรียงนามออกไปทางพวก “ขี้ยัวะ” หรือพวก “อารมณ์เสีย” อะไรประมาณนั้น หรือบริษัท “Moody’s Investor Services rating agency” ที่เพิ่งออกมาเสนอแนวคิดไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้ ดูๆ เขาไม่ค่อยจะเชื่อ ว่าเงินดอลลาร์อเมริกันจะกลายสภาพเป็น “แบงก์กงเต๊ก” เป็น “กระดาษเช็ดก้น” มากมายสักเท่าไหร่นัก แต่กลับเชื่อว่าเงินตราสกุลนี้ ที่แม้จะไม่ได้มีสินทรัพย์ใดๆ ค้ำประกัน หนุนหลังเอาไว้เลย แต่ยังน่าจะมีอานุภาพ ศักยภาพ เพียงพอที่จะ “ครอบงำ” ระบบการเงินของโลกทั้งโลก ต่อไปได้อีกกว่านับทศวรรษๆ เป็นอย่างน้อย ด้วยเหตุเพราะผู้ที่คิดจะท้าทาย ผู้ที่คิดเลิกใช้เงินยูเอสดอลลาร์ทั้งหลาย ต่างไม่สามารถ “ตอบโจทย์” กันได้ถนัดๆ ว่าเงินตราสกุลใดที่จะมี “ขนาด” เทียบเท่าได้กับเงินยูเอสดอลลาร์ หรือที่มีความปลอดภัย ความสะดวก ง่ายดาย ต่อการแปลงสภาพ (convertibility) ได้เท่ากับเงินตราสกุลนี้...

แต่ก็นั่นแหละ...ผู้ที่อาจคิดไม่เหมือนกับ “Moody’s” ก็น่าจะมีอยู่มิใช่น้อย ไม่ว่านักเศรษฐศาสตร์ นักวิจัยชาวแคนาดา อย่าง “ดร.Radhika Desai” ผู้อำนวยการ “The Geopolitics Economy Research Group” “นายStephen Jen” ซีอีโอของ “Eurizon” “นายJamie Dimon” หัวหน้าคณะผู้บริหารบริษัท “JP Morgan Chase” “นายGregory Daco” หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ “EY Parthon” “นายCharles Nenner” อดีตนักเศรษฐศาสตร์ “Goldman Sachs” ฯลฯ ที่ออกจะเห็นไปในแนวคล้ายๆ กันว่า “อวสานเงินดอลลาร์” และ “อวสานอเมริกา” กำลังใกล้เข้ามาทุกที หรือแม้แต่ “นายJim O’Neill” อดีตประธาน “Goldman Sachs” ที่เพิ่งให้สัมภาษณ์ทีวีรายการ “Going Underground” ไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็ค่อนข้างเชื่อว่า “เงินยูเอสดอลลาร์จะไม่ใช่ราชาของระบบการเงินโลกไปโดยตลอด” เพราะ “จุดจบของเงินดอลลาร์” กำลังถูกกล่าวขวัญถึงอย่างหนักหนา-สาหัสที่สุดเท่าที่เคยมีมา หรือหนักไปทาง “ใครๆ ก็ไม่รักผม-แม้พัดลมยังส่ายหน้าเลย” ประมาณนั้น...

และโดยคำกล่าวที่ว่านี้...ก็น่าจะมี “น้ำหนัก” รองรับมิใช่น้อย อย่างเมื่อวัน-สองวันนี้ หรือตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป กลุ่มประเทศที่รวมตัวกันสร้างระบบการชำระหนี้ระหว่างกันและกัน หรือที่เรียกว่า “Asian Clearing Union (ACU)” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 อันประกอบไปด้วยอินเดีย อิหร่าน บังกลาเทศ ภูฏาน พม่า เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา และมัลดีฟ ก็ได้ตัดสินใจเริ่มหันไปใช้ปฏิบัติการที่เรียกว่า “A new cross-border financial massaging system” แทนที่จะใช้ระบบ “SWIFT” ซึ่งถูกครอบงำด้วยอิทธิพลเงินดอลลาร์ พร้อมๆ กับการผลักดันให้บรรดาธนาคารกลางของชาติสมาชิกเหล่านี้ ละทิ้งเงินดอลลาร์หรือ “De-Dollarization” กันอย่างเป็นงาน-เป็นการ หรือแม้แต่บรรดาชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่หยิบเอาเรื่องการ “De-Dollarization” ไปพูด ไปอภิปราย อย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว ในการประชุมที่อินโดนีเซียเมื่อไม่นานมานี้ ไปจนถึงชาติต่างๆ ในแอฟริกา ในละตินอเมริกา ฯลฯ ที่ต่างหันมา “De-Dollarization” จนกลายเป็นแนวโน้มระดับโลก หรือเป็น “The Global De-Dollarization” กันไปแล้วก็ว่าได้...

