สมการการเมือง
เดินหน้าเหมือนรอเวลาเป็นรัฐบาล เดินสายพบปะข้าราชการรับฟังข้อมูลเตรียมแผนการบริหารประเทศ เป็นท่วงทำนอง 1-2 สัปดาห์นี้ ของพรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เรียกตัวเองว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรี
ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง จนถึงขณะนี้พรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถหาเสียงได้ถึง 376 เสียง ตรงตามปริมาณที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้
ส.ว.ที่ออกมาระบุว่า จะโหวตให้ พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ยังมีไม่ถึง 60 คน แต่กลับมั่นใจซ้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะทำงาน 8 พรรคร่วม เตรียมช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลขึ้นมา
หรือแม้แต่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ยังตกลงกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ว่าใครจะได้ไปครอง แต่เดินหน้าเสมือนหนึ่งว่า ได้เป็นแน่ๆ ไม่กลัวต้องแก้เขินในตอนท้าย
ไม่มีทางที่พรรคก้าวไกลจะไม่รู้ว่า พรรคเพื่อไทยไว้ใจไม่ได้ มีหรือจะไม่รู้ว่า ฉากหวานของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ที่ขอเปลี่ยนดีลลับเป็นดีลเลิฟ มันเป็นเพียงบททางการเมือง
ไม่มีทางที่พรรคก้าวไกลจะไม่ได้กลิ่นเรื่องดีลลับระหว่างพรรคเพื่อไทย กับฝ่ายอำนาจในปัจจุบัน เพราะหน้าต่างย่อมมีหู ประตูย่อมมีช่อง เห็นร่องรอย ท่าทางที่มีพิรุธ
และไม่มีทางที่พรรคก้าวไกล จะไม่รู้ว่า ตัวเองอาจจะถูกเททิ้ง เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งทางการเมือง
แต่ที่พรรคก้าวไกลต้องทำคือ เมื่อเรื่องนี้คือละครโรงใหญ่ ก็เอาตัวเองลงไปเล่นในละครเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างสมบทบาทของตัวเอง
เดินไปให้สุด ทำให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของแต่ละพรรค หากวันใดวันหนึ่งต้องถูกหักหลัง อย่างน้อยพรรคก้าวไกลจะได้รับความเห็นใจสูงสุด ในขณะที่พรรคอื่นๆ จะถูกตราหน้าว่า รังแกเด็ก หักหลัง และไว้ใจไม่ได้
ไม่ได้เป็นรัฐบาลครั้งนี้ไม่เป็นไร เพราะจุดมุ่งหมายเดิมไม่ได้คิดว่าตัวเองจะชนะเลือกตั้งได้เป็นอันดับ 1 เร็วขนาดนี้ ตั้งใจจะขอสะสมชั่วโมงบินเป็นฝ่ายค้านอีกสักสมัยอยู่แล้ว
เกมของพรรคก้าวไกลเป็นเกมระยะยาว “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังถูกตัดสิทธิทางการเมือง เหลืออีกตั้ง 7 ปี กว่าจะพ้นโทษ ฉะนั้นรอได้อยู่แล้วไม่เสียหาย
ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง เริ่มขยับตัวลำบากมากขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะทำอะไรถูกจับผิด ถูกหวาดระแวงจากอีกฝั่ง เหมือนถูกรู้ทันแทบทุกเรื่อง
ขนาดกรณี นพ.ชลน่าน เปิดศึกวิวาทะกับ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยสร้างไทย เรื่องการไม่รักษามารยาท คนยังเข้าข้าง น.ต.ศิธา แล้วซัดกลับพรรคเพื่อไทยว่า พยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เสมือนหนึ่งจะหาเงื่อนไขถอนตัวออกจาก 8 พรรคร่วม
รวมไปถึงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่บรรดาลูกพรรคออกมาประกาศจับจอง พร้อมขู่พรรคก้าวไกลว่า จะถอนตัวออกจากพรรคร่วม หากจะยึดเอาไว้กับตัวเองทุกตำแหน่ง
พรรคเพื่อไทยทำอะไรตอนนี้แทบผิดหมด ต้องคอยสวมบทให้เนียนขึ้นไปเรื่อยๆ แม้แต่เที่ยวล่าสุดที่ นพ.ชลน่าน ประกาศคำหวานว่า จะอยู่ด้วยกันตลอดไป เพื่อให้ความหวาดระแวงจากสังคมลดลง
พรรคเพื่อไทยรู้ว่า เกมนี้พลิกตัวลำบาก หากเทพรรคก้าวไกล จะต้องเจอกับกระแสสังคมที่ถาโถม บรรดาลูกพรรคที่ต้องรับหน้า ชักไม่อยากสวมบทคนดีที่ต้องเสียคน หากมีการพลิกขั้ว
ดูใบหน้า นพ.ชลน่านได้เลย รู้ตัวดีว่า จากที่ได้รับคำชมเชย แต่วันหนึ่งหากบทสรุปออกมาเป็นหนังคนละม้วน คำเยินยอเหล่านี้ จะถาโถมหาตัวเองในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทยตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยไหลไปตามเกม สวมบทบาทสหายร่วมรบให้สมบทบาทที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากวันหนึ่งต้องเป็นพรรคเพื่อไทย ได้โอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องมาจากวิกฤตการณ์การเมือง ไม่ใช่เพราะไปแย่งเขามา
เกมที่จะให้ชื่อของ พิธา ไปติดหล่มอยู่ในชั้นโหวตนายกรัฐมนตรี แล้วเปิดโอกาสให้คนของพรรคเพื่อไทยเสนอตัว ถูกจับทางได้หมด หากหวยออกมาแบบนั้น พรรคเพื่อไทยโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแน่ อ้างเหตุผลอะไรคงฟังไม่ขึ้น
ตอนนี้ในมุมของพรรคเพื่อไทย อยากปล่อยให้ฝ่ายอำนาจเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้ โดยเฉพาะกรณีถือหุ้นไอทีวี ของ พิธา ที่วันหนึ่งต้องขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ
พรรคเพื่อไทยจะผันแปรมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ วันนั้นต้องไม่ใช่เพราะ พิธา ไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมสองสภา แต่ต้องเป็นเพราะกระเด็นตกเก้าอี้ ไม่สามารถเสนอชื่อ พิธาได้อีกแล้ว
พรรคก้าวไกล และ พิธา ถูกเล่นงานทางข้อกฎหมาย จนไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ถึงตอนนั้นถึงจะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของ พรรคเพื่อไทย ที่จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าไปแย่งเหรียญทองมาจากพรรคอันดับ 1
พรรคเพื่อไทยเองก็พยายามโยนเกมนี้กลับไปสู่มือผู้มีอำนาจเป็นคนแก้ปัญหาบ้าง!
หากอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล มากกว่าพรรคก้าวไกล เป็นภาระของคนกุมอำนาจ ที่ต้องทำให้พรรคเพื่อไทย
เพราะตอนนี้ไม่ว่าขยับอะไรก็ถูกจับผิด จับทางได้หมด จนรู้สึกเขินตัวเองกับบทบาทที่ได้
ช่วงเวลาต่อจากนี้เป็นฝ่ายกุมอำนาจที่ต้องจัดการเคลียร์ทางให้พรรคเพื่อไทย เพื่อให้โดนด่าน้อยที่สุดหากจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เคลียร์ทางที่ว่า คือ ไม่มี พิธา ทุกอย่างจะง่ายขึ้น!!