ที่น่าสนใจเอามากๆ...ก็คือในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศ “BRICS” ที่เมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-2 มิ.ย.) การหยิบยกเอาเรื่องการใช้ “เงินสกุลทางเลือก” แทน “เงินดอลลาร์” มาพูดจาว่ากล่าวกันอย่างจริงๆ จังๆ กลายเป็นประเด็นสำคัญและร้อนแรงเอามากๆ โดยอันที่จริงสิ่งเหล่านี้ ประเด็นเหล่านี้ ถูกหยิบยกมาพูดถึงโดยรัฐมนตรีต่างประเทศแอฟริการใต้ “นายNaledi Pandor” มาตั้งแต่ต้นปีเอาเลยก็ว่าได้ ไม่ต่างไปจากผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ที่ได้ป่าวประกาศกับบรรดาผู้นำชาติละตินอเมริกาทั้งหลายไว้เมื่อไม่นานมานี้นั่นแหละว่า... “เวลาได้สุกงอมเต็มทีแล้วสำหรับละตินอเมริกาและ BRICS ที่จะละทิ้งเงินยูเอสดอลลาร์ เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศซีกโลกใต้” ยิ่งมีทายาททางการเมืองอย่าง “นางDilma Rousseff” ถูกวางตัวไว้ในฐานะประธานธนาคาร BRICS หรือ “NDB” (New Development Bank) กระบวนการ “De-Dollarization” และการปล่อยเงินกู้เพื่อสนับสนุนบรรดาประเทศกำลังพัฒนาภายใต้ร่มเงาของธนาคารแห่งนี้ ก็ยิ่งระเบิดเถิดเทิงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ชนิดที่ทำให้ผู้นำคิวบาอย่างประธานาธิบดี “Miguel Diaz Canel” ที่ถูกคุณพ่ออเมริกาใช้เงินดอลลาร์เป็นเครื่องมือห้ามชาติต่างๆ ทำมาค้า-ขายกับคิวบามาร่วม 6 ทศวรรษ ถึงกับออกมาชี้ชวน เชิญชวน ประเทศต่างๆ ถึงขั้นว่า “ได้เวลาที่จะทิ้งเงินดอลลาร์ได้แล้ว” ด้วยเหตุเพราะ “BRICS ได้สร้างทางเลือกอันเฉียบแหลมให้กับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย” ฯลฯ...

แน่ล่ะว่า...กลุ่มประเทศ BRICS อันประกอบไปด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้นั้น ย่อมเป็นอะไรที่ “ดูเบา” ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะแม้จะเป็นประเทศ “เศรษฐกิจใหม่” หรือจัดอยู่ในประเภท “กำลังพัฒนา” ก็ตาม แต่สัดส่วนรายได้ของ 5 ประเทศที่ว่านี้ มาแรงแซงโค้ง เลยหน้าประเทศคนเคยรวย อย่างกลุ่มประเทศ “G7” อันประกอบไปด้วยอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปีที่แล้ว หรือ 31.5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก สูงกว่ากลุ่ม G7 ที่มีสัดส่วนอยู่แค่ 30 ของจีดีพีโลกและนับวันจะสาละวัน-เตี้ยลงๆ ยิ่งเข้าไปทุกที ถึงขั้น “เศรษฐกิจถดถอย” กันเป็นประเทศๆ ยิ่งผู้ที่กำลังคิดจะเข้ามาเป็นสมาชิกรายใหม่ของ BRICS และ NDB มีทั้งอภิมหาเศรษฐีน้ำมันอย่างซาอุดีอาระเบีย ไปจนถึงประเทศที่มีแหล่งสำรองน้ำมันไม่น้อยไปกว่าใคร อย่างอิหร่าน ที่เพิ่งได้กลับเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปกเมื่อไม่กี่วันมานี้ ยิ่งย่อมส่งผลให้กระบวนการ “De-Dollarization” ยิ่งระเบิดเถิดเทิงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น!!!

ดังนั้น...แม้ว่าเงินดอลลาร์ยังไม่ถึงกับต้องกลายเป็น “แบงก์เต๊ก” หรือเป็น “กระดาษเช็ดก้น” ก็ตามที แต่ในแง่ของการใช้เป็น “อาวุธ” ในการข่มขู่ บังคับ คุกคามใครต่อใคร มันอาจไม่ต่างอะไรจาก “สากกะเบือ” ยิ่งเข้าไปทุกที ส่วนอะไรที่จะเข้ามาแทนที่เงินสกุลยูเอสดอลลาร์ได้นั้น ถ้าว่ากันตามความคิด ความเห็น ของผู้อำนวยการสถาบัน “The Institute of Peaceful Development of the Chinese Academy” อย่าง “นายLiao Zhengrong” ที่สรุปเอาไว้น่าคิด น่าสะกิดใจมิใช่น้อย นั่นคือ... “แม้วิวัฒนาการโดยตรงของระบบการเงินระหว่างประเทศจะยาวนานและคดเคี้ยว แต่ด้วยความร่วมมือของสกุลเงินอันหลากหลายที่จะตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ย่อมสามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายจนได้” และนั่นย่อมส่งผลให้ “อวสานเงินดอลลาร์” กับ “อวสานอเมริกา” ย่อมกลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น